ตอนที่ 136 เรือนกระจกที่เหมาะสำหรับการปลูกผัก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 136 เรือนกระจกที่เหมาะสำหรับการปลูกผัก

ตอนที่ 136 เรือนกระจกที่เหมาะสำหรับการปลูกผัก

ซูเถาไตร่ตรองอยู่เป็นเวลานาน แต่สุดท้ายเธอก็เบิกเงินจากเฉียนหรงหรงมา 500,000 เหลียนปัง เธอกลับไปที่พื้นที่เปิดโล่งขนาดเล็ก เรือนกระจกหลังใหม่ขนาด 100 ตารางเมตรถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก

ของจริงดูดีกว่าในรูปมาก หลังคาและผนังใส มีกรอบสีขาว ประตูทางเข้าเป็นประตูกระจก 2 ชั้น มีลมชื้นพัดเข้ามาทันทีที่เข้าไป ถึงจะยังไม่มีพืชผลแต่ก็มีอุปกรณ์ให้น้ำแบบสปริงเกลอร์และตัวควบคุมอุณหภูมิ

ซูเถากำลังจะทำการวิจัยต่อ จู่ ๆ เครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น และทันทีที่เธอกดรับสาย เธอก็ได้ยินเสียงของจวงหว่าน

“เถ้าแก่ คุณกำลังทำอะไรอยู่ วันแรกที่ทำงานป้าชีรายงานฉันว่าเห็นคุณเข้าไปในเรือนกระจกขนาดใหญ่ นี่เป็นห้องแบบใหม่หรือเปล่า”

ซูเถาพูดไม่ออก “ห้องใหม่อะไรกัน อย่าเพิ่งวู่วามไป มันเป็นเรือนกระจกสำหรับปลูกผัก อ้อ พี่เรียกเฉียนหลินและอู๋เจิ้นมาหาฉันหน่อยนะคะ”

อู๋เจิ้นรีบวิ่งไปภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เมื่อเห็นเรือนกระจกหลังใหม่ เขาก็อ้าปากค้าง

“เรือนกระจกงั้นเหรอ พระเจ้า…”

เขาวิ่งไปรอบ ๆ เรือนกระจกขนาดเล็กอย่างตื่นเต้น และสัมผัสมันไปรอบ ๆ ซูเถารอให้เขาชื่นชมจนเสร็จ จากนั้นจึงกวักมือเรียกให้เขาเข้ามาและแนะนำ

“นี่คือตัวควบคุมอุณหภูมิ เข้าใจวิธีใช้ไหม สามารถตรวจสอบอุณหภูมิหรือความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ มีสปริงเกลอร์รดน้ำด้วย สิ่งนี้สามารถใช้สำหรับการเพาะปลูกในดินหรือการเพาะปลูกแบบไร้ดินได้ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ทำการเกษตรอีก 10 ชุด ส่วนตรงนั้นก็เป็นกล่องที่ใส่ดินที่มีแร่ธาตุอยู่”

ยิ่งอู๋เจิ้นได้ยิน เขาก็ยิ่งตื่นเต้น “นี่ดีกว่าห้องเรือนกระจกบนชั้นสามของโรงอาหารมาก แม้ว่าความสามารถของผมจะเลี้ยงพืชได้ แต่ถ้าสภาพการเจริญเติบโตดีมาก มันก็สามารถลดการใช้ความสามารถของผม ถ้าเป็นแบบนั้นผลผลิตพืชผลจะดีกว่า”

เขาหยุดพูดชั่วคราว “ในสภาพการเติบโตเช่นนี้ ตราบใดที่ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ผมเพาะไว้ล่วงหน้า ถึงไม่มีผมคอยฝึกหรือเลี้ยง ก็สามารถเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวได้ดี”

ซูเถาโบกมือ “เรือนกระจกนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ ถ้าคุณชอบ ฉันจะให้คุณหนึ่งห้องไว้ที่ระเบียง”

อู๋เจิ้นดีใจมาก “ผมชอบมาก ขอบคุณเถ้าแก่”

เฉียนหลินที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจมากเมื่อเห็นเรือนกระจกแวววาว หลังจากนั้นไม่นาน ก็พูดติดตลกว่า

“เถ้าแก่ทำตามที่พูดจริง ๆ ฉันคิดว่าคงจะดีหากมีพื้นที่เปิดโล่ง แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะสร้างเรือนกระจกให้เรา แต่มันเล็กไปหน่อยนะ เถ้าแก่ ขอใหญ่กว่านี้ได้ไหม เราเชื่อว่าคุณทำได้!”

อู๋เจิ้นก็มองไปข้างหน้าอย่างมีความหวังเช่นกัน

แน่นอนว่ายิ่งเรือนกระจกใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!

ซูเถาแสร้งทำเป็นโกรธ

“พวกคุณนี่เคี่ยวจริง ๆ ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า”

เงินห้าแสน ถ้าไม่ใช่เพื่อพื้นที่เพาะปลูก เธอคงลังเลใจที่จะใช้มัน

ตอนนี้ในบัญชีกลางบวกกับการชำระเงินคืน เหลือเพียง 300,000 เหลียนปัง เฉียนหรงหรงเจ็บปวดรวดร้าว

ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน ผัก เครื่องมือ และอุปกรณ์ทั้งหมดในห้องเรือนกระจกบนชั้นสามถูกย้ายไปยังเรือนกระจกหลังใหม่

พนักงานของไร่ตื่นเต้นมาก พวกเขาไม่แม้แต่จะสนใจกินข้าวกลางวัน พวกเขากินอย่างลวก ๆ จากนั้นก็กลับไปทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่

ข่าวที่ว่าเถาหยางมีเรือนกระจกกระจายไปทั่วในบ่ายวันนั้น

มีแม้กระทั่งผู้เช่าที่อยากรู้อยากเห็นวิ่งเข้ามาถ่ายรูปและเช็กอิน แต่เฉียนหลินขับไล่พวกเขาออกไปอย่างไร้ความปรานี เพราะกลัวว่าจะมีคนมาเหยียบย่ำต้นกล้ามากเกินไป

แม้แต่คุณย่าเฉินก็เข้ามาหาซูเถาและถามว่า

“หนูเถาเรือนกระจกของเรายังขาดแคลนกำลังคนอยู่หรือเปล่า”

ซูเถาส่ายหัวอย่างแรง “คุณอายุมากแล้ว ควรทำอาหารอยู่ที่บ้านดีกว่านะคะ ไปพูดคุยกับทุกคนเถอะค่ะ เรือนกระจกเป็นงานหนัก อย่ามาหมดสนุกกันเลย”

คุณย่าเฉินไม่พอใจ “อย่าดูถูกฉันเลย ตอนฉันยังเด็ก ครอบครัวของฉันอยู่ในชนบท ฉันเป็นชาวนาที่ดี ฉันดูแลพืชผลได้ทุกชนิด ตอนที่ห้องเรือนกระจกชั้นสาม ฉันเข้าไปช่วยบ่อยนะ และทุกคนก็ชื่นชมฉัน เอาตามนี้แล้วกัน ฉันไม่เอาเงินเดือนหรอก”

ซูเถาหยุดเธอไม่ได้ จึงต้องคุยกับเฉียนหลินอย่างเร่งด่วน

“ให้คุณย่าหาอะไรทำฆ่าเวลาก็ได้ ไม่ต้องให้แกทำจริงจัง”

เฉียนหลินก่ายหน้าผากของเธอและตอบซ้ำ ๆ ทันทีที่เธอพูดจบ เผยตงก็โทรมาและพูดคุยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการซื้อในตอนเช้า

“อดีตผู้นำกองทัพเห็นด้วย ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนนี้ ตราบเท่าที่เถาหยางมีผักเหลืออยู่ ตงหยางจะให้ผลึกนิวเคลียสกับเธอ 2 ชิ้น แต่ตั้งแต่เดือนแปดเป็นต้นไป เธอสามารถซื้อได้ในราคาแปดร้อยเหลียนปังต่อหนึ่งชิ้น เพราะผลึกนิวเคลียสเหลือไม่มากแล้ว ตกลงไหม?”

ซูเถาพยักหน้าซ้ำ ๆ “ตกลง!”

เวลาครึ่งเดือนคงปลูกผักได้ไม่มากเท่าไหร่ อดีตผู้นำกองทัพกำลังแลกเปลี่ยนกับผลึกนิวเคลียส 2 ชิ้นเพื่อจัดซื้อผักระยะยาวกับเถาหยาง

แต่สำหรับเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

เผยตงยิ้มและพูดว่า “อดีตผู้นำกองทัพกลัวว่าคุณจะไม่ตกลง มิฉะนั้นเขาคงต้องต่อรองกับคนอื่นอีกครั้ง”

ซูเถารีบพูดว่า “ฉันจะไม่เอาเปรียบ ฉันจำได้เสมอว่าอดีตผู้นำกองทัพเคยให้ผลึกนิวเคลียสกับฉันฟรี ๆ ถ้าจะว่ากันจริง ๆ เหมือนฉันจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เสมอ”

เผยตงส่ายหัว “น้ำและเชื้อเพลิงที่เธอให้กับตงหยางนั้นประเมินค่าไม่ได้ เอาเถอะ ตอนกลางคืนจะมีคนไปส่งผลึกนิวเคลียสให้เธอ เธอรอรับได้เลย”

ก่อนที่จะมืด ซูเถาได้รับผลึกนิวเคลียสสองชิ้นที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้ซึ่งห่อด้วยผ้าสำลี แสดงให้เห็นว่าผู้เก็บรักษาให้ความสำคัญกับสิ่งที่หายากมาก

ซูเถาหยิบผลึกนิวเคลียสทั้งสองชิ้นออกมาและใส่ไว้ในมือของเธอเพื่อสัมผัสซ้ำ ๆ ไม่เพียงจะไม่ร้อน แต่พวกมันยังเย็นเฉียบอีกต่างหาก

เธอยื่นให้หลินฟางจือ “แตะอีกครั้ง”

หลินฟางจือสัมผัสมันเบา ๆ และรู้สึกถึงพลังงานที่เล็ดลอดออกมาจากผลึกนิวเคลียส จึงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาบางอย่างจากก้นบึ้งของหัวใจ

เขาไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนนัก ดังนั้นเขาจึงรีบหันกลับมา

จู่ ๆ ซูเถาก็สังหรณ์ว่านี่อาจเป็นสิ่งที่ดี

เพื่อตรวจสอบในหลาย ๆ ด้าน เธอจึงไปหาผู้ที่มีพลังวิเศษอย่างเมิ่งเสี่ยวป๋อและเหลยสิง

เหลยสิงเรียกต้าจุ่ยซึ่งเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติประเภทห้วงมิติมา

พวกเขาทั้งสามไม่มีใครรู้สึกถึงความร้อนที่หลินฟางจือกล่าว

เหลยสิง โยนผลึกนิวเคลียสกลับไปที่ซูเถาและพูดกับหลินฟางจือ

“นายรู้สึกยังไง บอกฉันมาอย่างละเอียด”

หลินฟางจือผู้ไม่เก่งภาษา ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ เขากลั้นไว้เป็นเวลานานและพูดว่า

“มันร้อน ควบคุมมันไม่ได้”

นับประสาอะไรกับเหลยสิง แม้แต่ซูเถาก็สับสนเช่นกัน

เธอโบกมือ “ช่างมันเถอะ คอยสังเกตไว้แล้วลองดูอีกที ทุกคนแยกย้ายได้”

ก่อนที่เหลยสิงจะเดินไป เขาชี้ไปที่ไป๋จือหม่าที่ตัวสั่นระรัวอยู่ใต้โซฟา เสือดาวผมทองมองมันพร้อมกับส่งยิ้มและถามว่า

“ขอเอาไอ้ตัวเล็กนี่ไปเล่นสองวันได้ไหม”

ไป๋จือหม่ากระโดดออกมาจากใต้โซฟาด้วยความตกใจ มันรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของซูเถาพลางเอาหัวซุกรักแร้เธอด้วยตัวที่สั่นระรัว

ซูเถาโยนกระดาษชำระก้อนหนึ่งใส่เหลยสิง

“คุณนี่จริง ๆ เลยนะ เอาแต่แกล้งมัน คุณก็รู้ว่ามันกลัวคุณแทบตาย ดังนั้นรีบออกไปซะ”

จากนั้นเธอก็เกลี้ยกล่อมและลูบตัวมันเบา ๆ เธอปลอบโยนไป๋จือหม่าเป็นเวลาสิบนาทีก่อนที่มันจะหายตื่นกลัว

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเมิ่งเสี่ยวป๋อยังคงวนเวียนและยังไม่ออกไปไหน เธอจึงถามว่า “มีอะไรเหรอเสี่ยวป๋อ”

ชายสูง 1.8 เมตรอึกอักและตอบว่า

“เถ้าแก่ซู ผมเห็นว่าแผนกรักษาความปลอดภัยในเถาหยางกำลังรับสมัครอยู่ คุณคิดว่าผมทำได้หรือเปล่า”