บทที่ 91 แม้จะแก่แต่ก็ไม่ตาย

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 91 แม้จะแก่แต่ก็ไม่ตาย

อย่างที่ทราบกันดีว่าอายุขัยของผู้ฝึกตนนั้นยาวนานมาก

ตั้งแต่เริ่มต้น โลกแห่งการฝึกตนไม่เคยขาดวิธีในการยืดอายุ แม้แต่การฝึกฝนด้วยตัวเองก็คิดค้นขึ้นโดยมนุษย์เพื่อลบข้อจำกัดในเรื่องอายุขัย

และผู้ที่มายังถ้ำแห่งนี้ได้จะต้องเป็นผู้ฝึกตนอย่างแน่นอน ดังนั้นในบททดสอบนี้จึงมีจุดประสงค์ให้ผู้ฝึกตนมีความชราเฉกเช่นมนุษย์… แม้ว่าจะมีความสามารถในการยืดอายุขัยก็ตาม

ไป๋ชิวหรานสงสัยว่าบททดสอบ ‘ความชรา’ นี้จะมีผลต่อผู้ฝึกตนอย่างไร

ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้า เดินไปตามถนนแคบ ๆ หลังจากผ่านไปได้สักพัก ท้องฟ้าที่มืดครึ้มดูจะเคลื่อนเข้ามาใกล้พื้นดินมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากเบื้องหน้าของไป๋ชิวหราน!

ไป๋ชิวหรานโคจรพลังพร้อมเร่งฝีเท้า…ผ่านไปสักพัก บนถนนแคบ ๆ ตรงหน้าก็มีผู้ฝึกตนหลายคนซึ่งดูคล้ายคนธรรมดากำลังถูกโจมตีจากท้องฟ้าที่มืดครึ้ม

…เป็นฝนลำแสงสีเหลืองหนาทึบที่ทอดยาวมาจากท้องฟ้าตกใส่ผู้ฝึกตนเหล่านี้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อถูกแสงสีเหลืองดังกล่าว พลังของผู้ฝึกตนจะลดลงในทันที ในด้านรูปลักษณ์… พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เครากับเส้นผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ซึ่งดูเหมือนว่าวันตายกำลังใกล้เข้ามา!

หลังจากที่โดนแสงสีเหลือง ดูเหมือนว่าจะทำให้อ่อนแอลง การเคลื่อนไหวของมือและเท้าก็เชื่องช้าอย่างมาก

ส่วนผู้ที่ถูกแสงสีเหลืองซ้อนทับกันหลายครั้ง ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเชิงลบต่อร่างกาย ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ จนดูทรุดโทรม ใบหน้าเริ่มเหี่ยว การเคลื่อนไหวก็เริ่มช้าลง…

หลังจากถูกแสงสีเหลืองมากขึ้นเรื่อย ๆ จุดด่างดำกับริ้วรอยจะปรากฏบนผิวกายทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ท่ามกลางความประหลาดใจ ทันใดนั้นก็มีแสงสีเหลืองจำนวนมากตกลงมาเหนือศีรษะชายหนุ่ม แต่เขาพลิกตัวหลบเลี่ยงแสงสีเหลืองเหล่านี้ได้และเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากมีผู้ฝึกตนกระจัดกระจายอยู่มากเกินไป ในที่สุดไป๋ชิวหรานก็ถูกแสงสีเหลืองกระทบเข้าตรงฝ่ามือ

“อะไรน่ะ?”

หลังจากถูกแสงสีเหลืองกระทบที่ฝ่ามือ ไป๋ชิวหรานมองไปที่มือด้วยความประหลาดใจ เพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง…

เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานถูกโจมตี ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ เลยหันกลับมามอง หนึ่งในพวกเขาถามด้วยน้ำเสียงอิดโรย

“ท่าน…เหตุใดถึงไม่เป็นอะไร? เห็นได้ชัดว่าอยู่แค่ขั้นกลั่นลมปราณนี่…”

ข้าจะไปทราบได้อย่างไร?

ไป๋ชิวหรานอยากจะตอบแบบนี้ แต่จากนั้นไม่นาน แสงสีเหลืองนับไม่ถ้วนได้ส่องลงมาบนศีรษะชายหนุ่ม ถึงแม้จะกระทบกับแสงสีเหลืองแล้ว เขาก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแสดงอาการอ่อนแอ… ซึ่งแทบจะไม่เป็นอะไรเลย

หลังจากแสงสีเหลืองเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ไป๋ชิวหรานก็รู้สึกได้ถึงพลังธรรมชาติเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ความสามารถในการควบคุมเวลา แต่ดูเหมือนจะเป็นแก่นแท้แห่งชีวิตที่สามารถดึงพลังชีวิตของผู้อื่นออกมาโดยตรง!

อายุขัยเป็นสิ่งลึกลับมาก และมันมีอยู่จริง ผู้ฝึกตนหรือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกมนุษย์ที่ไม่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้ อายุขัยจะถูกจดลงทะเบียนในหนังสือแห่งชีวิตและความตายของยมโลก กล่าวโดยตรงก็เหมือนกับตัวเลขที่มองไม่เห็น

พลังแสงสีเหลืองนี้ดูเหมือนสามารถตัดอายุขัยของสิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ… อย่างน้อยคงจะตัดไปได้ชั่วคราวเพื่อให้ผู้ที่มารับบททดสอบสัมผัสถึงความเจ็บปวดของร่างกายยามแก่ชรา และเวลาชีวิตที่ใกล้จะถึงจุดจบ

ดังนั้นในฐานะผู้ที่มีชีวิตอยู่รอดมากว่าสามพันปี อายุขัยของไป๋ชิวหรานได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว… แม้ว่าจะพึ่งยายืดอายุขัยเพื่อให้อยู่รอดจากยมทูตมาตลอดเวลา แต่ทุก ๆ ปีที่มีชีวิตอยู่แทบไม่ต่างจากคนใกล้ตาย และบ่อยครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ดูแลวิญญาณ

สภาวะที่ใกล้ตายนี้ สำหรับชายหนุ่มแล้วไม่ต่างอะไรจากสภาวะปกติ

“…เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงยังปกติดี”

ไป๋ชิวหรานมองไปที่ฝ่ามือพร้อมบ่นพึมพำ

“ทะ…ทำไมกัน?”

ผู้ฝึกตนที่กระจัดกระจายอยู่บนทางเดินต่างพากันถามอย่างอ่อนแรง

“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ถึงบอกไป พวกเจ้าก็ลอกเลียนแบบข้าไม่ได้อยู่ดี”

ไป๋ชิวหรานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“บททดสอบนี้ไม่ได้ให้ความรุนแรงถึงชีวิต ไว้ข้าสำรวจถ้ำนี้เสร็จแล้วจะกลับมาช่วย… สำหรับตอนนี้จงรับโทษที่แอบเข้ามาในถ้ำโดยไม่ฟังคำแนะนำไปก่อนแล้วกัน”

หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มเดินจากไปภายใต้สายตาที่วิตกกังวล โกรธ และอ้อนวอนของเหล่าผู้ฝึกตน

แสงสีเหลืองเหล่านั้นยังคงตกกระทบบนตัวไป๋ชิวหรานอย่างต่อเนื่อง แต่ชายหนุ่มเดินผ่านมันไปได้ราวกับนักเดินทางที่ไม่กลัวลมฝน

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ในห้วงมิติอันมืดมิด ชายผ้าคลุมสีดำกำลังเบิกตากว้างเผยให้เห็นดวงตาแดงก่ำ

เขามองไปยังแสงสีเหลืองที่มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนตอนไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าววาจาอย่างเหลือเชื่อ

“เวทมนตร์อายุขัยไม่มีผลอะไรเลยงั้นหรือ! เป็นไปได้อย่างไร? เขาไม่ใช่เซียนสักหน่อย!”

หากไป๋ชิวหรานใช้ความเร็วในการหลบหลีกแสงสีเหลืองทั้งหมดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่…ถูกแสงสีเหลืองกระทบโดยตรง ซึ่งไม่ส่งผลใด ๆ กับเขาเลย เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อให้เป็นเซียนปฐพีก็คงไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง!

ด้านข้างของชายชุดดำ หัวกะโหลกกำลังจ้องไปยังม่านแสงที่กำลังฉายภาพไป๋ชิวหรานเช่นกัน แสงในดวงตากำลังแกว่งไปมาอย่างเงียบ ๆ ราวกับคิดอะไรบางอย่าง

“เป็นเช่นนี้เอง… เขามีชีวิตอยู่มานานโดยใช้วิธีนี้สินะ”

แสงสว่างภายในดวงตาของหัวกะโหลกสั่นไหวอีกครั้ง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากที่ไหนสักแห่ง

“ไม่แปลกใจเลยที่พลังอายุขัยจะใช้ไม่ได้ผลกับเขา”

“เจ้ารู้งั้นหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ชายชุดดำได้ยินเสียงของหัวกะโหลก จากนั้นเขาก็ยกมันมาอยู่ตรงหน้าพร้อมกล่าว

“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้”

“นี่ ข้าทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว”

เสียงของหัวกะโหลกฟังดูเรียบง่าย

“แต่ไม่มีวันบอกให้เจ้ารู้หรอก”

เมื่อเห็นว่าจิตของชายชุดดำผันผวนอย่างรุนแรงและคิดจะโจมตี เขาจึงเยาะเย้ยต่อ

“ขอแนะนำให้ยอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าทุกข์ทั้งสี่ของแปดมหาทุกข์จะไม่มีผลกับเขา หากเจ้าอยากจะยึดร่างของเขาล่ะก็… เช่นนั้นไปหวังกับพวกบททดสอบความรัก การพลัดพราก ความแค้นหรือความเกลียดชังนู้น พวกนี้น่าจะส่งผลต่อจิตใจเขาบ้าง เอาเถอะ ข้าคิดว่า… มันคงจะมีจุดสมดุลอยู่”

“ฮึ่ม”

ชายชุดดำขว้างหัวกะโหลกไปด้านข้างด้วยพลังจิตพร้อมกล่าวอย่างเย็นเยือก

“ผู้ใดจะชนะนั้นยังไม่มีใครทราบ”