ตอนที่ 225 มีแขกมาเยือน ตอนที่ 226 ไม่ปวดใจหรือ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 225 มีแขกมาเยือน

ครั้นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พูดจบ ก็มองบนใส่หร่วนซื่อก่อนจะเดินฉุนเฉียวกลับเข้าเรือนไป

หากตอนแรกเอ้อร์ยาถูกเลี้ยงอยู่ในครอบครัวบุตรคนโต เช่นนั้นก็จะไม่มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับบุตรชายนางเพียงนี้เป็นแน่!

ดูตอนนี้สิ เอ้อร์ยาและลูกต๋าเข้ากันได้ดีจะตาย?!

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ต่อว่าจบก็รู้สึกสบายใจ แต่หร่วนซื่องุนงงสับสน ไม่เข้าใจที่นางพูด

พี่สะใภ้ใหญ่…นี่เกรงว่าคงประจำเดือนมาแล้วกระมัง มิเช่นนั้นคงไม่เดือดดาลใหญ่โตขนาดนี้

หรือว่าตอนที่หลานเสี่ยนขุดเหมืองถูกคนรังแกเข้า ดังนั้นพี่สะใภ้ใหญ่จึงไม่สบอารมณ์ทั้งยังโกรธเกรี้ยวลูกสาวบ้านนางขึ้นมา? แต่มีสิทธิ์อะไรล่ะ ไม่ใช่ความผิดของลูกสาวบ้านนางเสียหน่อย!

หร่วนซื่อรู้ว่าบางทีตัวเองคิดมาก ทั้งยังไม่ค่อยระบายออกมา มิหนำซ้ำยังชอบร้องไห้ ดังนั้นโดยปกติเมื่อได้ฟังเรื่องราวใดที่ไม่อาจเข้าใจได้ก็จะปล่อยเลยตามเลย เพื่อจะได้ไม่เกินกว่าที่จิตใจทนรับไหวแล้วร้องไห้ออกมาอีก

ดังนั้นคำพูดของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็แค่ทำให้นางงุนงงไปครึ่งเค่อเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานควรจะไปทำอะไรก็ไปทำ ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จ้องมองอยู่ตรงหน้าต่างบานนั้น เห็นหร่วนซื่อทำเป็นทองไม่รู้ร้อนก็เกิดโมโหขึ้นมาอีกพักหนึ่ง

ถึงอย่างไรเอ้อร์ยาก็ไม่ใช่ลูกโดยกำเนิด!

โชคดีเช่นกันที่ไม่ใช่ลูกโดยกำเนิด!

มิเช่นนั้นหากมีนิสัยเดียวกับหร่วนซื่อคงได้ทำให้คนหงุดหงิดใจแย่!

ทางด้านซ่งอิง มื้อนี้ถือได้ว่าเป็นมื้อเย็นที่อุดมสมบูรณ์มากสำหรับคนในหมู่บ้านแห่งนี้

ทำข้าวอบเห็ดตับเต่าหนึ่งอย่าง กุ้งฝอยผัดหอมใหญ่และปลาตุ๋นเต้าหู้ ผนวกกับน้ำแกงเห็ดซอยเป็นเส้นๆ เด็กจอมตะกละทั้งสามถึงขั้นน้ำลายสอ

เห็ดตับเต่าที่เหลือซ่งอิงไม่ได้ปล่อยทิ้งไว้ แต่นำทั้งหมดไปล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแผ่นบางวางไว้ในห้องอุ่น ช่วงนี้นับวันยิ่งอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ครั้นถึงตอนกลางวันก็ค่อยนำมาตากแดดในลานบ้านให้แห้ง

ทว่าแม้เห็ดตับเต่าของนางยังเหลืออยู่เกือบสิบจิน แต่คาดว่าหลังตากแห้งแล้วก็คงเหลือไม่ถึงหนึ่งจินด้วยซ้ำ

ของสิ่งนี้ดูดซับน้ำไว้มาก

แต่ต่อให้เป็นแผ่นๆ ตากแห้งแล้ว คุณประโยชน์ในนั้นก็เป็นอะไรที่เห็ดทั่วไปเทียบชั้นไม่ได้ ต่อให้เป็นภพชาติก่อน เห็ดตับเต่าที่ถูกเรียกว่าเห็ดมัตสึทาเกะก็เป็นสิ่งล้ำค่าในบรรดาเห็ดทั้งหลาย มีราคาสูงลิ่ว อีกทั้งนับวันยิ่งหายากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่ซ่งอิงทำอาหาร ป้าๆ สามสี่คนก็อยู่กันพักหนึ่ง

เรียนรู้วิชาจากนาง ก่อนจะกลับบ้านไปทำข้าวอบสักมื้อ

กลิ่นหอมในบ้านซ่งอิงแทบจะล่องลอยไปถึงในจมูกของหลี่จิ้นเป่า ส่งผลให้เขารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน ครั้นมองดูในบ้านตัวเอง มารดาเขาทำน้ำแกงไร้รสชาติภายใต้การกดขี่ของผู้เป็นย่า ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ใจที่รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมแทบจะกระเด็นออกมา

แต่เพิ่งถูกหญิงภรรยาในหมู่บ้านชี้นิ้วด่าทอ หลี่จิ้นเป่าก็ไม่มีหน้าไปหาเรื่องซ่งอิงเช่นกัน

อาการบาดเจ็บของต้าไป๋ไม่ร้ายแรง สินค้าชุดก่อนเพิ่งส่งไป ดังนั้นจึงได้อยู่บ้านรักษาตัวหลายวัน

ทว่าวันรุ่งขึ้นก็มีคนมาหาถึงบ้าน

คนนอกผู้นี้เข้ามาในหมู่บ้าน แล้วยังเป็นตอนกลางวันแสกๆ ย่อมได้รับความสนใจไม่น้อยเป็นธรรมดา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขานั่งรถม้ามา ครั้นหยุดรถที่หน้าประตูบ้านของซ่งอิงก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจกันถ้วนหน้า คนจำนวนไม่น้อยพากันมามุงดู

นั่นเป็นถึงรถม้าเชียวนะ ชีวิตคนในหมู่บ้านพวกเขานับว่าไม่เลว แต่ก็ไม่มีบ้านไหนซื้อรถม้าได้ มีรถเกวียนวัวคันหนึ่งก็นับว่าถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว

“มิทราบว่านี่ก็คือแม่นางซ่งอิงกระมัง? ข้าเป็นผู้ดูแลงานของร้านชุ่ยเหยียนไจ แซ่หยวน” อีกฝ่ายตรงไปตรงมา ครั้นลงรถม้าก็กล่าวขึ้นทันทีทันใด

เพียงแต่หลังลงจากรถม้า อากัปกิริยาเขากลับประหลาดชอบกล ราวกับดูถูกว่าหน้าบ้านซ่งอิงสกปรกก็ไม่ปาน ดูค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย

บนกำแพงลานหน้าบ้านซ่งอิงมีไก่ตัวผู้ที่ยังปีกไม่แข็งแรงอยู่ด้วยอีกตัว แม้จะชาญฉลาด แต่นั่นก็เป็นสัตว์ ไม่รู้จักคิดอะไรมากมาย อีกทั้งมันก็ขันตรงนั้นอยู่บ่อยๆ บางครั้งไม่ค่อยรู้จักระมัดระวังเรื่องความสะอาด ทิ้งของไม่งามลงตามพื้นประปราย

ทุกวันหลังส่งเด็กน้อยทั้งสามไปเรียน ซ่งอิงก็จะทำการเก็บกวาดทั้งในและนอกลานบ้านหนึ่งรอบ เพียงแต่วันนี้ยังไม่ทันได้ทำ คนเหล่านี้ก็มาถึงกันแล้ว

ตอนที่ 226 ไม่ปวดใจหรือ

อันที่จริงต้าหวงค่อนข้างเห็นความสำคัญของสุขอนามัย แต่มันเป็นพวกไส้ตรงก็เลยมีบางช่วงเวลาที่ควบคุมไม่ได้ อีกอย่าง ในบ้านนอกจากมันก็ยังมีลูกไก่อีกตั้งหลายตัว ซ่งอิงให้พวกมันเคลื่อนไหวได้อิสระ แม้จะมีต้าหวงคอยดู แต่ในลานบ้านก็ยังมีขี้ไก่อยู่บ้าง

ทว่าเทียบกับบ้านอื่นที่เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด ลานบ้านของซ่งอิงถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

ครอบครัวชาวไร่ ด้วยข้อจำกัดบางประการจึงเลี่ยงไม่ได้

ผู้ดูแลหยวนผู้นี้ขมวดคิ้ว อยากจะกลับขึ้นไปนั่งบนรถม้าแทบแย่

“สวัสดีผู้ดูแลหยวน” ซ่งอิงส่งเสียงเรียกขานอย่างให้ความเกรงใจ จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยพูดจาใดๆ อีก

ผู้ดูแลหยวนอึดอัดใจ กล่าว “แม่นางซ่งไม่แปลกใจหรือว่าข้ามาหาเจ้าทำไม”

“ทำไมต้องแปลกใจด้วยหรือ” ซ่งอิงมองไปด้วยท่าทีหน้าตาเฉยเช่นเดิม

ผู้ดูแลหยวนกะพริบตาปริบๆ คิดเพียงว่าหญิงผู้นี้มีตาหามีแววไม่จริงๆ สมกับที่เป็นหญิงชาวบ้าน ไม่รู้การปฏิบัติตนอันเหมาะสมเอาเสียเลย เขามาไกลเพื่อเป็นแขกเหรื่อ อย่างน้อยก็น่าจะเชิญเข้าไปนั่งดื่มชาในบ้านกระมัง?

“วันนี้มาเยือนเพื่อเจรจากับแม่นางซ่งเรื่องกิจการยาสระชิงซือของเจ้า พอจะให้ข้าเข้าไปพูดคุยรายละเอียดได้หรือไม่” ผู้ดูแลหยวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เขาไม่อยากอยู่ตรงบริเวณที่เต็มไปด้วยมูลไก่นี่ต่อไปแล้วจริงๆ!

ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาสระชิงซือน่ะหรือ กิจการนั้นตอนนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจรจากับโรงอี้จวินไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นไม่มีอะไรต้องพูดคุยกับท่านอีก ในบ้านข้าไม่มีแม้แต่ของอย่างน้ำชาเสียด้วย ฉะนั้นจึงไม่ขอสร้างความลำบากให้ท่านจะดีกว่าเจ้าค่ะ”

คนของหมู่บ้านที่มาร่วมรับชมต่างก็ได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง

ที่แท้คนที่มาเยือนเพราะกิจการที่ซ่งเอ้อร์ยาทำนี่เอง

ผู้ดูแลหยวนตะลึงงัน “ในร้านชุ่ยเหยียนไจข้าเป็นถึง…”

“อืม ผู้ดูแลบอกกล่าวไว้แล้วรอบหนึ่ง ข้าได้ยินแล้วนี่?” ซ่งอิงมองไปอย่างไร้เดียงสา

อาสี่ตระกูลนางเกลียดร้านชุ่ยเหยียนไจเป็นที่สุด นางไม่ใจกล้าขนาดเชิญคนเขาเข้าบ้านหรอก มิเช่นนั้นวันมะรืนเมื่ออาสี่กลับมาแล้วได้ยินข่าวคราว จะไม่ถือมีดมาสับนางเลยหรือ

“เจ้า…” ผู้ดูแลหยวนสูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือกใหญ่ เกือบทำให้ตนเองอึดอัดแทบขาดใจ จากนั้นก็คลี่ยิ้มทั้งที่เดือดดาล “แม่นางซ่งยังไม่ทันฟังคำพูดของข้าให้ละเอียดเลยนี่? ข้าเป็นผู้ดูแลงานของร้านชุ่ยเหยียนไจ มาครั้งนี้เพราะอยากจะซื้อตำรับยาสระชิงซือของเจ้าเป็นการเฉพาะ หากเจ้าไม่ยินยอมขายตำรับ ก็นำยาสระชิงซือฝากขายไว้ที่ร้ายชุ่ยเหยียนไจของพวกเราได้ ร้านชุ่ยเหยียนไจของพวกเราแตกต่างกับโรงอี้จวิน สามารถทำผลกำไรให้เจ้าได้สูงยิ่งกว่าแน่นอน!”

“แต่ข้าจัดการให้เป็นหน้าที่ของโรงอี้จวินแล้ว พูดให้มากความขนาดนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงดูไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

แตกต่างกับผู้ดูแลหยวนอย่างสิ้นเชิง

ร้านชุ่ยเหยียนไจของพวกเขามีชื่อเสียงมากในตัวอำเภอหลี่ พูดอย่างไม่เกรงใจ ร้านชุ่ยเหยียนไจเป็นพี่ใหญ่แห่งผู้ทำการค้าขายในสายเดียวกันก็ว่าได้! ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าเกินหน้าเกินตาพวกเขา!

อยู่ต่อหน้าร้านชุ่ยเหยียนไจ ใครจะเลือกโรงอี้จวิน?

เขากล่าวออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว หญิงผู้นี้ก็ยังไม่แยแสอีกหรือ!

ผู้ดูแลหยวนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ถึงขั้นไม่รู้ว่าชั่วขณะนี้ต้องทำอย่างไร

หลังสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ผู้ดูแลหยวนก็พยายามอย่างหนักเพื่อข่มอารมณ์ตัวเอง แล้วกล่าว “แม่นางซ่ง ไม่ทราบว่าโรงอี้จวินให้ผลประโยชน์กับเจ้าเช่นไรหรือ ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเราสามารถให้เจ้าได้เป็นเท่าตัว นอกจากนี้ในภายภาคหน้าหากแม่นางซ่งคิดจะซื้อสิ่งของในร้านชุ่ยเหยียนไจของพวกเราก็จะลดราคาให้ด้วยเช่นกัน”

การลดราคาของร้านชุ่ยเหยียนไจเป็นอะไรที่ใช่จะได้มาโดยง่าย!

“ขอบคุณผู้ดูแลหยวนที่เห็นคุณค่ากัน ทว่าการทำกิจการค้าขายก็ต้องพูดคำไหนคำนั้นเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ ข้าเจรจากับโรงอี้จวินไว้เรียบร้อยแล้ว ย่อมไม่อาจเปลี่ยนไปร้านอื่นได้อีก” ซ่งอิงยังคงยืนกรานคำเดิม

ผู้ดูแลหยวนได้ยินดังกล่าว ยามนี้เกือบหลุดต่อว่าคนเขากันเลยทีเดียว

แค่ฝากขายจะต้องมีความน่าเชื่อถือบ้าบออะไร?!

ผู้ดูแลหยวนค่อนข้างหวาดระแวงชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ อย่างไรเสียก็เป็นคนจำนวนมากมาย เขาไม่อาจทำอะไรเอะอะเกินไปได้

ด้วยเหตุนี้จึงกดเสียงเบากล่าว “แม่นางซ่งไม่รู้หรือว่ายาสระผมตัวเองขายดีขนาดไหน โรงอี้จวินแห่งนั้นไร้ความสามารถจึงขายสิ่งของราคาหนึ่งตำลึงให้กลายเป็นหนึ่งร้อยอีแปะ! แม่นางซ่งไม่รู้สึกปวดใจเลยหรือ!”