สวีอีกำลังพยุงหยู่เหวินเห้าเดินเข้ามาช้าๆ

เขาสวมชุดผ้าไหมสีขาว และคาดด้วยเข็มขัดหยก แสงสว่างจากพระอาทิตย์กระทบใบหน้าของเขายิ่งทำให้ดูสง่า ราวกับว่าตกลงมาจากสวรรค์………แม่ทัพผู้อ่อนแอ ด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า ต้องใช้แรงในการเดินแต่ละก้าวอยู่พอสมควร

เขาลำบากมากว่าจะมาถึง แต่ใบหน้ากลับดูแจ่มใส และอ่อนโยน พลางยิ้มกว้างหันไปมองหยวนชิงหลิง

“ท่านอ๋องร่างกายเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?” ฮูหยินรองถามขึ้น

นางหลวนเองก็ลุกขึ้นด้วยความตกใจ

หยู่เหวินเห้าจึงหันไปมองหน้าของฮูหยินรองแทน พร้อมยิ้ม “ขอบใจฮูหยินรอง ข้าดีขึ้นมากแล้ว”

เขาพูดจบ ก็ค่อยๆ เดินไปด้านข้างหยวนชิงหลิง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธ “ยังโกรธอยู่อีกหรือ?วันนี้ไม่มาหาข้าเลย หายโกรธข้าได้หรือไม่?”

หยวนชิงหลิงมองหน้าเขา คนคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?เสแสร้งทำเป็นอ่อนโยน ถึงแม้ว่าจะทำเพื่อนาง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้

นางจึงค่อยๆ ตอบ “ข้าไม่ได้โกรธ”

เขาจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก “ไม่โกรธก็ดีแล้ว งั้นที่เจ้าบอกว่าวันนี้จะไปกับข้า ยังไปอยู่หรือไม่?”

นางพูดแล้วหรือ?

“ข้ามีแขก “

หยู่เหวินเห้าหันไปมองฮูหยินรองด้วยความลำบากใจ “งั้นหรือ?อย่างนั้นก็เท่ากับว่าไม่ไปแล้วหรือ? “

ฮูหยินรองรีบพูดขึ้นทันที “ตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว ข้าเองก็ต้องรีบกลับแล้ว “

“กลับเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยหรือ? “หยู่เหวินเห้าพูดด้วยสีหน้ายินดี

“ไม่ดีกว่า ข้ายังมีธุระต้องสะสางอีก ถ้าหากว่ามีเวลาว่างจะมาเยี่ยมท่านอ๋อง……และพระชายาเพคะ “ฮูหยินรองพูดพลางหันไปสบตากับนางหลวนและหยวนชิงผิง

หยวนชิงผิงจึงพูดขึ้น “เมื่อครู่พี่ใหญ่พูดแล้ว ว่าข้าสามารถอยู่ที่นี่ได้สองสามวัน “

“นั่น…….. “ฮูหยินรองรีบหันไปมองหยู่เหวินเห้าทันที พอเห็นว่าสีหน้าเขาดูปกติ จึงพูดขึ้น “อย่างนั้นก็ได้ เจ้าคอยดูแลพระชายาให้ดี ห้าก่อเรื่อง เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจแล้ว!” หยวนชิงผิงตอบ

หลังจากที่ฮูหยินรองและนางหลวนกลับไปแล้ว หยู่เหวินเห้าก็หันไปรับสั่งกับแม่นม “บอกให้คนไปเตรียมห้องให้น้องสาวพระชายาด้วย”

“เพคะ!” แม่นมเดินเข้ามาน้อมรับคำสั่ง “คุณหนูรอง เชิญตามข้าน้อยมา ลองดูว่าท่านชอบห้องไหน?”

หยวนชิงผิงที่คิดอยากจะอยู่อยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับที่อยู่นั้นนางเป็นคนช่างเลือก ดังนั้นจึงเดินตามแม่นมออกไป

หยวนชิงหลิงหันไปมองหยู่เหวินเห้า “ที่จริงท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ตอนนี้จวนเจ้าพระยาก็คิดว่าข้ากับท่านมีความสัมพันธ์กันดีอย่างมาก เพียงแต่เกรงว่าหลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องให้ต้องรับมือมากน้อยเพียงใด”

หยู่เหวินเห้าเองก็พลันเก็บสายตาอ่อนโยนทันที พลางพูดเสียงธรรมดา “ข้าก็แค่ไม่อยากทำให้เจ้าต้องผิดใจกันกับฝั่งครอบครัวของเจ้า อย่างน้อย ข้าทำแบบนี้ ท่านพ่อของเจ้าก็จะดีกับเจ้าไม่น้อย”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้น “ข้าไม่สนใจว่าเขาจะมีท่าทีกับข้ายังไง เพราะตัวข้าอยู่ที่จวนอ๋อง ยังไงก็ไม่ได้เจอพวกเขาทุกวัน”

“เจ้าไม่สนใจ คงไม่ดื่มเหล้าเมาแล้วตะโกนว่าอยากกลับบ้านหรอก” หยู่เหวินเห้าพูด

หยวนชิงหลิงชะงักไปทันที “ข้า……ข้าร้องไห้แล้วตะโกนว่าอยากกลับบ้านหรือ?”

“เจ้าจำเรื่องตอนที่เจ้าเมาไม่ได้แล้วหรือ?” หยู่เหวินเห้าหันไปมองนาง

หยวนชิงหลิงเหงื่อผุดออกมาจากหน้าผาก “จำได้ว่าทำอะไรบ้าง แต่จำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป”

หยู่เหวินเห้ามองนาง “จำได้มากน้อยเพียงใด?เรื่องในวังเจ้าจำได้เยอะหรือไม่?”

“เรื่องในวัง?ในวังมีเรื่องอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงนิ่งไปครู่หนึ่ง

“เจ้าเมาอยู่ในวัง แล้วก็พูดพล่ามในตำหนักฉินคุน เจ้าจำไม่ได้หรือ?” หยู่เหวินเห้ามองหน้านางที่เริ่มขาวซีด ในใจก็พลางรู้สึกพอใจ และสะใจมากด้วย

หยวนชิงหลิงจำได้ว่า ตอนนั้นใจของนางรู้สึกอัดอั้นมาก นางจึงกระโดดขึ้นบนโต๊ะแล้วก็พูดต่อว่า และแน่นอนว่านางยังคงมีสติอยู่บ้าง นางจึงพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

แต่ว่า ซวยแล้ว…..นางบังอาจไปทำในตำหนักฉินคุน

“ได้ยินกู้ซือบอกว่า เสด็จปู่ตกใจจนเข้าไปหลบที่เตียงไม้ ถึงกลับไม่กล้าส่งเสียงออกมาเลย!” หยู่เหวินเห้าพูดเพื่อให้นางจำได้มากขึ้น

หยวนชิงหลิงยกมือขึ้นมาปิดหน้า เทพสายฟ้า โปรดทำให้ฟ้าผ่านางเถอะ!

ผ่านไปสักพักนางจึงเอามือออก พลางมองเห็นสีหน้ายิ้มอย่างสะใจของหยู่เหวินเห้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกโมโหไม่ได้ “ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างสบายใจ “จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ พวกเราถือว่าจบกัน”

“จบบ้าบอกับผีสิ!”

หยวนชิงหลิงโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่พอนึกดูแล้ว ตอนนั้นเขาเองก็อยู่ในภาวะคับขันไม่สามารถไปไหนได้ จึงทำให้โกรธเขาไม่ลง

“ไม่ดีแล้ว ข้าต้องเข้าไปรับโทษ” หยวนชิงหลิงลุกขึ้นพลางเดินไปมา “ต้องเปลี่ยนชุด ท่านออกไป ข้าต้องการจะเปลี่ยนชุด”

หยู่เหวินเห้าค่อยๆ ลุกขึ้น “โชคดีที่ข้าเองก็ดีขึ้นเยอะแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปกับเจ้าด้วย เพื่อช่วยพูดให้เจ้าสองสามความ”

“ขอบใจ ขอบใจมาก” หยวนชิงหลิงที่รู้สึกทรมานใจเพราะไม่รู้จะมองหน้าไท่ซ่างหวงยังไง ถ้ามีคนช่วยพูดก็คงดีไม่น้อย นางจึงพูดขอบคุณออกมาจากใจจริง

ทางด้านนั้น หยวนชิงผิงก็ได้ห้องเรียบร้อย จึงรีบกลับหอเฟิ่งหยีทันที

แต่กลับเห็นว่าหยวนชิงหลิงแต่งตัวอย่างเต็มยศและเดินออกไปกับหยู่เหวินเห้า นางจึงรีบเข้าไปถาม “พวกท่านจะไปไหนกันหรือ?”

“เข้าวัง เจ้ารอข้ากลับมาที่นี่แหละ” หยวนชิงหลิงพูดด้วยสีหน้าไม่ดี

“เกิดเรื่องขึ้นหรือ?” หยวนชิงผิงตกใจกับสีหน้าของนาง “งั้นท่านรีบไปเถอะ”

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าน้องสาวคนนี้ก็พอมีจิตใจเมตตาอยู่บ้าง จึงพูดขึ้น “อืมอืม ถ้าหากว่าเจ้าหิวละก็ให้บอกแม่นมจัดการให้ ถ้าเบื่อก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก”

“พอแล้ว ไปเถอะ พูดอะไรเยอะแยะ?ทำอะไรก็ไม่สนุกสักนิด” หยวนชิงผิงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

หยู่เหวินเห้าชำเลืองมองหยวนชิงผิงทีหนึ่ง ต่อว่าได้ดี!

ทั้งสองคนออกมาจากจวน ก็พลันขึ้นรถม้าแล้วตรงเข้าวังทันที หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ดีตลอดทาง ถึงไท่ซ่างหวงจะบอกว่านางไม่เลว แต่ก็เกรงว่าจะทนต่อการกระทำที่เกินไปของนางในตำหนักไม่ไหว

แล้วในหัวก็พลันมีภาพจินตนาการ ตอนที่ตัวเองกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วตะโกนต่อว่าอย่างน่าอาย ครั้งนี้มันขายหน้าไปจนถึงตำหนักฉินคุนแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้นางพอจะสบายใจอยู่บ้าง ก็เพราะว่าสองวันนี้ยังไม่มีรับสั่งให้นางไปรับโทษออกมาจากวัง

แต่ว่า หยู่เหวินเห้ากลับทำให้ความสบายใจของนางต้องพังทลายลง “ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่เจ้าออกมาจากตำหนักเสด็จปู่ก็เริ่มป่วยใจ ตอนนี้ตำหนักฉินคุนยังช่วยเจ้าปกปิดอยู่ แต่ถ้าหากว่าเสด็จสั่งให้คนสืบละก็ เรื่องนี้คงปิดไม่อยู่แน่ เพราะเสด็จพ่อกตัญญูมาก ถ้าหากว่าพระองค์รู้เข้า เกรงว่าถ้าเจ้าไม่ถูกสั่งประหารก็อาจจะโดนถลกหนัง”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง “ข้ามีกระดาษติดค้าง”

ชายาคนนี้ มีอะไรให้ประหลาดใจตลอด

“ไม่รู้ว่าถ้าหากเสด็จย่ารู้เข้า จะกริ้วมากขนาดไหน?” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น

หยวนชิงหลิงกัดฟันกรอด “ท่านช่วยปิดปากของท่านบ้างได้หรือไม่?ข้ากังวลจะตายอยู่แล้ว”

หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “ตอนนี้ท่าทางของเจ้าดูไม่ปกติ รบกวนลองตรวจสอบตัวเองดูสักหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าไม่มีทางช่วยพูดกับเสด็จย่าให้เจ้า เจ้าเองก็น่าจะรู้ มีอ๋องมากมาย แต่ว่าคนที่เสด็จย่าเอ็นดูที่สุดก็คือข้า”

หยวนชิงหลิงแทบอยากจะฉีกปากเขาออก แต่ก็ต้องข่มใจแล้วพูดขึ้น “ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกแล้ว”

“หูข้ามีปัญหาหรือ?ข้าไม่ได้ยินคำว่าขอโทษเลย”

“ข้าขอโทษ!” หยวนชิงหลิงโมโหสุดขีด และตะโกนใส่หูเขาทันที

“หยวนชิงหลิง!เจ้าตายแน่!” หยู่เหวินเห้ากดคอนางไว้ แล้วจับดึงเข้ามาหาตัวเอง หยวนชิงหลิงใช้สองมือผลักหูเขา แต่ว่าถูกเขาดึงลง และก็พลันมีเสียงร้องของเขาดังขึ้น เพราะว่าหยวนชิงหลิงกัดเข้าที่หน้าอกเขา