บทที่ 111 แผนการในใจ

บทที่ 111 แผนการในใจ

“ไม่เป็นไร ๆ แค่ทาตามยาที่ข้าบอกและใช้ยาอีกสองสามวันเพื่อให้แน่ใจว่าจะหายขาด!” ท่านหมอหม่ากล่าวอย่างมั่นใจ เขาไม่สนใจบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ไม่มีชาวบ้านคนใดในหมู่บ้านนี้ไม่เคยถูกกิ่งไม้หรือหินขูดจนเป็นรอยแผลเป็นเลย พวกเขาไม่ได้ใช้ยาด้วยซ้ำ ต่อให้ใช้ไปก็ไม่จำเป็นอะไร

เมื่อซุนซื่อได้ยินคำพูดหนักแน่นเช่นนี้จากท่านหมอหม่า หินในใจก็ตกลงสู่พื้น นางเอ่ยอย่างรัวเร็ว “อย่างนั้นก็ดี อย่างนั้นก็ดี! ไม่มีรอยแผลเป็นก็ดี! ”

หลังเห็นท่านหมอหม่ากลับไป ซุนซื่อก็รีบทายาให้กู้ซินเถา และบอกนางว่าอย่าโดนน้ำในช่วงสองสามวันหลังจากนี้ กู้ซินเถาสนใจเสื้อผ้าใหม่ที่จะมาในเร็ว ๆ นี้ เมื่อได้ยินจากท่านหมอหม่าบอกว่าจะไม่มีรอยแผลเป็น นางก็ไม่ยึดติดกับรอยแผลเป็นบนใบหน้าอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม นางยังไม่สามารถกล้ำกลืนความรู้สึกในใจลงไปได้ กู้เสี่ยวหวานช่างไม่รู้เลยว่านางเป็นคนอย่างไรถึงได้กล้าตอบโต้ ช่างไม่รู้เลยว่ากู้ซินเถาเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดไหน

“ท่านแม่ ข้าจะแก้แค้น!”

เมื่อเห็นท่าทางของกู้ซินเถา ซุนซื่อก็เดาได้ว่าลูกสาวของนางกำลังคิดอะไร ในใจของซุนซื่อนั้นรู้ดีว่าลูกสาวของนางเป็นคนแบบไหน

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้นางยังมีบาดแผลบนใบหน้า ซุนซื่อจึงไม่อยากให้นางเข้ามายุ่ง “ซินเถา แม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เจ้ายังมีบาดแผลที่ใบหน้า จงดูแลมันให้ดีเถิด ถ้าหายแล้ว พวกเราค่อยไปหากู้เสี่ยวหวานเพื่อชำระบัญชีกัน”

“ข้ารู้เจ้าค่ะ เมื่อแผลบนหน้าหายดีแล้ว ข้าจะทำให้นางได้เห็นดีอีกครั้ง” กู้ซินเถาพูดอย่างชั่วร้าย

ท่านหมอหม่าออกมาจากเรือนตะวันตกของบ้านเก่ากู้ เดิมทีเขาวางแผนว่าจะรีบเผ่นจากไปให้เร็วที่สุด แต่โดยไม่คาดคิด เขาก็ได้เจอเข้ากับกู้ถิงถิงที่ออกมาจากเรือนหลัก

“ท่านหมอหม่า แม่ของข้าไม่ค่อยสบาย ท่านเข้ามาดูหน่อยเถอะเจ้าค่ะ! ” เมื่อเห็นว่าท่านหมอหม่ากำลังจะจากไป กู้ถิงถิงก็รีบคว้ากล่องยาของเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาออกไป

ท่านหมอหม่าอยากจะหลุดพ้นแต่ก็ทำไม่ได้ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะแข็งแรงขนาดนี้ เมื่อมองไปที่ใบหน้าดื้อรั้นของกู้ถิงถิง เขาก็ทำได้เพียงพูดอย่างจนปัญญา “ตกลง ตกลง!”

ท่านหมอหม่าเข้ามาในเรือนหลัก และในห้องข้าง ๆ มีเฉาซื่อซึ่งเกือบจะถูกไล่ออกจากบ้านในวันนั้นกำลังนอนอยู่บนเตียง

ใบหน้าของเฉาซื่อเป็นสีเขียวอมม่วง ในตอนนี้นางได้ยินเสียงของท่านหมอหม่าแล้ว แต่คิดว่าหูฝาดไป กระนั้นก็รีบบอกกู้ถิงถิงให้ออกไปเรียกท่านหมอหม่าให้เข้ามา

ครั้นเจอท่านหมอหม่า ใบหน้าของเฉาซื่อก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนถามอย่างโกรธเคืองว่า “ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

ท่านหมอหม่าก็ตกใจเมื่อเห็นเทพธิดาโรคระบาด ตอนนี้เทพธิดาโรคระบาดที่อยู่บนเตียงยังคงดูร้ายกาจน่ากลัวเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบพูดว่า “ลูกสาวของครอบครัวกู้ได้รับบาดเจ็บ ข้าเลยมาดูหน่อย!”

“อะไรนะ กู้ซินเถาได้รับบาดเจ็บ? บาดเจ็บที่ใด?” เฉาซื่อรีบถาม ราวกับว่านางกังวลอย่างมาก

“เกิดอุบัติเหตุกิ่งไม้ข่วนหน้า ข้าจ่ายยาไปแล้ว อาการไม่สาหัส”

“โดนข่วนที่หน้า? เลือดออกหรือไม่? ร้ายแรงไหม?” เมื่อได้ยินเฉาซื่อถามอย่างใจดี ท่านหมอหม่าที่เดิมทีอยากจะจากไปก็รู้สึกอายเกินกว่าจะจากไป กู้ถิงถิงบอกว่าให้มาตรวจแม่ของนางก็จริง แต่เฉาซื่อดูเหมือนไม่มีเจตนาจะไปพบแพทย์เลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนไม่ไกลจากเตียง คอยตอบคำถามของเฉาซื่อ

“ไม่ร้ายแรงหรอก แค่บาดเจ็บเล็กน้อย แค่กิ่งไม้ข่วน ทายาแล้วเดี๋ยวก็หาย”

“จะมีแผลเป็นไหม?”

“ไม่มี!”

“ท่านแน่ใจนะ? ”

“แน่นอน! มันเป็นเพียงแผลเล็ก ๆ ที่ผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น” ท่านหมอหม่าเห็นดวงตาหม่นหมองของเฉาซื่อ และเขาก็แสดงท่าทางครุ่นคิด โดยใช้ประโยชน์จากเวลาที่เฉาซื่อยังคิดอยู่โบกมืออำลา “ถ้าไม่มีอะไร อย่างนั้นข้าขอตัวลา”

หลังจากพูดจบ ก่อนที่เฉาซื่อจะได้พูด ท่านหมอหม่าก็รีบเดินหนีไป ราวกับว่ามีหมาป่าหิวโหยข้างหลังเขาซึ่งกำลังจะกินเขา และหายตัวไปในชั่วพริบตา

เฉาซื่อกำลังนอนอยู่บนเตียง พลางนึกถึงสิ่งที่ท่านหมอหม่าพูดในตอนนี้ นางหันศีรษะอย่างครุ่นคิดและเหลือบมองไปทางเรือนตะวันตก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีความหมาย

ทางฝั่งของกู้เสี่ยวหวานหลังจากกลับจากไหว้หลุมศพบนภูเขา เด็ก ๆ ก็ได้กินอาหารกลางวันและพักผ่อนสักครู่ เมื่อพวกเขานอนหลับสบาย กู้เสี่ยวหวานจึงสอนให้เด็ก ๆ เขียนอีกครั้ง การเขียนของกู้หนิงอันก้าวหน้าไปมาก แม้เขาเพิ่งจะใช้กิ่งไม้เขียน แต่ลายมือก็ดูชัดเจนและสวยงามมาก

กู้เสี่ยวหวานในชีวิตก่อนหน้านี้ชำนาญในการเขียนพู่กัน เพียงไม่รู้ว่าจะเขียนตัวอักษรจีนโบราณเหล่านี้อย่างไร ดังนั้น จึงดูตามตัวอักษรจีนดั้งเดิมสองสามตัวในหนังสือเล่มเล็กของกู้หนิงอัน แล้วสอนน้องชายสองคนให้หัดเขียน กู้เสี่ยวอี้มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เรือนผมถูกถักเป็นเปียรับกับดวงตากลมโตดูน่ารักมาก

กู้เสี่ยวหวานมองดูน้อง ๆ อย่างระมัดระวัง อาจเป็นเพราะว่าทุกวันนี้เด็ก ๆ กินดี นอนหลับสบาย และแต่งตัวดี เด็กทุกคนจึงมีใบหน้าแดงระเรื่อและดูดีเป็นพิเศษ

หลังจากสอนอีกสองสามคำ กู้เสี่ยวหวานก็มีอย่างอื่นที่ต้องทำ นางต้องการจัดระเบียบอาหารที่เก็บไว้ที่บ้าน ดังนั้น จึงเดินมาตรงที่กองหัวไชเท้าป่าไว้ และกู้เสี่ยวอี้ก็เดินตามไปด้วย

หลังจากเก็บหัวไชเท้าไปสักพัก กู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย นางจึงเดินไปรอบ ๆ ห้อง บางครั้งก็ดูพวกพี่ชายฝึกคัดลายมือ บางครั้งก็ดูพี่สาวเก็บผัก ยุ่งอย่างถึงที่สุด

ขณะที่กู้เสี่ยวหวานยุ่งอยู่กับการเก็บผัก จู่ ๆ เสียงของกู้เสี่ยวอี้ก็ดังขึ้นมาว่า “ท่านพี่ นี่มันอะไรหรือเจ้าคะ? สวยจัง! ”

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่น้องสาวของนาง กู้เสี่ยวอี้กำลังถือเชือกถักสีแดงอยู่ในมือ ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่พี่ฝูของร้านขายผ้าจี๋เสียงให้น้องสาวของกู้เสี่ยวหวานแขวนไว้บนหน้าอก

กู้เสี่ยวอี้ถือเชือกถักไว้ในมือ ดวงตาของนางเป็นประกาย ราวกับว่ากำลังถือสมบัติล้ำค่าและไม่อาจวางมันลงได้

“นั่นคือเชือกถัก!” กู้เสี่ยวหวานตอบ

คราวที่แล้วนางได้เชือกถักสีแดงชิ้นใหญ่มาจากร้านขายผ้าจี๋เสียง พี่ฝูบอกว่ากู้เสี่ยวอี้เป็นน้องคนสุดท้อง การสวมใส่เสื้อผ้าสีเรียบเกินไปไม่เข้ากับความสดใสและความน่ารักของเด็ก ๆ เลยให้เชือกถักมา

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานได้ลืมเรื่องนี้เสียสนิท นางเก็บไว้ในถุงผ้าและไม่ได้นำมันออกมา

ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้กู้เสี่ยวอี้ซุกซนและคุ้ยมันออกมา เกรงว่าคงยังไม่รู้ว่ามีของแบบนี้อยู่ในนั้น

กู้เสี่ยวอี้ถือเชือกถักไว้ในมือและจ้องมองอย่างตั้งใจ ราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าในมือของตน สายตาฉายแววรักใคร่เกินคำบรรยาย

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บ้านใหญ่ก็ตีกันไม่เลิก ปล่อยให้ตีกันเองเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับเสี่ยวหวานกับน้อง ๆ เลย

เด็ก ๆ จะได้แต่งตัวน่ารัก ๆ กันแล้ว

ไหหม่า(海馬)