ตอนที่ 144 เปิดเผยความคิดเล็กๆ น้อยๆ
ในวันที่สองหลังจากการมาถึงของตระกูลถัง สมาชิกหกคนของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็มาถึงหมู่บ้านเถาหยวนซาน
ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งหกคนนี้คือคนที่ได้รับคัดเลือกจากผู้อาวุโสทั้งสองคนจากทั้งตระกูลเป่ยและตระกูลเย่ว์อย่างเข้มงวดหลังจากที่เย่ว์จือกวงกลับถึงบ้านแล้ว
พวกเขาทยอยเข้าสู่ดินแดนของประเทศเหยียนหวงทีละคนในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
หลายคนไปรวมตัวกันอยู่ในเมืองเย่ว์ตูก่อน โดยมีเย่ว์หลั่งนำทีมมาที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในภายหลัง
พ่อแก่ๆ ต้องการไปพบหน้าลูกสาวของเขาก่อน จึงนัดรวมตัวทุกคนที่เมืองเย่ว์ตู
ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงมาถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานเร็วกว่าคนตระกูลถังเสียอีก เพราะเย่ว์หลั่งกระวนกระวายมาก
เรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวและภรรยาของเขา เขาจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พ่อแก่ๆ คนนี้ไม่มีความสุขเล็กน้อย
ทำไมเจ้าเด็กขี้โรคคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย!
มู่เถาเยาไม่ได้บอกเขาตอนที่เขาไปพบเธอในเมืองเย่ว์ตู และภรรยาของเขาก็ไม่ได้บอกเขาล่วงหน้า
“ลุงเย่ว์”
ตี้อู๋เปียนทักทายเขาด้วยใบหน้าที่สง่างาม ไฝตรงหว่างคิ้วของเขามีสีแดงสดราวกับเลือด
ดูจากภายนอกเขาเหมือนสงบนิ่ง แต่แท้จริงแล้วเขาไม่สบายใจอย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาจะเคยพบกันมาก่อน แต่ตี้อู๋เปียนก็ยังรู้สึกกำลังเหมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ
รู้สึกทั้งกังวลและหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ…
เขาไม่กล้าทำอะไรผลีผลามเลย…
อารมณ์มากมายปะทุขึ้นมาจนตีกันมั่วไปหมด แม้ว่าเขาจะฉลาดมาก แต่เขาก็ยังไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกทั้งหมดนั้นได้
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีอารมณ์ที่ซับซ้อนแบบนี้ต่อหน้าเย่ว์หลั่งและภรรยาของเขา
เย่ว์หลั่งตอบอย่างเย็นชาว่า “ใช่”
ตี้อู๋เปียนยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้นไปอีก
คนตระกูลเย่ว์ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเขามากนัก แต่ไม่ใช่ความรู้สึกรังเกียจ…
ทำไมกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเย่ว์และตระกูลตี้ก็ดีมาโดยตลอดนี่นา!
หรือนิสัยของเขาไม่เป็นที่น่าพอใจ
เยี่ยอิ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้
อู๋เปียนนั้นทรงพลังมาก แต่กลับสอบตกเรื่องความรัก!
เยี่ยม ทำให้จิตใจเขารู้สึกสมดุลขึ้นมาทันที!
ดูสิ คนเก่งบางคนก็มีสิ่งที่จัดการไม่ได้เหมือนกัน!
ความรู้สึกของอู๋เปียนที่ไม่รู้ว่าจะเข้ากับ ‘พ่อตา’ และ ‘แม่ยาย’ ได้อย่างไรนั้นช่างน่าพอใจจริงๆ !
ตี้อู๋เปียนไม่เคยคิดเลยว่าความคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาคิดว่าซ่อนไว้ได้อย่างดีแล้วนั้นจะถูกเปิดเผยออกมานานแล้ว
เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครมาก่อน เขาจึงไม่เข้าใจว่าวิธีที่ผู้ชายมองผู้หญิงที่เขาชอบนั้นไม่สามารถปกปิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคนที่มีความรู้สึกลึกซึ้งหรือห่วงใยต่อคนคนนั้น
แม้ว่าเขาจะเรียนรู้ความรู้ทั้งหมดและอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับความรู้สึกมามากมาย แต่ก็มีบางสิ่งที่แตกต่างจากความเป็นจริงบนหน้ากระดาษอย่างสิ้นเชิง
นี่คือเหตุผลที่หลังจากเรียนจบแล้ว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้สามารถนำไปใช้ในการทำงานและชีวิตจริงได้ไม่มากนัก
แน่นอนว่าเย่ว์หลั่งไม่สนใจว่าอารมณ์ของตี้อู๋เปียนจะซับซ้อนแค่ไหน ตอนนี้เขามีเพียงเป่ยซีภรรยาที่รักของเขาที่อยู่ในสายตาของเขา
“เสี่ยวซี คุณรู้สึกยังไงบ้าง”
“ฉันสบายดีค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เย่ว์หลั่งรู้สึกโล่งใจจริงๆ เพราะเขาสามารถบอกได้ทันทีว่าร่างกายและอารมณ์ของเป่ยซีเปลี่ยนไปมาก
สิ่งนี้ต้องขอบคุณลูกสาวสุดที่รักของเขา
“เสี่ยวเยาเยาบอกว่าเธอจะกลับมาที่นี่หลังจากเลิกเรียนในวันศุกร์ ผมจะกลับไปเย่ว์ตูกับเธอในวันอาทิตย์ จากนั้นค่อยกลับไปที่เผ่า”
เนื่องจากจะมีการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคม เขาจึงยุ่งมากในช่วงเวลานี้
ในอดีต เผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในกิจการระหว่างประเทศใดๆ พวกเขาเพียงแค่มุ่งเน้นไปที่การใช้ชีวิตของตัวเองและไม่สนใจเรื่องอื่นๆ
แต่ปีนี้เขาต้องการที่จะเข้าร่วม
พอมาคิดๆ ดูแล้วคงเป็นลางสังหรณ์ที่จะทำให้เขาได้เจอกับลูกสาวตัวน้อยของเขา
เขาต้องการผลักดันชนเผ่าให้มีชื่อเสียงที่ดีในระดับสากล
เมื่อน้องสาวของเขาเกษียณและลงจากตำแหน่งหัวหน้าเผ่า ลูกสาวของเขาถึงจะเข้ามารับตำแหน่งต่อได้อย่างราบรื่น คนทั้งโลกจะต้องอิจฉาพวกเขาเผ่าหมาป่าพระจันทร์และทำได้เพียงมองอย่างตาร้อนผ่าว ไม่กล้าใช้แผนการหรือวิธีการทางการเมืองใดๆ !
ลูกสาวของเขาไม่ได้เติบโตขึ้นมาในเผ่า ไม่เหมือนกับน้องสาวของเขาที่ทำให้ทั้งโลกต้องทึ่งกับความสามารถของเธอตั้งแต่เธอยังเด็ก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องแข็งแกร่งขึ้นจนโลกไม่กล้าชี้นิ้วไปที่ทายาทของเผ่าของพวกเขา
ถึงลูกสาวจะไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาคงทนมองไม่ได้
ก่อนอื่นต้องปิดข่าวที่ไม่ดีทั้งหมด จะทำให้เสี่ยวเยาเยาต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้ไม่ได้
ลูกสาวของเขาไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของการเมือง เขาเองก็จะไม่ใช้สิ่งนั้นไปจำกัดเธอเหมือนกัน
ดังนั้นเขาจึงต้องการสร้างเผ่าที่ทรงพลังอย่างยิ่งสำหรับลูกสาวของเขา เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวลไปตลอดชีวิต และในอนาคตเธอจะได้ทำแต่ในสิ่งที่เธอชอบเท่านั้น
เมื่อเป่ยซีได้ยินสามีพูดถึงลูกสาวของเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเยาเยายังยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
แม้จะเพิ่งห่างกันเพียงแค่สามวัน แต่เธอกลับคิดถึงลูกสาวจนแทบบ้าแล้ว
“เสี่ยวเยาเยายังคงยุ่งมาก ยุ่งกับการรักษาคน ยุ่งกับการเรียนสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา กฎหมาย…อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเยาเยาขอให้ผมนำหนังสือเล่มหนึ่งกลับมาให้หมอเทวดาหยวน”
หยวนเหยี่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ วินาทีต่อมาเขาก็ถามว่า “หนังสืออะไรกัน”
“เสี่ยวเยาเยาบอกว่ามันเป็นเนื้อหาของหนังสือโบราณที่เธอเคยอ่านมาก่อนน่ะครับ เธอจัดระเบียบมันจากความทรงจำและเขียนมันออกมา เธอบอกว่าเธอจะถามหมอเทวดาหยวนและผู้อาวุโสตระกูลถังอีกครั้งเพื่อดูว่ามีปัญหาใดๆ ในเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นหรือเปล่า”
หยวนเหยี่ยมีความสุขมาก “เสี่ยวเยาเยาเขียนเสร็จแล้วเหรอ”
“ใช่ครับ มันอยู่ในกระเป๋าเดินทางของผม เดี๋ยวผมจะขึ้นไปหยิบมันมาให้นะครับ”
หยวนเหยี่ยกระตุ้นเขาอย่างตื่นเต้น “รีบไปเอามันมาให้ฉันเร็วเข้า”
ตี้อู๋เปียน “…” ลุงเย่ว์ลืมอะไรไปหรือเปล่า
ซาลาเปาน้อยบอกว่าเธอจะให้เขาอ่านหลังจากที่เขียนเสร็จไม่ใช่เหรอ! เป็นไปไม่ได้ที่ซาลาเปาน้อยจะลืมคำพูดของตัวเอง…
แค่ก…แต่เขาจะเตือนลุงเย่ว์ยังไงดี…รอไว้มีโอกาสแล้วค่อยพูดถึงเรื่องนี้กับปู่หยวนอีกทีก็แล้วกัน
เขาจะไม่มีวันยอมรับว่าเขาไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้กับลุงเย่ว์!
เย่ว์หลั่งหยิบหนังสือที่ไม่บางและไม่หนามากที่ถูกเขียนขึ้นจากลายมือของลูกสาวของเขาเองออกมา
หยวนเหยี่ยรับหนังสือเล่มนั้นไปและเดินไปเปิดอ่านพร้อมกับผู้อาวุโสตระกูลถัง
ที่หน้าปกของหนังสือเล่มนั้น เขียนไว้เพียงสองคำสั้นๆ อย่างกระชับว่า ‘แพทย์-พิษ’
“ลายมือของเสี่ยวเยาเยาสวยมากจริงๆ เรียกได้ว่าขึ้นมาอยู่ในระดับปรมาจารย์แล้วนะเนี่ย! ผู้อาวุโสตระกูลถังจ้องไปที่คำสองคำบนหน้าปกตาไม่กะพริบ
หยวนเหยี่ยพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนสิครับ! แม้ผมจะสอนเธอเพียงแค่พื้นฐานเท่านั้นแต่เธอก็ยังหมั่นฝึกฝนมันต่อด้วยตัวเอง ไม่ว่าเธอจะเรียนอะไร เด็กคนนี้ก็จะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ดีที่สุด กระทั่งศาสตร์โบราณอย่างพินกลอนอักษร เธอล้วนทำมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยม!”
ซย่าโหวโซ่วพยักหน้าตามอย่างบ้าคลั่ง
อยู่มาจนถึงอายุปูนนี้ เขาไม่เคยเห็นเด็กคนไหนที่ฉลาดเท่ากับลูกศิษย์ตัวน้อยของเขามาก่อนเลย!
ตี้อู๋เปียน เย่ว์หลั่ง และภรรยาของเขา และอาจารย์แม่เล็กต่างก็มีสีหน้าภาคภูมิใจ
ผู้อาวุโสตระกูลถัง “เสี่ยวถังถังของฉันเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเสี่ยวเยาเยานักหรอกนะ ตั้งแต่เธอยังเด็ก แม้ลายมือของเธอจะไม่ค่อยดีนัก แต่ด้านพินกับรูปวาดเธอก็ทำมันออกมาได้ดี”
และแล้ว…วีรกรรมโม้เรื่องลูกหลานของพวกผู้เฒ่าก็เริ่มขึ้น
เยี่ยอิ่งที่นั่งถัดจากตี้อู๋เปียนไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป
ดูคนพวกนี้สิ พูดจนสาวน้อยสองคนนั้นแทบจะกลายเป็นเทพเซียนอยู่แล้ว!
คนเหล่านี้จะโม้เกินจริงไปหน่อยไหม
“อู๋เปียน ฉันขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพักนะ” เยี่ยอิ่งแตะไหล่ของตี้อู๋เปียนและพูดอย่างระมัดระวัง
“เป็นอะไรไป” ตี้อู๋เปียนไม่ต้องการให้เขาออกไป!
คนกำลังยกย่องซาลาเปาน้อยอยู่ เขาจะออกไปทำไม!
เยี่ยอิ่งตกตะลึง “นายอยากรู้เหตุผลที่ฉันจะออกไปจริงๆ เหรอ”
ไม่เคยคิดฝันว่าตี้อู๋เปียนจะถามอะไรแบบนี้ออกมา
“นั่งลงซะถ้านายไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรต้องทำ” แน่นอนว่า คนอื่นควรรู้ว่าซาลาเปาน้อยของเขานั้นวิเศษเพียงใด!
“…”
โอเค
อย่างไรก็ตาม เขายังคงสามารถอดกลั้นไว้ได้อีกชั่วขณะโดยไม่ทำลายบรรยากาศ หากพวกเขาไม่ยกย่องพวกเธอไปในทิศทางที่ราวกับว่ากำลังเล่าตำนานเทพเซียน!
แต่ชายชราทั้งสองคนนั้นไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดชมเด็กหญิงตัวเล็กๆ ทั้งสองคนเลย
ในที่สุดเยี่ยอิ่งก็อดไม่ได้หลุดหัวเราะออกมา
ทุกคนจ้องมองไปยังที่มาของเสียงที่จู่ๆ ก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาเป็นตาเดียว
พวกเขากำลังมีความสุขที่ได้ฟังและพูดคุยกัน แล้วทำไมเขาถึงหัวเราะล่ะ มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพูดหรือไง
ซย่าโหวโซ่วบีบข้อมือของเขา
เยี่ยอิ่ง “…”