ถอยจากฉากการเจรจาต่อรองของมาร์นี่และแองโกร่า ทั้งคู่ยังคงเดินผ่านฝูงชนที่พลุกพล่าน พวกเขาเดินผ่านชาวเมืองที่กำลังเทเบียร์มอลต์ให้กับผู้เล่น

จากนั้นพวกเขาก็เจอนายทะเบียนแวนเค่อ•นอร์เรจี้ ที่กำลังพูดคุยกับเจ้าหญิงลีอาและองครักษ์ของเธออย่างไม่รู้จบ

“ฝ่าบาท แม้ว่าตอนนี้เราจะยึดฐานที่มั่นลับของเราในแลงคาสเตอร์กลับคืนมาได้แล้ว แต่ถ้าเราใช้สถานที่เล็ก ๆ เช่นนั้นเริ่มต้นแผนการทวงคืนดินแดนของเรา มันก็ยังยากอยู่ ดังนั้นข้าขอเสนอให้เราสะสมทรัพยากรอย่างลับ ๆ เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม…”

ลีอาพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ที่ท่านจะบอกคือข้าต้องบดเลเวลและแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่ข้าจะได้บดขยี้หัวศัตรูของข้าได้ใช่ไหม”

“ไม่ ข้าหมายความว่าความกล้าหาญของคนคนเดียวมีจำกัด ดังนั้นในฐานะเจ้าหญิง ท่านควรใช้ประโยชน์จากเวลาที่เรามี สะสมกองกำลังเพื่อยึดเทียร์ร่าคืนมา…”

“ข้าเข้าใจแล้วท่านปู่แวนเค่อ ท่านหมายความว่าข้าจะต้องหาเพื่อนร่วมปาร์ตี้ที่ดี ให้พวกเขาคอยปะทะกับพวกลูกกระจ๊อก ในขณะที่ข้าตรงเข้าไปขยี้หัวศัตรูฝ่ายตรงข้าม เพราะข้าเลเวลสูงพอ!” ลีอาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง สีหน้าของเธอสดใสขึ้น “อันที่จริงข้ารู้สึกว่ากิจกรรมก่อนหน้านี้ทำให้ข้าเสียเวลาอันมีค่ามากเกินไป ข้าจะไปบดเลเวล ข้าจะไปหาปาร์ตี้เข้าหุบเขาแห่งความตายก่อน!”

ลีอาไม่รอให้ชายชราตอบ เธอหายตัวไปทันที

นายทะเบียนโกรธมากจนรู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบกระดอนออกจากอก เขาร่ายคาถารักษาให้ตัวเองก่อนที่จะหันไปหาองครักษณ์คนหนึ่งของลีอา “บอริส ใครสอนเจ้าหญิงตอนที่ข้าไม่อยู่”

“คาร์โลครับ” บอริสตอบชายชราอย่างเคารพ

“คาร์โลอยู่ไหน เรียกเขามาสิ!” ชายชราตัวสั่นด้วยความโกรธ ร่างกายที่อ่อนแอของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังเพราะความโกรธ “สั่งสอนเจ้าหญิงได้ห่วยมากจนเธอกลายมาเป็นแบบนี้ เขาสมควรจะถูกลงโทษ!”

“เอิ่ม ข้าคิดว่านั่นเป็นไปไม่ได้ครับ…”

“อะไร? เจ้ากล้าช่วยเขาเหรอ พาเขาออกมา ข้าอยากจะขยี้หัวเขา!”

“แต่ท่านครับ” บอริสตอบ “หัวของคาร์โลถูกฝ่าบาทตัดไปแล้ว…”

นายทะเบียน “…”

ซีเว่ยไม่ค่อยมสนใจเรื่องพูดคุยของพวกราชวงค์ ดังนั้นเขาจึงติดตามซ่งเยวี่ยนต่อไป

เขาผ่านผู้เล่น 2-3 คนที่กำลังแข่งกันดื่มและพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์เกรดต่ำให้กับผู้เล่น ท่ามกลางความโกลาหล ซีเว่ยพบอีวานที่กำลังคุยเรื่องแปลก ๆ กับลูกน้องของเขา อีวานเป็นอดีตหัวหน้าผู้คุ้มกันของมาร์นี่และยังเป็นผู้เล่นแถวหน้าที่เอ็ดเวิร์ดพาเข้าปาร์ตี้ไปด้วยบ่อยครั้ง

“หัวหน้า ท่านคิดว่ามันแปลกไหมที่บัฟป้องกันของกิจกรรมนี้ชื่อว่า อเวนเจอร์ป้องกันการโจมตีจากธานอส?” เด็กหนุ่มที่สวมชุดไอรอนแมนถาม

“เจ้าอยากจะพูดอะไรไอ้หนุ่ม”

“ลองคิดดูสิ หลังจากกิจกรรมจบ เราทุกคนก็ได้ฉายา Avengers จากเทพเจ้าแห่งเกมไม่ใช่เหรอ” เขาชี้ไปที่ฉายาที่ส่องประกายอยู่เหนือหัวของเขา “มันความหมายว่า Avengers คือเรา แล้วธานอสล่ะคือใคร ทำไมเขาถึงต้องการเอาชนะพวกเรา”

“หืม เขาอาจจะเป็นศัตรูกับเทพเจ้าแห่งเกมรึเปล่า ไม่สิ ชื่อบัพนี้มันดูน่าตลกเกินไปหน่อย นอกจากศัตรูแล้วยังมีใครบางคนที่โจมตีเราได้อีกเหรอ…ธานอสเป็นคำที่เทพเจ้าแห่งเกมตั้งขึ้นมาใช้เรียกแทนตัวศัตรูรึเปล่า” อีวานพยายามใช้สมองที่มึนเมาของเขาคิดเรื่องไร้สาระนี้อย่างหนัก

“เทพเจ้าแห่งเกมคงไม่ทำอะไรอ้อมค้อมแน่ ข้าคิดว่ามันก็เหมือนคำที่เราใช้เรียกพวกเหี้ย แต่ธานอสต้องเป็นพวกที่เหี้ยกว่าปกติมาก!” เด็กหนุ่มที่ถามคำถาม เดาไปพร้อมกับอีวาน

“โอ้ คราวหน้าเวลาเราเห็นพวกเหี้ย เราก็ต้องเรียกพวกมันว่าธานอส!”

“ท่านพูดถูก เรียกพวกที่เหี้ยเป็นพิเศษว่าธานอส!”

จากนั้นอีวานและเด็กหนุ่มก็ชนแก้วอย่างมีความสุข

“เทพเจ้าแห่งเกมจงเจริญ!”

“เทพเจ้าแห่งเกมจงเจริญ!”

ปากของซีเว่ยกระตุก เขาตัดสินใจหยุดสองคนนี้ก่อนที่พวกเขาจะแพร่กระจายคำหยาบคายออกไปสู่ผู้เล่นคนอื่น

[ติ้ง! ผู้เล่นอีวานและเกลถูกปิดเสียงเป็นเวลา 30 นาที เนื่องจากใช้ภาษาหยาบคาย]

อีวานและเกล “???”

หลังจากเดินไปได้สักพัก ในที่สุดซ่งเยวี่ยนก็พบเอ็ดเวิร์ดและปาร์ตี้ของเขา เขาเดินออกไปต่อแถวรับอาหารเสียบไม้หลังจากที่ซีเว่ยกล่าวขอบคุณเขา

เอลีน่าที่ดูเหมือนจะคุยอะไรบางอย่างกับเอ็ดเวิร์ดอยู่เห็นซีเว่ยเป็นคนแรก เธออยากจะตะโกนเรียกเขา แต่ชายคนนั้นก็ยื่นนิ้วไปแตะที่ริมฝีปาก บอกเป็นนัยน์ให้เธออย่าทำเสียงดัง เด็กสาวจึงเอามือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว

แต่การกระทำของเธอก็ยังคงดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ รอบตัว พวกเขาหันมามองซีเว่ยที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตกตะลึง

“เออ…” โชคดีที่เอ็ดเวิร์ดไม่ใช่เด็กโง่คนนั้นอีกต่อไป เขากลับมาสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว และถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพว่า “ตอนนี้ เราควรเรียกท่านเช่นไรดี”

“เรียกข้าว่านายท่านซีเว่ยอย่างที่เจ้าเคยเรียกก็ได้”

“แต่มันไม่สุภาพเลย…นายท่านซีเว่ย ท่านเป็นเขาจริง ๆ หรือ” เอ็ดเวิร์ดถามขณะที่เขาชี้ไปที่ท้องฟ้า

“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าก็เป็นเหมือนอาร์คบิชอปของศาสนจักรเทพเจ้าแห่งเกม” ซีเว่ยตอบด้วยรอยยิ้มมืออาชีพ

แม้ว่าเรื่องจะต่างจากที่พวกเขาคิด แต่หลังจากที่ได้ยินคำตอบของซีเว่ย พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ท้ายที่สุด หากพวกเขาได้โต้ตอบกับเทพเจ้าจริง ๆ มันก็เครียดเกินไป

“ท่านจะอยู่นานแค่ไหน?” เอ็ดเวิร์ดจ้องมองเขาอย่างมีความหวัง ก่อนจะร้องขึ้นมาว่า “ข้ามีเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้ท่านฟัง!”

“ขอโทษ ข้าแค่มาดูว่าพวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง ข้าอยู่ที่นี่ไม่นานนักหรอก” ซีเว่ยส่ายหัว

แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะลงมาสู่แดนมรรตัย แต่ในฐานะเทพเจ้า เขาก็ยังต้องรักษาระยะห่างกับผู้ศรัทธา เป็นเรื่องดีที่จะได้สัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านี้แบบนาน ๆ ครั้ง

“อา…” เด็กสาวผมสีเงินก้มหน้าลงอย่างไม่มีความสุข

“อย่างที่ท่านเห็น ตอนนี้พวกเราทุกคนมีความสุขดี ทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณท่าน” เอ็ดเวิร์ดกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ

โจ เจสสิก้า และโกวต้าน…เอ่อโตวก้าน พยักหน้าเห็นด้วย

ซีเว่ยยิ้ม เขาหยิบอมยิ้มออกมาจากด้านในเสื้อคลุม แกะห่อพลาสติดแล้วส่งมันเข้าไปในปากของเอลีน่า

เอลีน่าที่กำลังก้มหน้าอยู่ตกใจ ก่อนที่จะหลงไปกับความหวานฉ่ำอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าอมยิ้มนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้พลังงานเทพเจ้าของซีเว่ย แต่เนื่องจากตอนนี้เขามีพลังงานเทพเจ้ามากมายพอ ซีเว่ยจึงไม่คิดมากกับมัน

เมื่อเห็นเด็กสาวรู้สึกดีขึ้น ซีเว่ยจึงมอบอมยิ้มให้เธอทั้งห่อก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องห่วงข้า ข้าจะมาหาเจ้าเมื่อข้ามีเวลา”

เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ มองหน้ากันโดยรู้ว่าซีเว่ยหมายถึงอะไร เขากำลังจะหายตัวไปอย่างกะทันหันเหมือนครั้งที่แล้ว

“ท่านให้เวลาเราหน่อยได้ไหม? แค่นิดหน่อยเท่านั้น” เอ็ดเวิร์ดขอร้อง

“มีอะไรเหรอเด็ก ๆ” ซีเว่ยนั่งลง เขากำลังคิดว่าเด็กหนุ่มคงจะมีคำขออะไรสักอย่าง

แต่ตรงข้ามกับการคาดเดาของเขา เอ็ดเวิร์ดถอยไปด้านข้างให้ซีเว่ยได้มองเห็นท้องฟ้าแบบเต็ม ๆ

วินาทีต่อมา ไฟร์บอลและระเบิดน้ำแข็ง 2-3 ลูกก็ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และระเบิดเป็นดอกไม้ไฟที่สวยงาม

ด้วยความเข้าใจในเวทมนตร์ที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน ดอกไม้ไฟที่สร้างโดยผู้เล่นเมจล้วนออกมาไม่เหมือนกัน มันได้เปลี่ยนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดให้กลายเป็นผืนผ้าใบที่สวยงาม

เมื่อดอกไม้ไฟสว่างขึ้น ทั้งเมืองต่างก็สว่างไสวจนเทียบไม่ได้กับแสงของกองไฟ

“ความหวังในอนาคต เหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ และชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่เรามีอยู่ในตอนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นของขวัญจากเทพเจ้าแห่งเกม!”

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่แองโกร่าปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเขา ภายใต้การคุ้มครองของวีลา เขายกแก้วเบียร์ขึ้นและตะโกนบอกชาวเมืองเบื้องล่างว่า “ช่วงเวลานี้ และเบียร์แก้วนี้ ข้าจะขอมอบมันให้กับเทพเจ้าแห่งเกมอันเป็นที่รักของเรา! โอ้ เทพเจ้าแห่งเกม โปรดประทานชีวิตใหม่แก่เรา!”

“โอ้ เทพเจ้าแห่งเกม โปรดประทานชีวิตใหม่แก่เรา!”

ผู้เล่นทุกคนชูอาหารเสียบไม้และแก้วในมือพวกเขา และตะโกนตามแองโกร่าอย่างตื่นเต้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซีเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

“เหลาซือ*ประทับใจจริง ๆ…”

(เหลาซือ คำเรียกแบบอวยตัวเองนิด ๆ แปลตรง ๆ ได้ว่า อาจรย์)

————————————————————————————————————————————————————————–