บทที่ 135 สู่สำนักในเมฆา (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 135 สู่สำนักในเมฆา (ปลาย)

บทที่ 135 สู่สำนักในเมฆา (ปลาย)

บุตรศักดิ์สิทธิ์แค่นยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็ต้องสู้กันอยู่ดี”

ผู้ฝึกกระบี่หญิงนั่งลงรินชาให้ตนเอง แต่ครู่ต่อมา เสียงต่อสู้อื้ออึงก็ดังขึ้นจากข้างนอก กระบี่ยักษ์ของบุตรแห่งโชคชะตาเผ่ามังกรกำลังกวัดแกว่ง

ไป๋ชิวเอ๋อร์ครุ่นคิดแล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “อยากจะออกไปดูหรือไม่? ฟังจากเสียง ดูเหมือนจะเกิดบางอย่างขึ้นนะ”

ลู่หยวนลืมตาขึ้นพลางยิ้มน้อย ๆ “ศิษย์ร่วมสำนักสู้กันบนเรือบิน เจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่ออกมาหยุดยั้ง หมายความว่าเขาอนุญาตให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”

“สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นที่รู้จักในฐานะสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในโลกหล้า ชื่อเสียงสำนักยิ่งใหญ่ และผู้ใดที่เข้าร่วมได้ย่อมสามารถเปิดสำนักของตน ทว่า…”

ชายหนุ่มเว้นช่วงครู่หนึ่ง สายตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยสายตาเจือความเยียบเย็น “ผู้ที่จะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องรอออกไปให้ได้เสียก่อน นับแต่ก่อตั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มา ข้าหารู้ไม่ว่ามีผู้ตกตายอยู่ในนั้นมากเพียงใด และศึกระหว่างศิษย์ร่วมสำนักก็น่าจะมีให้เห็นทั่วไปแล้ว”

ลู่หยวนหลับตาลงอีกครั้ง และกล่าวว่า “พูดถึงเรื่องของแดนมัชฌิมกันต่อดีกว่า”

ฉินอี่หานเล่าเกี่ยวกับแดนมัชฌิมให้ชายหนุ่มฟังต่อ

เพียงพริบตา ครึ่งเดือนก็ผ่านไป ทุกผู้บนเรือบินมาถึงแดนมัชฌิม

ทันทีที่เรือบินเข้าสู่แดนมัชฌิม เสียงอุทานก็ดังมาจากในเรือ ดึงความสนใจของทุกคน

เบื้องใต้เรือบิน นับพัน ๆ ลี้ทั้งซ้ายขวาเต็มไปด้วยหอตระหง่านสูง ดุจวิมานล่องลอยไม่อาจเห็นฐาน

เหล่าคนเดินถนนเบื้องล่างมากมายเกินคณานับ เรียงแถวคับคั่ง ทุกคนบนเรือบินกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนเอะอะมะเทิ่งลอยมาจาง ๆ

“ที่นี่คือแดนมัชฌิมหรือ?! ข้าได้ยินมาว่าที่นี่เป็นจุดประสานของหุบเขาบูรพา ทะเลใต้และแดนเหนือมีเมืองเก้าสิบเจ็ดแห่ง ยอดฝีมือรวมตัว เป็นสถานที่อันรุ่งเรืองสูงสุดในแผ่นดินหยวนหง!”

“แดนมัชฌิมนี้แข็งแกร่งที่สุดในห้าแดนหลัก! สำนักสามอันดับแรกในแผ่นดินล้วนมาจากที่นี่ และแต่ละที่ล้วนแต่มีมรดกสืบทอดนับแสนปี!”

“ข้ารอจะได้ทัศนาสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหวแล้ว!”

ศิษย์ใหม่ทั้งหลายล้วนตาเป็นประกาย โหยหาจะไปยังสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

ข้างกันนั้น ศิษย์เก่าบางคนเหยียดยิ้มส่ายหน้า

“พวกหน้าใหม่ไม่รู้อะไรเสมอ และเมื่อเข้าไปในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวก็ประจักษ์เองว่านรกเป็นเช่นไร!”

“ศิลานิลกาฬในมือข้ามีไม่พอ มีพวกเขามาก็น่าจะช่วยแก้สภาพขัดสนเร่งด่วนของข้าได้!”

“เฮ้ ๆๆ เหลือไว้ให้ข้าสักสองนะ ข้าก็มีไม่พอ!”

หลิงอวิ๋นผู้ยืนอยู่เหนือสุดของเรือบินฟังคำพูดของศิษย์ทั้งหลายแล้วเม้มปาก ทว่าไม่ได้กล่าววาจาใด

ในไม่ถึงชั่วยามถัดมา เรือบินก็เหินเข้าสู่ส่วนลึกของแดนมัชฌิม เมฆก้อนหนึ่งพลันปรากฏขึ้นดึงดูดความสนใจ และทันใดนั้น ทุกผู้ก็เหมือนได้เข้ามายังดินแดนลับ การรับรู้ที่เดิมเคยได้รับหายไปอย่างสิ้นเชิง

พลังบ่มเพาะบนร่างของบุคคลทั้งหลายหายวับไปภายใต้เมฆาเหล่านั้น และกระทั่งไม่อาจเห็นบุคคลที่อยู่รอบข้างพวกเขาจากในก้อนเมฆใหญ่ได้ชัดเจน

เค้าความกลัวพลันบังเกิดขึ้นในใจศิษย์ใหม่ทั้งหลาย บางคนกระทั่งชักอาวุธออกมา มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง

เสียงเรียบรื่นดุจสายธารใสของหลิงอวิ๋นดังขึ้นประโลมหัวใจคนทั้งหลาย “ไม่มีอะไรหรอก นี่คือค่ายกลลวงทางของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ มีไว้เพื่อให้คนนอกไม่อาจหาที่นี่พบ”

ทุกคนพลันโล่งใจ และทันใดนั้นเรือบินก็ทะยานพ้นเมฆา ปรากฏแสงทองเจิดจ้าสาดส่องรอบทิศ ดวงตาของทุกผู้หรี่ลงอย่างแสบเคือง และเมื่อลืมตาขึ้นได้อีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าตรงหน้าไม่ไกลนักมีเกาะขนาดยักษ์เยี่ยงแดนเซียนลอยค้างกลางเวหา

ใต้เกาะยักษ์แห่งนั้น ทะเลเมฆากระเพื่อมไหว ดาบยักษ์เล่มหนึ่งลอยขนานฟ้ากลางเวหา เจตจำนองดาบรอบข้างพุ่งทะยาน สร้างเป็นวังวนวายุค้ำจุนเกาะยักษ์ทั้งเกาะเอาไว้

ครืน!

หนึ่งเสียงสนั่นลั่นทั่วทิศดังขึ้นเหนือนภา และตามมาด้วยเสียงสวดคาถา

ชั้นเมฆาเหนือเกาะเคลื่อนวน เงาเมฆาหลายส่วนแปรเปลี่ยนดุจเซียนมนุษย์ที่มีท่วงท่าอิริยาบถแตกต่างกันไป ทว่าไม่อาจเห็นใบหน้าพวกเขาได้ชัดเจน

เมื่อแต่ละเงาร่างปรากฏ พลังสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นทั่วทุกทิศ!

เค้าความครั่นคร้ามผุดพรายในใจศิษย์ใหม่ แต่ละคนล้วนทราบว่าเงาร่างบนหมู่เมฆนี้เป็นภาพสะท้อนของบรรพชนมากมายในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะรับผู้ใดเป็นศิษย์บ้าง

ร่างของหลิงอวิ๋นวูบไหว นางกระโดดออกจากเรือบินมายืนเหนือเมฆา พริบตาที่หมอกเมฆเคลื่อนวน ร่างของนางก็ถูกปกคลุมหายไปเช่นกัน

ศิษย์เก่าคนแล้วคนเล่าต่างทะยานขึ้นตาม คารวะคณาจารย์บรรพชนทั้งหลายเหนือท้องนภาอย่างนอบน้อม ก่อนจะลุกขึ้นจากไป

ภารกิจการเดินทางของพวกเขาลุล่วงแล้ว จึงไม่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีก

ทว่าหยางอวิ๋นไม่ได้ไปไหน เขายืนอยู่นอกเรือบิน มองลงมายังผู้ที่เหลืออยู่ในเรือ

เหนือท้องนภา เงาในหมู่เมฆเงาหนึ่งก้าวขามาข้างหน้า พร้อมเจตจำนงกระบี่สายหนึ่งฟาดลงมาเหนือเก้าชั้นฟ้า ทุกคนบนเรือบินล้วนรู้สึกอึดอัดใจ

เสียงเฒ่าชราทว่าทรงอำนาจดังขึ้น “หากพวกเจ้ามาที่นี่ได้ ก็หมายความว่าเป็นที่ยอมรับเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว”

“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าคืออัจฉริยะล้ำเลิศ! ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นี้ สิ่งสำคัญสูงสุดคือฝีมือและพรสวรรค์! พวกเจ้าจะไปได้ไกลเพียงใด ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและวาสนาของพวกเจ้าเอง!”

“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทุ่มเทอย่างหนัก ไม่ลืมความตั้งใจดั้งเดิมของตนเอง!”

ทุกคนล้วนประสานมือคารวะ “ศิษย์น้อมรับคำ!”

เหนือท้องนภา ชายชราผู้ถูกห่อหุ้มในหมู่เมฆพยักหน้าอย่างปลื้มใจ จากนั้นก็กล่าวกับผู้ฝึกยุทธ์ที่มากับเขาว่า “หนนี้มีผู้มาจากแดนเหนือมากมาย ตาเฒ่าผู้นี้คิดว่ามีผู้ที่ดูใช้ได้อยู่หลายคน!”

ชายชราชุดขาวถือกระบี่ยาวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม สายตาทอดลงมองเซียวเทียน “เจ้าหนูสะพายกระบี่ยักษ์นั่นดูไม่เลว ตาเฒ่าผู้นี้จะรับเขาเป็นศิษย์ ผู้ใดก็อย่ามาแย่งไปเชียว!”

คนอื่น ๆ เองก็ออกมาเอ่ยปากตาม ๆ กัน และตกลงกันว่าผู้ใดจะรับใครเป็นศิษย์

ทันใดนั้น หญิงชราถือไม้เท้าที่ด้านข้างพลันขมวดคิ้ว ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

“ดูเหมือนในเรือจะยังมีผู้ที่ไม่ได้ออกมานะ!”

สายตาทรงพลังมากมายเบนไปเพ่งพินิจยังตัวเรือ และพบว่าในตัวเรือยังสัมผัสลมหายใจสองสามจุดได้จริง ๆ หนึ่งในนั้นสงบและเป็นจังหวะเนิบช้า ดูเหมือนกำลังหลับอยู่

หญิงชรากำไม้เท้าแค่นยิ้ม “เฮอะ… พวกนี้เป็นใครกัน วางท่าใหญ่โตเพียงนี้เชียวหรือ? พวกเรามาเลือกศิษย์ แต่ยังมีผู้ที่กล้าหลับสบายอยู่อีก!”

สีหน้าของยอดฝีมือคนอื่นก็ไม่สู้ดีนัก ในพวกเขาทั้งหลาย ขอเพียงขานนามมาสักคน ต่างก็เป็นตัวตนที่สามารถสะท้านสะเทือนโลกาได้ทั้งสิ้น

ยามนี้เมื่อพวกเขาถูกเชิญมาเข้าร่วมกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อสั่งสอนศิษย์ ก็กล่าวได้ว่าเป็นเหมือนสวรรค์ประทานสำหรับเหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ แต่ปรากฏว่ายังมีผู้กล้าเพิกเฉยมองข้ามอยู่อีก!

เปรียบมัจฉาน้อยในแอ่งน้ำตื้น ไม่อาจรู้ดีชั่วจริง ๆ!

ชายชราผู้นำคณะเองก็ขมวดคิ้ว เหลือบมองหลิงอวิ๋นผู้ยืนถัดออกไปแล้วกล่าวอย่างตำหนิ “ผู้ใดอยู่ในเรือนั่นกัน ไร้มารยาทสิ้นดี นี่เขาก็สมควรมายังสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ?!”

วาจาของชายชราไม่ไว้หน้ากัน ราวกำลังถือโทษหลิงอวิ๋น

หญิงชราเองก็แย้มยิ้มเย็นชา กล่าวประชดประชัน “บรรพชนหลิงอวิ๋นเองก็เป็นอาจารย์ ก่อนจะมาที่นี่ เจ้าน่าจะสอนศิษย์ดี ๆ สักหน่อยนะ! ไม่ว่าข้างนอกนั่นพวกเขาจะมีสถานะเช่นไร หากเข้ามาในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สถานะก็หามีค่าไม่!”

หญิงชราชะงักไป ก่อนจะกล่าวว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าหนนี้ มีหนึ่งบุรุษจากแดนเหนือที่ทลายบันไดสวรรค์ในสิบย่างก้าวอยู่ด้วยนี่ ข้าสงสัยนักว่าเจ้าคนที่หลับอยู่นั่นจะเทียบกับเขาได้เช่นไร?”