ตอนที่ 98 หนานหนานคนสองหน้า

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 98 หนานหนานคนสองหน้า

เย่หลานผิงพยักหน้า แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่อีกฝ่ายนึกขึ้นได้แล้ว มิเช่นนั้นเขาคงได้ขายหน้าอย่างหนักต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้

เขาเป็นถึงผิงซื่อจื่อของอาณาจักรเฟิงชาง หากถูกเด็กเล็กคนหนึ่งลืม หลังจากนี้จะแสดงอำนาจอย่างไร?

“นี่ พี่ชาย ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน หรือว่าท่านอยากเชิญหนานหนานไปกินข้าวอีก?” โอ้โห พอนึกถึงเขา ก็นึกถึงของกินอร่อย ๆ ที่โรงเตี๊ยมหลินสุ่ยในวันนั้นขึ้นมาทันที กระเพาะของเขาเล็กเกินไปแล้ว กินได้ไม่มาก น่าเสียดายชะมัดเลย

มุมปากเย่หลานผิงกระตุกวูบ ทว่าเมื่อได้ยินคำเรียกที่อีกฝ่ายเรียกก็ยังรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “หนานหนานอยากกินอะไรล่ะ ขอแค่บอกข้ามา ต่อให้เป็นอาหารในวัง ข้าก็ทำให้เจ้าได้ชิม”

เหวินเทียนขมวดคิ้ว ผิงซื่อจื่อผู้นี้เหิมเกริมกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วจริง ๆ คำพูดเช่นนี้ก็ยังกล้าพูดออกมาได้

ทว่าหนานหนานถูกเขากระตุ้นความอยากอาหารแล้ว ขอแค่เป็นของอร่อย เขาก็สามารถลืมว่าบิดามารดาของตัวเองเป็นใครได้ในทันที แม้ว่าอาหารในวังเขาจะเคยกินมาแล้ว แต่นั่นเป็นอาหารที่กินที่อาณาจักรเทียนอวี่ จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็เกือบจะหนึ่งปีแล้ว เขาคิดถึงทุกวัน แต่ท่านแม่กลับไม่แอบพาเขาไปกินอีกสักครั้งเลย

เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาหารในวังของที่นี่ จะอร่อยเหมือนกับตอนที่กินที่อาณาจักรเทียนอวี่หรือไม่ อยากกินเหลือเกิน

“พี่ชาย อาหารในวังมีอะไรอร่อยหรือ ข้า…”

“หนานหนาน” เหวินเทียนกระแอมไอเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เขากระโดดดีดตัวโวยวายอยากกินอาหารในวังกับเย่หลานผิง เขาจึงรีบเบี่ยงประเด็น เตือนถึงสถานการณ์ในตอนนี้ “พวกเรายังยืนขวางทางอยู่นะ”

หนานหนานถูกดึงสติกลับมาจากอาหารอย่างฉับพลัน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ตนเองเสียเปรียบเมื่อครู่ เรื่องนี้ต้องเอาคืนกลับมาให้ได้

หนานหนานถลึงตามองด้วยใบหน้าจริงจังไปยังเฉินจีซินที่บัดนี้กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยท่าทางมึนงงและตกตะลึง เขาแค่นเสียงอย่างดุดัน “พูดมา เจ้าจะคุกเข่ายอมจำนนตรงหน้าข้า หรือจะจ่ายเงินชดใช้มาให้ข้า?”

เฉินจีซินมีใบหน้าดำอึมครึม ร่างกายสั่นระริก ต่อให้นางไม่รู้มากกว่านี้ บัดนี้ก็พอจะเข้าใจแล้ว คนตรงหน้าที่นางคิดว่าเป็นคนต่างถิ่นกลับรู้จักกับผิงซื่อจื่อ

ไม่เพียงแค่รู้จัก ผิงซื่อจื่อยังปฏิบัติกับเขาอย่างดีด้วย

เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้?

อวี้ชิงโหรวได้สติกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว ใบหน้าถึงกับขาวซีดโดยพลัน เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของนางอย่างสมบูรณ์ ทำให้นางไม่ทันได้ตั้งตัว

เป็นไปได้อย่างไรกัน? สองคนนี้รู้จักผิงซื่อจื่อ? เช่นนั้นสิ่งที่นางพูดไปเมื่อครู่ มิเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายให้ตนเองหรอกหรือ?

หัวใจอวี้ชิงโหรวบีบรัด นางรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าข้างกายมารดา และยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นกับเย่หลานผิง “พวกเราไม่ทราบว่าคุณชายน้อยท่านนี้คือสหายของซื่อจื่อ จึงได้ล่วงเกินเขา เป็นความผิดของข้าน้อยเอง โปรดผิงซื่อจื่อให้อภัยเราสองแม่ลูกด้วยนะเจ้าคะ”

นี่เป็นการพบคนให้พูดภาษาคน พบผีให้พูดภาษาผีจริง ๆ ก่อนหน้านี้ยังกล่าวโทษหนานหนานและเหวินเทียนว่าฆ่าม้าของเสนาบดีฝ่ายขวาจนตายและไม่ให้เกียรติพวกนาง บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี คำพูดนั้นที่พูดถึงเขาก็ไม่กล่าวถึงอีก

ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูมองสองแม่ลูกคู่นี้ด้วยความดูหมิ่นดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่งยวด

อวี้ชิงโหรวในตอนนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้ว ตอนนี้นางหวังแค่ผิงซื่อจื่อจะเห็นถึงความน่าสงสารของนาง ไม่กลับคำพูดที่บอกไว้ว่าจะช่วยเอาคืนให้นาง

ทว่าเย่หลานผิงในตอนนี้ได้กลายเป็นผู้สูงส่งมีความเที่ยงธรรมชอบธรรมภายใต้แรงกดดันของเย่ซิวตู๋ บัดนี้เมื่อเห็นใบหน้าของอวี้ชิงโหรว เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าดูดีอีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นความรู้สึกขยะแขยง

เขาแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง มองสองแม่ลูกคู่นี้จากที่สูง “ล่วงเกิน? พูดเพียงประโยคเดียวก็ล่วงเกินได้แล้วหรือ? ถนนเส้นนี้เดิมทีก็ไม่อนุญาตให้รถม้าวิ่งอยู่แล้ว พวกเจ้าทำความผิดก่อน ทั้งยังเกือบชนเด็กอายุ 4-5 ขวบที่ไร้กำลังเช่นนี้ แต่เมื่อเจอเรา ยังกล้าทำตัวเป็นคนชั่วที่มาร้องเรียนก่อน ทั้งยังบอกว่าเป็นความผิดของพวกเขา การกระทำเช่นนี้ จะปล่อยพวกเจ้าไปง่าย ๆ ได้อย่างไร”

เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวตัวสั่นสะท้านอย่างหนัก ต่อให้โดยปกติวางอำนาจบาตรใหญ่มากกว่านี้ แต่ก็อาศัยความฉลาดและเงินทุนนิดหน่อยด้วย ทว่าเมื่ออยู่ใต้อำนาจเช่นนี้ มีเงินทุนมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ผิงซื่อจื่อคือพระราชนัดดาของฮ่องเต้ แม้จะไม่ใช่ขุนนาง แต่คำพูดกลับมีน้ำหนักมากกว่าขุนนางขั้นหนึ่งขั้นสองเหล่านั้นเสียอีก

หนานหนานได้ฟังก็รู้สึกเพลิดเพลินมาก พยักหน้าและเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ “ใช่แล้ว พวกเจ้าชั่วร้ายเกินไป ไม่เพียงแต่เกือบชนข้าจนตาย ยังทำข้าวของของข้าเสียหายจนหมด พวกเจ้ารู้หรือไม่ นี่เป็นของขวัญที่ข้าจะมอบให้พี่ชายนะ”

เย่หลานผิงชะงัก “มอบให้ข้า?”

หนานหนานออกแรงพยักหน้า “ใช่แล้ว ไข่มุกราตรีเม็ดงามที่พี่ชายมอบให้ข้าเมื่อวานนี้ ข้าชอบมากเลย ท่านดูสิ ข้าพกติดตัวไว้ตลอดเลยด้วย”

ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบออกมาให้อีกฝ่ายดู แม้ว่าความหมายที่เขาพกติดตัวไว้เป็นเพราะสะดวกในการตามหาโรงรับจำนำได้ทุกเวลา ทว่าตอนนี้เขาหยิบออกมาอวดสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ทว่าเย่หลานผิงได้เห็น ภายในใจกลับเกิดความซึ้งใจขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ชอบมอบของให้คนอื่น และเคยมอบให้เพียงไม่กี่คน แต่ก็ไม่เคยเหมือนกับหนานหนาน ที่พกของขวัญที่เขามอบให้แบบลวก ๆ ติดตัวไปทุกที่ทุกเวลาราวกับเป็นของล้ำค่า สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นภายในใจโดยพลัน

เหวินเทียนเบือนหน้าไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีความเห็นใด ๆ

“หนานหนานชอบไข่มุกราตรีที่พี่มอบให้ขนาดนี้เชียวหรือ หากเจ้าชอบ ครั้งหน้าพี่จะมอบสิ่งอื่นให้เจ้าอีกนะ” เย่หลานผิงพูดอย่างใจกว้างในทันที

หนานหนานเบิกบานใจ เขาก็ว่าแล้วเชียว ไข่มุกเม็ดนี้คือก้าวแรกในการผลิตเงินของเขา ทว่าเขายังคงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก “พี่ชายดีกับข้าจริง ๆ ท่านดีกับข้าขนาดนี้ หนานหนานย่อมไม่ทำตัวไม่ดีกับท่าน ดังนั้นหลังจากได้รับของขวัญจากพี่ชายแล้ว หนานหนานก็ตัดสินใจว่าจะมอบของขวัญให้พี่ชายหนึ่งชิ้นด้วย ท่านลุงเย่บอกว่าหนานหนานเป็นเด็กรู้ความ เดิมทีอยากส่งของแทนหนานหนาน แต่หนานหนานคิดว่าทำเช่นนี้ยังไม่มีความจริงใจมากพอ ต้องนำไปส่งมอบด้วยตัวเองเพื่อแสดงให้เห็นว่าหนานหนานให้ความสำคัญและชอบของขวัญของพี่ชาย”

เย่หลานผิงได้ยินก็พยักหน้ารัว ๆ ช่างเป็นเด็กรู้ความจริง ๆ ลุงห้าพูดไว้ไม่ผิดเลย

“แต่พี่ชาย หนานหนานยังเด็ก ต่อให้นำเงินค่าขนมทั้งหมดที่มีออกมาก็คงให้ของขวัญใหญ่เท่ากับของที่พี่ชายมอบให้หนานหนานไม่ได้ ดังนั้นยิ่งไม่สามารถเลือกของตามใจชอบแบบขอไปที่ให้พี่ชายได้ ด้วยเหตุนี้วันนี้หนานหนานจึงเดินเตร่อยู่บนถนน ใช้เวลาทั้งวันเพื่อเลือกของขวัญให้พี่ชาย หนานหนานไม่รู้ว่าพี่ชายชอบอะไร ดังนั้นหนานหนานจึงซื้อของที่หนานหนานชอบ ถึงเวลานั้นจะได้นำไปมอบให้พี่ชายทั้งหมด เพื่อให้พี่ชายได้เลือกด้วยตัวเอง เพียงแต่ เพียงแต่…”

เหวินเทียนรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเหลือเชื่อ โดยปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่นางอวี้และนายท่านเขากลับทำตัวราวกับเป็นเด็กไม่รู้ความ เหตุใดเมื่อพูดกับคนอื่นกลับไม่มีความคลุมเครือแม้แต่น้อย?

เลือกของขวัญอะไรกัน ทั้ง ๆ ที่วันนี้เขาอยากออกมาเที่ยวเล่นเองแท้ ๆ

เด็กคนนี้ได้รับการถ่ายทอดลักษณะเด่นทางนิสัยมาจากนายท่านจริง ๆ…คนสองหน้า

ทว่าเย่หลานผิงรู้สึกดีกับคำว่าพี่ชายที่ออกมาจากปากเขาแต่ละคำด้วยความไร้เดียงสาตั้งแต่แรกแล้ว จึงพยักหน้ารู้สึกชอบเด็กคนนี้มากขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างที่หนานหนานกำลังพูด ปรากฏว่าเขาก็ร้องไห้ออกมา ทั้งยังชี้ไปที่ของเล่นกองหนึ่งที่หล่นจนพังอยู่ที่พื้น พูดด้วยท่าทางน่าสงสารว่า “แต่เมื่อครู่สตรีชั่วร้ายสองคนนี้ ขับรถม้าพุ่งเข้าใส่หนานหนาน เป็นเพราะท่านลุงเหวินต้องการช่วยหนานหนานไม่อยากให้กลายเป็นผีเร่ร่อนโดดเดี่ยวที่น่าสงสาร จึง…จึงทำของเหล่านั้นหล่นเพราะไม่ทันได้ระวัง ฮือ ๆ ของที่หนานหนานใช้เวลาเลือกทั้งวัน หนานหนานใช้เวลาคิดอยู่ตั้งนานกว่าจะหาให้พี่ชายได้”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

๕๕๕ โคตรแสบเลยหนานหนานเอ๊ย สมชื่อตอนเลย เชื้อพ่อมันแรงสินะ

ไหหม่า(海馬)