ตอนที่ 15-2 เริ่มแล้ว

หลี่เว่ยหยางลองสวมรองเท้าคู่ที่อยู่ตรงหน้าฮัวเหม่ย จากนั้นรอยยิ้มได้คืบคลานไปทั่วใบหน้าของนางในทันที

ขณะที่นางพยักหน้าและทำท่าทางดีใจ ซึ่งดูเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาที่กำลังตื่นเต้นกับของขวัญชิ้นโปรดของตนเอง

ฮัวเหม่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะที่นั่งลงเพื่อช่วยเว่ยหยางสวมใส่รองเท้า และนางกล่าวเหมือนกับมิได้ตั้งใจว่า

“ตอนนี้ทุกคนกำลังแสดงความคิดเห็นว่า คุณหนูสามนั้นมีความเฉลียวฉลาดและงดงามเพียงใด เมื่อเทียบกับคุณหนูสี่ และคุณหนูห้า!

ส่วนบ่าวคิดว่า คุณหนูสามงดงาม และเฉลียวที่สุด!”

แต่ในรายชื่อที่กล่าวออกมานั้น มิมีชื่อของคุณหนูใหญ่ผู้งดงามดั่งเช่นนางฟ้าเลย คงจะคิดว่า เว่ยหยางเป็นผู้หญิงที่โง่เขลามาก

หลี่เว่ยหยางแสร้งทำเป็นมิได้ยินความคิดเห็นของฮัวเหม่ย ในขณะที่แกล้งทำเป็นตรวจดูรองเท้าด้วยความตั้งใจ

“บ่าวมาอยู่กับคุณหนูได้เพียงมินาน แต่เคยได้ยินสะใภ้หลายท่านกล่าวว่า คุณหนูสามเป็นบุตรสาวของตันชิ

และตันชิเป็นผู้ที่มีความงดงามมากเช่นกันในตอนที่นางยังเป็นสาว!”

ฮัวเหม่ยกล่าวออกมา ราวกับว่า นางมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง

เว่ยหยางจ้องมองไปยังฮัวเหม่ยในทันที ภายใต้การจ้องมองนั้น ทำให้ฮัวเหม่ยเกิดความรู้สึกประหม่าและก้มหัวลงทันที

นางตบหน้าตนเองและกล่าวว่า

“บ่าวผิดไปแล้ว! บ่าวปากเสีย!”

โดยมิคาดคิด เว่ยหยางหัวเราะคิกคักพร้อมกับกล่าวว่า

“ฮัวเหม่ยรองเท้าคู่นี้มีความงดงามมาก!”

เมื่อเห็นว่าเว่ยหยางมิได้โกรธ ฮัวเหม่ยจึงรู้สึกโล่งใจ และกล่าวว่า

“บ่าวดีใจมากเลยที่คุณหนูสามชอบมัน

ไอหยา, คุณหนูต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยมิมีมารดาอยู่เคียงข้าง

ซึ่งแตกต่างจากคุณหนูสี่ และคุณหนูห้า ตรงที่พวกนางมีซื่อหยินเหนียงคอยดูแลอยู่

อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็อบอุ่นและมีความสุขทุกวัน”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตา และโต้ตอบอย่างเด็ดเดี่ยว

“ฮัวเหม่ยเจ้ากำลังพยายามจะกล่าวอันใด”

ฮัวเหม่ยจึงตอบกลับไปว่า

“บ่าวได้ยินผู้อื่นกล่าวว่า ในช่วงสองวันที่ผ่านมาอาการเจ็บป่วยของตันชิทรุดลง”

เมื่อได้ยินฮัวเหม่ยกล่าวถึงตันชิ เว่ยหยางจึงแตะจี้ที่นางสวมอยู่ที่คอโดยมิรู้ตัว

ในตอนที่กำลังจะออกมาจากผิงเฉิง คนบ้านหลี่ได้ช่วยทวงจี้ชิ้นนี้คืนให้กับนาง

จี้เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่นางได้รับจากมารดาผู้ให้กำเนิด

ชิหยินเหนียงหรือชื่อเดิมคือ ตันชิ เดิมเป็นสาวใช้คนสนิทของฮูหยินใหญ่ ซึ่งรับผิดชอบการล้างเท้าของนายหญิง

ครั้งหนึ่งเมื่อหลี่เสี่ยวหรันเกิดอาการเมาสุรา เขาได้ปลุกปล้ำตันชิ

และต่อมา ตันชิได้ให้กำเนิดเว่ยหยางในเดือนกุมภาพันธ์ และสิ่งนี้ทำให้หลี่เว่ยหยางถูกเนรเทศออกจากบ้านตระกูลหลี่

ส่วนมารดาของนางนั้น ฮูหยินใหญ่ ยอมให้ตันชิเป็นหยินเหนียงของบ้านตระกูลหลี่

ซึ่งความหมายของหยินเหนียงก็คือเมียน้อยนั่นเอง

ในบ้านตระกูลหลี่นั้น หยินเหนียงผู้อื่น ล้วนมีภาพลักษณ์ที่เหมาะสม เช่นมีความงดงาม หรือมีบุตรที่น่ารัก

ซึ่งพวกนางสามารถใช้ปัจจัยเหล่านั้น ในการเสริมสร้างตำแหน่งของตนเอง เพื่อการมีส่วนร่วมในทรัพย์สมบัติทั้งหมดของบ้านตระกูลหลี่

ยกเว้นชิหยินเหนียน นางมิมีภาพลักษณ์ที่งดงามอันใดเลย

มิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตรสาวในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งผู้คนทั่วไปต่างก็กล่าวว่า

หญิงที่เกิดในเดือนนี้จะนำความโชคร้ายมาสู่ตระกูล

ในชาติที่แล้ว ชิหยินเหนียงได้เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากความเจ็บป่วยครึ่งปีก่อนที่เว่ยหยางจะกลับมา

อย่างไรก็ตามในช่วงชีวิตนี้ เว่ยหยางได้กลับมาที่บ้านตระกูลหยางแห่งนี้ก่อนหนึ่งปี

ดังนั้นชิหยินเหนียงจึงยังคงมีชีวิตอยู่

ในเดือนที่ผ่านมาหลี่เว่ยหยางได้ใช้ทุกวิถีทาง ในการสืบหาข่าวเกี่ยวกับมารดาของตนเอง

แต่สิ่งที่ทราบก็คือ ชิหยินเหนียงมิเป็นที่ชื่นชอบของหลี่เสี่ยวหรันเท่าใดนัก

มิมีสิ่งที่น่าดึงดูดใจ และร่างกายอ่อนแอ อีกทั้งยังมีอาการเจ็บป่วย

ฮูหยินใหญ่จึงส่งตัวนางไปอาศัยอยู่ที่ตำหนักหนานหยวนที่โดดเดี่ยว

ตำหนักหนานหยวนอยู่ห่างไกลมาก และแยกออกจากตำหนักใหญ่

อีกทั้งห้องของชิหยินเหนียงยังตั้งอยู่ข้างห้องนอนของคนรับใช้

ชิหยินเหนียงมิเพียงแต่จะเป็นผู้ที่ยากจนที่สุดในบรรดาหยินเหนียงทุกคน แต่นางยังเป็นผู้ที่ทุกคนเหยียบย่ำ และดูถูก

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เว่ยหยางจึงมีความรู้สึกเจ็บปวดราวกับเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจของนาง

แต่แล้วฮัวเหม่ยก็เป็นคนของฮูหยินใหญ่ และกำล้งอยู่ตรงหน้าเว่ยหยาง

และในตอนนี้ นางกำลังกล่าวถึงชิหยินเหนียง

เว่ยหยางหัวเราะอยู่ภายในใจ แต่นางพยายามจ้องมองไปยังฮัวเหม่ย ด้วยความใจเย็น

เนื่องจากพวกนางได้เริ่มทำตามแผนการแล้ว ดังนั้นเว่ยหยางจึงมิสามารถอยู่เฉยได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ใดจะเป็นผู้แพ้ในครั้งนี้ ก็ยังมิมีผู้ใดสามารถคาดเดาได้