ตอนที่ 23 สำนักแสงจันทรา

หยางเย่ยังไม่ใช่ยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ มันคือสิ่งที่น่าสงสัยเหนือสิ่งอื่นใด เหตุผลเดียวที่แข็งแกร่งขึ้นมาก คือขณะที่เจ้าโล้นเชียงเดินเข้ามาหา เขาแอบใช้ยันต์เสริมกำลังระดับสูงในช่วงเวลานั้น จากการเสริมพลังจากยันต์ระดับสูงผสานกับพลังปราณทองคำ ความแข็งแกร่งจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

ยิ่งกว่านั้นเจ้าโล้นเชียงและพรรคพวกประเมินเขาต่ำเกินไป จึงเป็นโอกาสที่ดีในการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว มิเช่นนั้นด้วยพละกำลังปกติอาจจะล้มเจ้าโล้นเชียงได้ แต่คงไม่ใช่ในการโจมตีเดียว

หยางเย่เหวี่ยงดาบไปยังชิวหยวนที่ยืนหน้าซีดและตัวสั่นเทา เมื่อกำลังจะจัดการเศษสวะผู้นี้ ชิวหยวนรีบเอ่ยคำทันที “หยาง หยางเย่ เจ้าสังหารข้าไม่ได้นะ พี่ใหญ่ข้าเป็นยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ หาก… หากเจ้าสังหารข้า เขาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

‘เจ้าโง่! เจอขนาดนี้ยังกล้าขู่ข้าอีกงั้นหรือ?’ หยางเย่กล่าวในใจ ด้วยการพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ภาพปราณดาบติดตาอยู่ด้านหลังก่อนจะมาถึงชิวหยวน

ชิวหยวนตกตะลึงในใจ เขายกดาบมาป้องกันตามสัญชาตญาณ

เคล้ง!

ทันทีที่ดาบชิวหยวนแตกออกเป็นเสี่ยง ดาบของหยางเย่ก็เจาะทะลุอกเขา

หลังจากดึงดาบออก หยางเย่หันไปยังป่าอสรพิษก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าตั้งใจจะเล่นเป็นนกขมิ้นจับตั๊กแตนงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว หมานจื้อและพรรคพวกตกใจ ‘ยังมีคนอื่นอยู่แถวนี้อีก?’

ทั้งสามข่มอาการตกใจไว้ จากนั้นเดินไปหาหยางเย่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“สัมผัสการรู้แจ้งยอดเยี่ยม!” ขณะที่ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน มีเสียงหนึ่งกล่าวออกมา ร่างปริศนาสามคนกระโจนออกมาจากป่าอสรพิษ พวกเขาปรากฏกายอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน ทั้งสามก็อยู่ห่างหยางเย่เพียงเก้าเมตรจากระยะร้อยเมตร

เป็นชายสองสตรีหนึ่ง ชายทั้งสองหน้าตาหล่อเหลาและสตรีก็งดงาม อายุพวกเขาราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี สวมชุดคลุมธรรมดา และมีตราสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวติดอยู่ตรงหน้าอก

หยางเย่ยังคงมีท่าทีเคร่งเครียดแม้พวกเขาจะดูเยาว์วัย จากที่เห็นพวกเขายังไม่บรรลุขั้นปราณสวรรค์ แต่ความแข็งแกร่งนั้นมากกว่าเจ้าโล้นเชียงที่เพิ่งถูกสังหารไปแน่นอน ดูจากความว่องไวราวกับสายฟ้าเมื่อตะกี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ทหารรับจ้างจะทำได้

“สำนักแสงจันทรา!” ทันทีที่เห็นจันทร์เสี้ยวบนหน้าอก ชิงหงเอ่ยเตือนหยางเย่อย่างเห็นได้ชัด

เมื่อได้ยินชิงหงบอก หยางเย่รีบทบทวนทุกสิ่งที่ทราบเกี่ยวกับสำนักแสงจันทรา นอกจากมหาอำนาจอย่างจักรวรรดิต้าฉิน ยังคงมีอีกหกมหาอำนาจในเขตแดนใต้ หกมหาอำนาจถูกแบ่งออกเป็นหนึ่งโรงเรียน สองพระราชวัง และสามสำนัก หนึ่งโรงเรียนเป็นสถานที่ที่แข็งแกร่งที่สุดในหกมหาอำนาจ โรงเรียนแห่งปราชญ์ อีกสองพระราชวังคือ พระราชวังเหมันต์และพระราชวังบุปผา ส่วนสามนักที่เหลือคือ สำนักแห่งภูตผี สำนักแสงจันทรา และสำนักดาบราชัน

แน่นอนมันเป็นเพียงมหาอำนาจบนพื้นดินเท่านั้น เขตแดนใต้กว้างขวางอย่างมาก ยังมีตระกูลลึกลับและสำนักย่อยอีกมากมาย แต่หยางเย่ไม่ทราบอันใดมากเกี่ยวกับมหาอำนาจใต้ดิน

เมื่อได้ยินชิงหงกล่าว ชายที่ดูอายุมากสุดในกลุ่มจากสำนักแสงจันทราเดินออกมา เขาพยักหน้าให้กลุ่มหยางเย่ “ข้าคือศิษย์นอกสำนักแสงจันทรา หมิงห่าว สองคนนี้คือน้องเล็กหมิงชิว และน้องหญิงหมิงเยว่ พวกเราเพิ่งออกมาจากป่าอสรพิษ ไม่นานพวกเราสังเกตเห็นการต่อสู้ของท่าน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นใด พวกข้าจึงไม่แสดงตัวออกมา แต่ข้าไม่คาดคิดว่าสัมผัสรู้แจ้งของท่านจะร้ายกาจเพียงนี้”

พอเห็นศิษย์สำนักทั้งสามแสดงท่าทีสุภาพ หมานจื้อและพรรคพวกไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เนื่องจากศิษย์จากสำนักส่วนใหญ่มักจะหยิ่งผยองเมื่อเจอทหารรับจ้าง พวกเขาเห็นบรรดาทหารรับจ้างเป็นเพียงมดแมลงเท่านั้น แน่นอนทั้งสามคนทราบดีว่าศิษย์สำนักแสงจันทราทำตัวสุภาพเพราะหยางเย่

ความแข็งแกร่งเป็นที่เคารพนับถือในเขตแดนใต้ ก่อนหน้านี้กลุ่มหมิงห่าวประหลาดใจอย่างมากที่เห็นหยางเย่ต่อสู้ พวกเขาไม่เคยพบการใช้ดาบที่รวดเร็วเช่นนั้นมาก่อน ทั้งยังความรุนแรงอันร้ายกาจเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง มากกว่านั้นหยางเย่ยังทราบว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ สิ่งนี้ยิ่งทำให้ทั้งสามประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นพวกเขาทำตัวสุภาพ หยางเย่ก็ไม่ได้เฉยเมย เขาพยักหน้าอย่างสุภาพตาม “ข้า หยางเย่ ผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัด คนพวกนี้คือสหายของข้า”

กลุ่มหมิงห่าวประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว พวกเขาคิดว่าหยางเย่เป็นศิษย์สำนักดาบราชัน ไม่คาดคิดว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัด แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับความแข็งแกร่งของหยางเย่

“ข้าสงสัยว่าน้องชายหยางสนใจไปฝึกฝนกับพวกข้าหรือไม่?” หมิงห่าวเผยรอยยิ้มขณะเชิญชวน ไม่ว่าหยางเย่จะเป็นศิษย์สำนักหรือผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัด ความแข็งแกร่งที่มีก็สามารถทำให้พวกเขาปฏิบัติตัวอย่างเท่าเทียมกัน

หยางเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาส่ายหัวอย่างสุภาพ “ข้าต้องขออภัยด้วย ข้ามีสิ่งที่สนใจอยู่แล้ว”

หยางเย่ทิ้งสำนักเพื่อเข้าสู่สนามรบแห่งความเป็นความตาย ทั้งยังกุมความลับมหาศาล เช่นนั้นแล้วเขาไม่ต้องการให้มีใครมาจุ้นจ้านเรื่องของเขาเพิ่ม

หมิงห่าวไม่ได้โกรธเคืองการปฏิเสธของหยางเย่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขารีบตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “หากเป็นเช่นนั้น ไว้มีโอกาสในภายภาคหน้าค่อยมาฝึกฝนด้วยกัน พวกเราขอลา!”

ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของทั้งสามก็ทะยานหายไป

หยางเย่ค่อนข้างประหลาดใจในทัศนคติของพวกเขา เพราะเท่าที่กังวล บรรดาศิษย์สำนักมักจะหยิ่งผยอง โอ้อวด และโอหัง แต่คนทั้งสามที่มาจากสำนักแสงจันทราไม่มีลักษณะเช่นนั้นเลย มันเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง

อันที่จริงมันเป็นเพราะหยางเย่ที่ยังอ่อนประสบการณ์ ยังมีศิษย์สำนักอีกมากมายที่หยิ่งผยอง โอหัง ทั้งยังไร้สมองกันเป็นส่วนใหญ่ คนที่สามารถเป็นศิษย์ของสำนักมักจะมีพรสวรรค์และการควบคุมอารมณ์ที่ดี ทั้งยังมีความเฉลียวฉลาด พวกเขาเข้าใจว่าทำความรู้จักในการเป็นสหายดีกว่าเป็นศัตรู

“น้องชายหยาง พวกเราควรทำยังไงกับศพพวกนี้?” ทันใดนั้นหมานจื้อมองไปยังซากศพที่กองบนพื้น

หยางเย่มองไปยังทั้งสามก่อนจะกล่าว “พวกเราจะเก็บข้าวของพวกเขาก่อน!”

หมานจื้อและคนอื่นหัวเราะลั่นทันทีที่ได้ยิน

ภายหลังจากค้นตัวศพ หยางเย่เจอของมีค่าบางอย่าง มันคือแหวนมิติขนาดเล็ก ดาบระดับกลางขั้นสีเหลือง มีดระดับต่ำขั้นสีเหลือง และเหรียญทองมากกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญ แต่หยางเย่ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้มากนัก คงเป็นเพราะเขาเป็นอาจารย์ยันต์ขั้นแรก สิ่งเหล่านี้จึงไม่จำเป็นเท่าไหร่

ขณะที่มองแหวนมิติในมือ หยางเย่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะเมื่อเทียบกับแหวนมิติที่เขามี มันด้อยค่ายิ่งนัก แต่ก็ดีกว่าไม่มีสิ่งใดเลย

หลังจากสวมแหวนมิติ หยางเย่มองไปยังอาวุธขั้นสีเหลืองทั้งสาม จากนั้นมองไปยังกลุ่มหมานจื้อ เขาลังเลใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบิดข้อมือและปรากฎอาวุธทั้งสามในมือ เขาส่งอาวุธในมือให้กลุ่มหมานจื้อพร้อมเอ่ยคำ “อาวุธพวกนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า เช่นนั้นพวกท่านโปรดรับเอาไว้เสีย!”

หมานจื้อชะงัก จากนั้นรีบสะบัดมือ “น้องชายหยางช่วยชีวิตพวกเราไว้หลายครั้ง ทั้งยังสังหารคนทั้งสามโดยที่พวกข้าไม่ได้กระทำอันใดเลย เช่นนั้นแล้วจะรับของจากเจ้าได้ยังไง?”

ชิงหงกล่าวด้านข้างเช่นกัน “เก็บมันไว้เสีย ถึงแม้พวกเราจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็มีเส้นทางของตนเอง หากพวกเรารับของเหล่านั้นจากเจ้า พวกเราคงทำได้แค่สมเพชตนเอง”

หยางเย่ยิ้มพร้อมเอ่ย “ข้าไม่ได้ให้พวกท่านฟรีหรอก เมื่อคืนนี้ข้าได้ยินว่านอกจากล่าสัตว์อสูร ทหารรับจ้างยังสามารถจ้างได้เช่นกันใช่หรือไม่?”

ตอนนี้เขากังวลเกี่ยวกับน้องสาวและมารดา ถึงแม้ผู้อาวุโสเชียนจะตักเตือนตระกูลหลิวแล้ว แต่ก็ไม่ได้อยู่เมืองทักษิณภิรมณ์ตลอดเวลา หากตระกูลหลิวยังยุ่งกับน้องสาวและมารดา พวกเขาคงตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่ ดังนั้นจึงตั้งใจให้คนทั้งสามปกป้องครอบครัวเขาที่เมืองทักษิณภิรมณ์ หยางเย่ครุ่นคิดสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน

หมานจื้อพยักหน้า “นอกจากล่าสัตว์อสูรทมิฬ พวกข้ายังรับงานคุ้มกันและช่วยงานขนย้ายสิ่งของ น้องชายหยางอยากจะจ้างพวกข้างั้นหรือ?”

หยางเย่มองไปที่ศพของชิวหยวนที่นอนกองบนพื้น “ชิวหยวนถูกข้าสังหาร หากพวกท่านกลับไปยังเมืองขุนเขามรกต พี่ชายของเขาคงไม่ปล่อยพวกท่านไว้แน่ ถ้าพวกท่านสนใจ ข้าต้องการให้พวกท่านปกป้องน้องสาวและมารดาข้าที่เมืองทักษิณภิรมณ์ สำหรับระยะเวลาประมาณครึ่งปีได้หรือไม่?”

ทั้งสามครุ่นคิดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ อย่างที่หยางเย่กล่าว ทันทีที่ชิวหยวนสิ้นลม พวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งเมื่อกลับไปยังเมืองขุนเขามรกต ถึงแม้กฎหมายในจักรวรรดิต้าฉินจะเข้มงวด ทำให้พี่ชายชิวหยวนไม่กล้ากระทำสิ่งใดในเมือง แต่หากอยู่นอกเมืองล่ะ? ยิ่งกว่านั้นยังไม่สามารถล่าสัตว์อสูรทมิฬได้ในเวลานี้ เพราะสมาชิกกลุ่มเหลือเพียงสามคน

เมื่อครุ่นคิดสิ่งนี้ หมานจื้อเห็นชิงหงและเฉียวไห่พยักหน้า เขารีบตอบทันที “น้องชายหยาง พวกข้ารับข้อเสนอข้องเจ้า!”

หยางเย่ส่งอาวุธและนำเงินหนึ่งหมื่นเหรียญให้เมื่อเห็นทุกคนเห็นด้วย ทันทีที่เห็นหมานจื้อจะปฏิเสธเหรียญทองเขารีบกล่าว “ไม่ใช่ทองของพวกท่านทั้งหมด ห้าพันเหรียญทองนี้เป็นค่าตอบแทน ส่วนอีกห้าพันเหรียญทอง ข้าต้องการให้ท่านส่งให้น้องสาวและมารดาของข้าเอง”

หมานจื้อเมื่อได้ทราบความ เขาลังเลไปครู่ก่อนพยักหน้ารับ อาวุธขั้นสีเหลืองทั้งสามก็มีค่าไม่น้อยไปกว่าสี่ถึงห้าหมื่นเหรียญทองแล้ว รวมเข้ากับเงินห้าพันเหรียญทองและที่พวกเขาเก็บออมเอาไว้ กล่าวได้ว่ามีมากพอสำหรับตั้งรกรากกันที่เมืองทักษิณภิรมณ์

หยางเย่กล่าวต่อหลังจากหมานจื้อรับเหรียญเงิน “หลังจากพวกท่านไปถึงเมืองทักษิณภิรมณ์ ให้พี่หญิงชิงหงติดต่อครอบครัวข้าเพียงคนเดียว หมานจื้อและเฉียวไห่ พวกท่านซ่อนตัวอยู่ในเงามืดไม่ต้องปรากฏกาย หากภัยอันตรายมันหนักเกินกว่าที่พวกท่านจะรับได้ เช่นนั้นจงเขียนจดหมายถึงข้าที่สำนักดาบราชัน ข้าจะรีบมาอย่างรวดเร็วที่สุด”

หมานจื้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลไปเลยน้องชายหยาง พวกเราทำหน้าที่ในการปกป้องได้อย่างดีเยี่ยม หากอันตรายที่พวกเราไม่สามารถสู้ได้ เช่นนั้นจะหาวิธีกันเอง สรุปคือ หากไม่ใช่ยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ พวกเรารับรองความปลอดภัยของครอบครัวเจ้า”

“เยี่ยม” หยางเย่พยักหน้าพร้อมกับมองไปยังชิงหงและพรรคพวก

เมื่อพวกเขาเห็นหยางเย่มองชิงหง หมานจื้อและเฉียวไห่ทราบดีจึงรีบถอยออกมา ขณะที่ชิงหงกำลังจะตามพวกเขาไป นางก็ถูกรั้งไว้โดยหยางเย่