ตอนที่ 123 ป้าหูจอมมารยา

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 123 ป้าหูจอมมารยา

หลินม่ายเริ่มอธิบายให้คุณหมอหนุ่มกระจ่างขึ้น “แค่เติมผงฟูลงไปในแป้ง แป้งจะพองขึ้นฟูตอนที่นึ่ง เท่านี้ก็ดูลูกใหญ่ขึ้นมากกว่าปกติได้แล้ว ฉันหาซื้อผงฟูไม่ได้ ส่วนผสมของแป้งที่ใช้ก็มีแค่น้ำด่างกับแป้งหมัก ถึงจะช่วยให้ฟูได้บ้างแต่ก็ไม่เท่ากับการใส่ผงฟูลงไปหรอก”

“อย่างนี้นี่เอง” ฟางจั๋วหรานพยักหน้าตาม “เอาไว้เดี๋ยวผมจะหาซื้อผงฟูมาให้คุณเอง”

หลินม่ายรู้ว่าเขาเป็นคนกว้างขวางรู้จักคนมากมาย คงจะหาซื้อผงฟูที่ไม่มีในท้องตลาดให้เธอได้ จึงขอบคุณเขาไปอย่างยินดี

ถ้าเธอได้ผงฟูมาล่ะก็ ไม่มีทางที่ร้านข้าง ๆ จะมาต่อกรได้

ยอดขายของร้านอาหารยังดีวันดีคืน โจวฉายอวิ๋นทำงานอย่างขันแข็งอยู่ทุกวัน

ในตอนเที่ยงของวัน หลังจากขายอาหารเช้าเรียบร้อย โจวฉายอวิ๋นก็เอาซึ้งไม้ไผ่ออกมาล้างอย่างมีความสุขแล้วพูดกับหลินม่ายว่า “พรุ่งนี้ขอให้ขายได้เยอะ ๆ แบบเมื่อก่อนทีเถอะ”

หลินม่ายส่ายหน้า “จะให้กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนเลยคงยังไม่ได้ เพราะยังไงบ้านข้าง ๆ ก็ขายถูกกว่าเรา ถ้าทำเยอะเกินไปก็กลัวว่าจะขายไม่หมด แถมอากาศช่วงนี้ก็ร้อนมาก เก็บของกินไว้นานก็จะเสียอีก เปลืองเงินเปล่า ๆ รออาจารย์ฟางซื้อผงฟูมาให้ก่อนแล้วกัน”

โจวฉายอวิ๋นได้ยินแบบนั้นก็อดเคืองใจไม่ได้ “ฉันล่ะอยากจะจัดการนังแม่มดเฒ่านั่นให้ได้เร็ว ๆ จริง ๆ “

หล่อนเกลียดยัยป้าร้านข้าง ๆ เอามากๆ อยากจะให้ล่มจมเสียตั้งแต่วันนี้

หลินม่ายเหลือบมองคนอายุมากกว่า “พี่ว่าเราจะจัดการเขาได้เหรอ?”

โจวฉายอวิ๋นถามกลับ “แล้วมันไม่ได้เลยเหรอ”?

“ไม่น่า พวกเขาเองก็มีทักษะในการทำอาหาร ราคาขายก็ถูกกว่าเรา แถมยังมีกลยุทธ์ลดราคาบ่อย ๆ เรียกลูกค้าให้ไปซื้อได้เยอะ ถนนเส้นนี้คนก็ผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอด มีลูกค้าขาจรที่ไม่รู้ว่าที่ไหนดีกว่าก็มาก ที่ไปเป็นลูกค้าของเขา”

“แต่อย่างน้อย ๆ เราก็ยังอยู่ได้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทำไปจนตายก็ไม่เข้าเนื้อ แต่ยัยแม่มดเฒ่านั่นขายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ค่อยได้กำไรเดี๋ยวก็คงเจ๊งไปเอง”

หลินม่ายกล่าวแล้วพยักหน้ายืนยัน “อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ”

สองวันต่อมาฟางจั๋วหรานก็หาผงฟูมาให้หลินม่ายจนได้

หลังเลิกงาน ชายหนุ่มมาหาเธอพร้อมกับเอาผงฟูห้าซองใส่ถุงมาด้วย

ส่วนสื่อเจินเซียงสาวบ้านข้าง ๆ ก็แอบชื่นชมเขาจากระยะไกลอยู่ที่ร้านฝั่งตัวเอง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอได้เจอเขาในร้านของแม่ หล่อนก็ตกลงกับตัวเองว่าจะต้องหาโอกาสไปเจอเขาอีกบ่อย ๆ

ทว่าหล่อนกลับไม่ได้เจอเขาอีกเลย

วันนี้ได้เจอเขาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็จะหาทางเข้าไปพูดคุยกับเขา

ถ้าทำความรู้จักกันไว้แล้ว ต่อไปจะทักทายหรือหาเรื่องไปเจอก็คงจะสมเหตุสมผลมากขึ้นกว่านี้ แล้วหลังจากนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะใจเขาได้

การจะได้ผู้ชายมาก็ต้องอาศัยมารยาร้อยเล่มเกวียนเสียหน่อย

คิดได้แบบนั้นหญิงสาวก็สาวเท้าเข้าไปใกล้เป้าหมาย

เมื่อเข้าใกล้ฟางจั๋วหรานก็แสร้งทำเป็นสะดุดล้มลงไปซบเขา

ฟางจั๋วหรานตกใจเบี่ยงตัวหนีตามสัญชาตญาณ ทำให้สื่อเจินเซียงหน้าคะมำลงไปที่พื้นอย่างสวยงาม

ในหน้าร้อนแบบนี้ พื้นถนนทั้งแข็งและร้อนจนแทบจะใช้ทอดไข่ได้

สาวเจ้าถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อล้มไปกองอยู่ที่พื้นนั่น

พอเห็นแบบนั้นฟางจั๋วหรานจึงขยับเข้าไปเพื่อจะช่วยหล่อน แต่ป้าหูกลับออกจากร้านมาช่วยลูกสาวเอาไว้ก่อน

ป้าหูออกปากตำหนิชายหนุ่มขึ้นมาทันที “ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไงหา ชนคนอื่นจนล้มขนาดนี้!”

คุณหมอหนุ่มหน้าตึงขึ้นมาทันที “คุณเอาตาที่ไหนดูว่าผมชนหล่อน?”

สื่อเจินเซียงยังอยากสานสัมพันธ์ในภายภาคหน้ากับฟางจั๋วหรานอยู่ จะปล่อยให้แม่ของหล่อนกล่าวโทษเขาได้อย่างไร

หญิงสาวรีบเอ่ยกับแม่ของตนทันที “แม่…แม่เข้าใจผิดแล้ว ฉันสะดุดล้มเอง”

ป้าหูจึงตระหนักได้ว่าตนกล่าวโทษฟางจั๋วหรานแบบผิด ๆ ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่ละอายใจ ฉุดสื่อเจินเซียงให้ลุกขึ้นแล้วจากไป

สื่อเจินเซียงหันมาขอโทษฟางจั๋วหราน“แม่แค่ห่วงฉันเกินไปน่ะค่ะ อย่าใส่ใจเลยนะคะ”

ชายหนุ่มตอบหล่อนอย่างเย็นชา “นั่นไม่ได้เรียกว่าเป็นห่วงคุณครับ นั่นเรียกว่าเป็นคนไร้เหตุผล!”

ป้าหูได้ยินแบบนั้นก็รีบขมวดคิ้วทันที “นี่คุณว่าใครหา?”

“คุณนี่ฟังไม่รู้เรื่องเหรอครับ!”

ถึงเขาจะไม่ใช่คนที่จะชอบรังแกผู้หญิง แต่ป้าหูทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จริง ๆ

“นี่แกกล้าด่าฉันเหรอหา!”

ป้าหูปล่อยมือจากลูกสาวแล้วตรงเข้าไปหาฟางจั๋วหรานอย่างเหลืออด แม้ถูกลูกสาวดึงเอาไว้ก็ห้ามไม่อยู่

ฟางจั๋วหรานเริ่มเหลืออดต่อการโต้เถียงกับผู้หญิง แต่เขาก็ไม่อยากจะใช้กำลังกับหญิงชรานางนี้

ก่อนที่ป้าหูจะมาถึงตัว ชายหนุ่มก็ถอยหลบได้ทัน

ป้าหูหยุดฝีเท้าไว้ไม่ทันจนล้มหน้าคะมำดังตุบ ทำให้คนที่ผ่านไปมาหัวเราะดังลั่น

ป้าหูเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโกรธ ใบหน้าเต็มไปด้วยกระของหล่อนโชกไปด้วยเลือดกำเดา

หญิงชราไม่ยอมลุกขึ้นมาแต่ตะโกนเสียงดังแทน “มีคนทำร้ายฉัน! อาจารย์หมอทำร้ายฉัน!”

“อาจารย์ฟาง เกิดอะไรขึ้นคะ?”

หลินม่ายได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบออกมาดู

เธอมองป้าหูนอนอยู่บนพื้นด้วยสายตารังเกียจแล้วหันไปมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย

ฟางจั๋วหรานตอบหลินม่ายเบา ๆ “เปล่า ไม่มีอะไร พอดีมีคนมาเล่นละครให้ดูน่ะ”

ป้าหูลุกขึ้นอย่างโกรธเคือง “หาว่าใครเล่นละครหา? คุณนั่นแหละที่มากระแทกฉันจนล้มเนี่ย”

ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างต่างพากันซุบซิบถึงป้าหูอย่างรังเกียจ “มาเล่นละครอยู่กลางถนนแล้วยังจะมาหาคนผิดอีกนะยัยป้าคนนี้!”

“โทษคนอื่นไม่พอ ยังเป็นคนเริ่มก่อนอีกต่างหาก”

อีกอย่างหนุ่มหล่อคนนี้จะไปทำร้ายยัยป้านี่ทำไมกัน…

“ผมไม่ได้ทำ! ป้าอย่ามาใส่ความคนอื่นนะ!”

คนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ นั้นอยู่ข้างคุณหมอ ทำเอาป้าหูเริ่มรับมือไม่ได้

หลินม่ายเริ่มกังวลว่าอาจารย์หมอของมหาวิทยาลัยผู่จี้อย่างเขาจะต้องด่างพร้อยจากเหตุการณ์นี้

เธอกลัวว่ามันจะมีปัญหาทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงได้

เขาต่างจากป้าหูที่ไม่มีอะไรจะให้เสีย การทะเลาะกับคนแบบนี้ทำให้เขามีแต่จะเสื่อมเสีย

เพราะอย่างนั้นเธอต้องรีบจบเรื่องแบบนี้ให้เร็วที่สุด

หญิงสาวก้มหน้าลงคุยกับป้าหู “มีพยานอยู่เยอะแยะไปหมดว่าคุณหาเรื่องเขาก่อนแล้วยังจะมาเล่นละครใส่ความกัน ถ้ายังดันทุรังจะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ คุณจะไม่ได้อะไรเลย เพราะงั้นก็เลิกแล้วต่อกันตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า และรู้จักสงบปากสงบเอาไว้ซะบ้าง”

ป้าหูจึงเอ่ยขึ้นอย่างโกรธ “เวรเถอะ! เป็นอาจารย์หมอแล้วไม่ต้องรับผิดเวลาทำร้ายคนอื่นหรือไง?”

เนื่องจากก่อนหน้านี้ป้าหูต้องเสียเงินบำนาญไปจนหมด หล่อนจึงคิดวิธีหาเงินเพิ่มมาตลอด เมื่อโอกาสมารอตรงหน้าแบบนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร

คนรอบข้างส่งเสียงเข้ามาแทรกด้วยความโกรธ “แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรป้าเลยนะ!”

ฟางจั๋วหรานกำลังจะเถียงกลับแต่ถูกหลินม่านดึงเอาไว้จากด้านหลัง

อาจารย์มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังมาทะเลาะกับยัยป้าปากตลาดอยู่กลางถนน มันจะไม่เป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของเขาหรือ?

ความหวังดีอย่างไม่รู้ตัวของหลินม่ายทำให้เขารู้สึกใจเต้นอย่างห้ามไม่อยู่

หลินม่ายพูดกับป้าหูอย่างเย็นชา “ถ้ายังไม่เลิกเล่นละครก่อเรื่อง ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการ เล่นละครไม่เนียนแบบนี้ระวังจะโดนข้อหารีดไถคนอื่นนะ”

ผู้คนที่รุมล้อมอยู่ก็ออกเสียงสนับสนุนในความคิดนั้น “โทรเรียกตำรวจเลย ให้ตำรวจมาลากหล่อนไปเข้าคุกซักสี่ห้าปี หล่อนจะได้เลิกเล่นใหญ่!”

“เรียกตำรวจมาเลย ต่อให้มีพยานเป็นร้อยคน ฉันก็ถูกทำร้ายจริง ๆไม่ใช่เหรอ?”

ป้าหูพูดออกมาแล้วลุกขึ้นตรงเข้าไปหมายจะชนกับตัวของฟางจั๋วหราน

ถ้าเขาสัมผัสตัวหล่อนแม้เพียงเล็กน้อยแล้วหลังจากนั้นหล่อนล้มลงอีก ก็คงไม่มีใครกล้ามาพูดได้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!

แต่เป็นหลินม่ายที่ตรงเข้ามาผลักร่างของหล่อนออกไป “จะทำอะไร! ยังจะทำร้ายคนอื่นอีกเหรอ!”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ยัยป้านี่ควรลากไปขังคุกแบบขังลืมจริง ๆ ค่ะ อยู่ไปก็ภาระสังคมมาก

ไหหม่า(海馬)