ตอนที่ 75

My Disciples Are All Villains

‘จะมีใครที่ไหนที่ขึ้นศาลาปีศาจลอยฟ้ามาได้? ไม่ว่ายังไงท่านอาจารย์ก็คงจะต้องโทษตัวข้าแน่’

หมิงซี่หยินรู้ตัวดีว่าตัวเขาโชคดีแค่ไหนในตอนที่ม่านพลังยังไม่ถูกซ่อมแซม ม่านพลังที่ไม่สามารถป้องกันภูเขาทองได้ทำให้โจวจี้เฟิงลักลอบเข้ามาหาท่านอาจารย์ของตัวเขา และถึงแม้ว่าโจวจี้เฟิงจะไม่สามารถทำอะไรท่านอาจารย์ได้ เพราะแบบนั้นท่านอาจารย์ก็เลยไม่ได้ตำหนิอะไรตัวเขา

หมิงซี่หยินได้บังเอิญผ่านไปที่ด้านหลังของภูเขา

โจวจี้เฟิงเคยเป็นศิษย์จากสำนักดาบสวรรค์ เขาเป็นผู้ใช้วรยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าเหล่าชาวยุทธทั้งหลายต่างก็รู้จักชื่อชายคนนี้ดี โจวจี้เฟิงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแปลกๆ จากศาลาปีศาจลอยฟ้าเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหมิงซี่หยินบินผ่านมา ในตอนนั้นด้วยความสงสัยโจวจี้เฟิงก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ศิษย์พี่สี่? “

“เจ้าคนหลงทางนั้น…ข้าจะเป็นคนสั่งสอนมันเอง! ” หมิงซี่หยินพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

โจวจี้เฟิงที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับกระโดดขึ้น หูของเขาได้ยินพลังแรงสั่นสะเทือน พลังนั้นมันทรงพลังจนทำให้ตัวเขาเผลอเดินถอยหลังกลับไป หลังจากนั้นโจวจี้เฟิงก็ได้แต่ยืนอยู่เฉยๆ ‘ศิษย์พี่สี่ไม่ได้หมายความถึงตัวข้าใช่ไหม? ในศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมีคนปกติๆ เหมือนกับข้าบ้างไหม? เฮ้อ’

เมื่อหมิงซี่หยินเดินทางกลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาก็พบกับศิษย์น้องเล็กอย่างหยวนเอ๋อเข้า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเห็นคนนอกลักลอบเข้ามาในศาลาปีศาจลอยฟ้าไหม? “

หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกงุนงง เธอได้ถามออกไปอย่างสับสน “ไม่นิศิษย์พี่ มีอะไรผิดปกติอย่างงั้นหรอ? “

หมิงซี่หยินเร่งความเร็วก่อนที่จะเดินจากไป ตัวเขาในตอนนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็ตื่นตาตื่นใจมาก เธอรีบปรบมือก่อนที่จะรีบพูดขึ้น “ศิษย์พี่ ท่านใช้เทคนิคเวหาพงพนาอย่างงั้นสินะ ยอดเยี่ยมจริงๆ! “

พรึ๊บ!

หลังจากที่หมิงซี่หยินหายไปเขาก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าหยวนเอ๋ออีกครั้ง หลังจากที่ไม่พบอะไรเขาก็ได้จ้องมองไปยังหยวนเอ๋อก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกมาอย่างจริงจัง “เจ้าแน่ใจหรอว่าไม่เห็นใครจริงๆ น่ะ? “

“ข้าแน่ใจนะศิษญ์พี่…” ในระหว่างที่หยวนเอ๋อพูด เธอได้ใช้นิ้วข้างซ้ายของเธอแตะไปที่ริมฝีปากของตัวเองก่อนที่จะมองหมิงซี่หยินอย่างสับสน

“แล้วท่านอาจารย์อยู่ที่ไหนกัน? “

“ท่านอาจารย์พักผ่อนอยู่ค่ะ…” หยวนเอ๋อพูดก่อนจะชี้ไปยังที่ที่ห้องลับตั้งอยู่

ห้องลับที่มีเป็นสถานที่ที่ลู่โจวจะใช้พักผ่อน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้าทางทิศตะวันออก นานทีปีหนเขาจึงจะกลับมายังห้องลับแบบนี้

“นั่นมันห้องลับอย่างงั้นหรอ? ” หมิงซี่หยินจ้องมองไปยังทิศทางที่ห้องลับตั้งอยู่ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินไปในทันที

หยวนเอ๋อที่เห็นหมิงซี่หยินกำลังจะเดินตรงไปได้ยกมือขวางเอาไว้ซะก่อน “แต่ศิษย์พี่ ท่านอาจารย์สั่งเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน! “

หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นได้ยกมือห้ามหยวนเอ๋อเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเรียบง่าย “ข้าก็แค่อยากจะไปดูอะไรสักหน่อย ข้าสงสัยว่าจะมีคนบุกรุกมายังศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเรา” หมิงซี่หยินเดินตรงไปยังห้องลับอย่างระมัดระวัง เขาเชื่อว่าเจ้าของพลังที่ตัวเขาสัมผัสได้จะต้องอยู่ใกล้ๆ กับห้องลับของศาลาปีศาจลอยฟ้า

ในขณะที่หมิงซี่หยินเดินเข้าใกล้กับห้องลับมากขึ้น เขาก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว ‘เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคนพยายามขโมยของจากห้องลับของท่านอาจารย์กัน? หรือท่านอาจารย์อาจจะไม่ได้อยู่ในห้องลับนั่น แล้วถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงคนคนนั้นจะมีจุดประสงค์อะไรกัน? ‘

ในเวลาเดียวกัน ลู่โจวในตอนนี้ก็ได้จดจ่ออยู่กับการอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ และเพราะแบบนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกห้องที่เขาอยู่

ห้องลับที่ลู่โจวอยู่นั้นเงียบราวกับว่าเป็นห้องสมุด พลังลมปราณที่ระเบิดออกมาจากจุดพลังลมปราณหลักของลู่โจวได้พุ่งผ่านเส้นพลังลมปราณทั้งแปดที่มีอยู่ในร่างกายของเขา ลู่โจวที่สามารถทะลวงเส้นพลังลมปราณทั้งแปดพบว่าพลังที่ตัวเขามีไม่ได้ทรงพลังเหมือนกับในตอนที่จีเทียนเด๋ายังอยู่ ความรู้สึกลู่โจวในตอนนี้เหมือนกับขุดท่อระบายน้ำสำเร็จ แต่น้ำที่เป็นพลังลมปราณที่ได้กลับมีเพียงแค่ถังเดียวเท่านั้น

ตามการฝึกวรยุทธของชาวยุทธทั่วๆ ไป เส้นพลังลมปราณเส้นแรกที่จะถูกทะลวงขึ้นคือเส้นเยิ่นม่าย ต่อด้วยเส้นตูม่าย, เส้นชงม่าย, เส้นต้ายม่าย, เส้นหยางเหวย ,เส้นหยางเชียว, เส้นอินเชียว, เส้นหยางเหวย และเส้นสุดท้ายนั่นก็คือเส้นอินเหวย

ลู่โจวในตอนนี้อยู่ในทางตรงกันข้ามกัน พลังอวตารที่ตัวเขามียังต่ำเกินไป และเพราะแบบนั้นปริมาณที่จุดพลังลมปราณหลักดูดซับได้จึงมีน้อย ในการฝึกยุทธขั้นมหาราชครูเมื่อเชื่อมต่อใช้เส้นลมปราณทั้งสองจุดคนคนนั้นก็จะสามารถฝึกตัวเองไปยังระดับจักรวาลทั้งห้าได้

หลังจากที่เชื่อมต่อเส้นพลังลมปราณทั้งสี่เส้นได้ลู่โจวก็จะสามารถฝึกฝนตัวเองจนเชื่อมต่อเส้นพลังลมปราณทั้งหกและสุดท้ายเขาก็จะเชื่อมต่อเส้นพลังลมปราณทั้งแปดได้ พลังระดับนั้นก็คือพลังระดับเจ็ดดวงดาวแห่งวิญญาณ การฝึกฝนจนถึงระดับเจ็ดดวงดาวแห่งวิญญาณได้จะทำให้เพิ่มความสามารถของตัวเองเป็นอย่างมาก มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วที่พลังร่างอวตารจตุกายาของลู่โจวจะสามารถทำได้!

ลู่โจวไม่ได้หยุดที่จะพัฒนาวรยุทธของตัวเองเพียงแค่นั้น ลู่โจวได้อ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไป เมื่อตัวเขาได้จดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือ ตัวเขาก็จะหมกมุ่นอยู่กับการอ่านข้อความนั้นจนกว่าที่จะทำความเข้าใจความหมายได้ แม้ว่าข้อความพวกนั้นจะยากและน่าเบื่อมากแค่ไหน ตราบใดที่เป็นการอ่านหนังสือตัวของเขาก็จะยังรู้สึกมีความสุขกับการอ่านอยู่ดี

หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็รู้สึกถึงความเยือกเย็นอีกครั้ง ความสงบนี้มาจากจุดพลังลมปราณตันเถียน ความเยือกเย็นได้แพร่กระจายไปทั่วเส้นพลังลมปราณทั้งแปด หัวของของลู่โจวสงบนิ่งราวกับทะเลสาบที่นิ่งสงบ จิตใจของเขาทั้งปลอดโปร่งและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

ในตอนนั้นลู่โจวก็ได้ยินเสียงของหมิงซี่หยินที่ดังมาจากด้านนอก “ทะ…ท่านอาจารย์? “

หมิงซี่หยินได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องลับ เขาพยายามมองสอดส่องเข้าไปในห้องผ่านช่องว่างระหว่างประตู แต่ถึงแบบนั้นประตูของห้องลับก็แตกต่างจากประตูธรรมดาอย่างสิ้นเชิง มันถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์แบบและแม้แต่หมิงซี่หยินที่มีสายตาเฉียบคมเองยังไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แม้แต่อย่างเดียว หลังจากนั้นไม่นานตัวเขาก็ได้ยินเสียงทะลุมาจากอีกด้านของประตู เสียงนั้นคือเสียงพลังลมปราณที่หลุดรอดออกมาจากจุดพลังลมปราณหลัก

ตู้ม!

หมิงซี่หยินโดนคลื่นจากแรงกระแทกเข้าอย่างจัง ตัวเขาที่ถูกคลื่นกระแทกได้ล้มลงกับพื้น สีหน้าของหมิงซี่หยินเปลี่ยนไป ตัวเขากำลังรู้สึกหวาดกลัวอยู่นั้นเอง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้วรยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ถูกคลื่นพลังลมปราณที่อยู่ตรงหน้ากระแทกเข้าใส่จนล้มลงไปแบบนี้ หมิงซี่หยินไม่มีแม้แต่เวลาที่จะป้องกันตัวเองได้คิดขึ้น ‘นี่มันเป็นไปไม่ได้! ‘

หยวนเอ๋อที่ตามมาจ้องมองศิษย์พี่ของเธอด้วยอาการตื่นตกใจ หมิงซี่หยินกระเด็นถอยหลังมาหลายสิบเมตรก่อนที่จะตกลงกระแทกกับพื้น

แม้ว่าหมิงซี่หยินจะถูกพลังซัดใส่จนล้มลงแต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะตอบโต้ไปอยู่ดี หมิงซี่หยินที่เห็นว่าเป็นแบบนั้นรีบคุกเข่าลงก่อนที่จะพูดขอร้องอ้อนวอนออกมา “ศิษย์ผิดไปแล้วท่านอาจารย์! ศิษย์คิดว่ามีใครบางคนแทรกซึมเข้ามาในภูเขาทองของพวกเรา…โปรดยกโทษให้แก่ศิษย์ผู้นี้ด้วยท่านอาจารย์! “

ในตอนนั้นเองความเงียบสงบก็ได้เข้าปกคลุมศาลาปีศาจลอยฟ้า

ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจมากที่ตัวเขาสามารถปล่อยคลื่นพลังอันแข็งแกร่งออกมาได้ แน่นอนว่าคลื่นพลังที่ลู่โจวปล่อยออกมาสักครู่มันทรงพลังกว่าที่ผู้ฝึกยุทธระดับมหาราชครูจะสามารถปลดปล่อยได้ซะอีก

วรยุทธระดับมหาราชครูกับวรยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นวรยุทธที่มีความต่างชั้นห่างกันเป็นอย่างมาก แล้วฉันจะซัดพลังใส่หมิงซี่หยินจนกระเด็นแบบนั้นได้ยังไงกัน?

ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ตัวเขารู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง ‘หรือว่าหมิงซี่หยินแกล้งทำเป็นเล่นละครอย่างงั้นหรอ? ‘

หมิงซี่หยินคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่จ้องมองห้องลับอยู่ เขาประหลาดใจในความแข็งแกร่งสุดน่าทึ่งของท่านอาจารย์ตัวเอง แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ได้แต่สงสัย เขากำลังสงสัยว่าท่านอาจารย์ทำไมถึงยังไม่ออกมา ในเวลาเดียวกันนั้นเองหมิงซี่หยินก็สามารถสัมผัสอะไรบางอย่างได้ รอบๆ ตัวเขาไม่มีทั้งศัตรูและสัญญาณการเคลื่อนไหวอะไรเลย นี่มันแปลกมาก ตอนนี้ตัวเขากำลังได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่

อี๊ดดดด

ประตูหินที่เป็นประตูลับค่อยๆ เลื่อนเปิดขึ้นมาจากด้านใน ลู่โจวค่อยๆ เดินออกมาช้าๆ ตัวเขาในตอนนี้กำลังเอามือไขว้หลังเช่นเดิม สีหน้าของลู่โจวเองก็ยังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย

หมิงซี่หยินที่เห็นอาจารย์ออกมารีบพูดชมเชยลู่โจวอย่างเร่งรีบ “ท่านอาจารย์แข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร! ข้าไม่สามารถต้านรับพลังของท่านอาจารย์ได้เลย! “

ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็วิ่งเข้ามาหาลู่โจวเช่นกัน “ท่านอาจารย์ ท่านออกมาแล้ว! “

ลู่โจวที่เห็นลูกศิษย์ทั้งสองได้จ้องมองไปยังหมิงซี่หยินก่อนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา “เจ้าสี่”

“ครับ? “

“เจ้าน่ะแสดงละครได้ดีเลยนะ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างรู้ทัน หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกตกตะลึงในทันที ‘แสดงละคร? ‘

“ข้าน่ะชอบการแสดงของเจ้ามาก เพราะแบบนั้นเจ้าไปแสดงในถ้ำแห่งเงาสะท้อนสักสามวันก็แล้วกัน…”

หมิงซี่หยินรู้สึกสับสนจากใจจริง ในตอนนั้นเขาพยายามที่จะอธิบายเพื่อแก้ตัว “ท่านอาจารย์ ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น ข้าน่ะไม่ได้คิดที่จะ…”

ใบหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงเยือกเย็นเช่นเคย “เจ้ากล้าที่จะตั้งคำถามกับข้าผู้เป็นอาจารย์แล้วอย่างงั้นหรอ? ” ผู้เป็นอาจารย์มีหน้าที่มาฟังคำแก้ตัวของลูกศิษย์ด้วยอย่างงั้นหรอ? ไม่แน่นอน!

“ศิษย์ไม่กล้า! ศิษย์จะยอมรับโทษแต่โดยดี! ศิษย์จะไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อนตั้งแต่ตอนนี้…” หมิงซี่หยินที่ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปได้แต่ยอมรับโทษอย่างเชื่อฟัง

ลู่โจวคิดว่าตัวเขาน่าจะได้รับแต้มบุญจากการสั่งสอนหมิงซี่หยิน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีการแจ้งเตือนจากระบบออกมาเลย ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่คิดอยู่คนเดียว ‘หรือว่าการสั่งสอนจะไม่รุนแรงมากพออย่างงั้นหรอ? ฉันควรจะเพิ่มบทลงโทษครั้งหน้าสินะ! ‘

หมิงซี่หยินได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเดินมาถึงถ้ำแห่งเงาสะท้อน เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา “ข้าเคยคิดว่าท่านอาจารย์จะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าข้าคงจะคิดมากเกิดไปอย่างงั้นสินะ ท่านอาจารย์น่ะก็ยังไม่อาจคาดเดาได้เช่นเคย! ” หมิงซี่หยินได้แต่เกาหัว ตัวเขาสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้น “แสดงละครอย่างงั้นหรอ? “

หมิงซี่หยินรีบเข้าไปในถ้ำแห่งเงาสะท้อน ถ้ำแห่งนี้ก็ยังคงเหน็บหนาวและน่าอึดอัดเช่นเคย ทันทีที่เขาเดินเข้าไป เขาก็สังเกตเห็นจ้าวยู่ที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง ‘วรยุทธของจ้าวยู่ถูกปิดผนึกเอาไว้ เธอจะต้านทานความเหน็บหนาวในถ้ำแห่งนี้ได้ยังไงกัน? ‘

หมิงซี่หยินที่เห็นจ้าวยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคิดอะไรอยู่ เมื่อ เห็นแบบนั้นเขาจึงชิงพูดก่อน “ศิษย์น้องหญิง เจ้าจะตำหนิข้าข้าก็ไม่ว่าเจ้าหรอก”

“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่มาเยี่ยมข้าอีกแล้วสินะ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากศิษย์พี่หรอก เพียงแต่” จ้าวยู่หยุดพูดไปอย่างกะทันหันก่อนที่จะมองยี่เทียนซิน “ข้ากังวลเรื่องเกี่ยวกับศิษย์น้องยี่มากกว่า ข้าคิดว่าเธออาจจะไม่สามารถทนได้นานกว่านี้ได้”