ตอนที่ 150 ตัวตนของพ่อบุญธรรมผู้ลึกลับ
ตอนที่ 150 ตัวตนของพ่อบุญธรรมผู้ลึกลับ
หลิวกุ้ยอิงตื่นตระหนกอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก็รีบตั้งสติอย่างรวดเร็ว “เป็นไปได้อย่างไร?”
“หล่อนเขียนไว้แบบนั้นค่ะ” ท่าทางของหลินเซี่ยเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
หลิวกุ้ยอิงไม่เชื่อคำพูดของหลินเซี่ยแม้แต่น้อย หล่อนสบตาลูกสาวแล้วเอ่ย “ช่วยเอาสมุดบันทึกนั่นมาให้แม่ดูหน่อยได้ไหม? พ่อของลูกพูดแบบนั้นได้ยังไง? ถ้าหล่อนเขียนแบบนั้นจริง ๆ ย่อมต้องเป็นเรื่องเหลวไหลที่หล่อนสร้างขึ้น”
วาจาของหลิวกุ้ยอิงเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้หลินเซี่ยพลันสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่เปิดเผยอะไรออกมาเลย
ดูเหมือนว่าหลิวกุ้ยอิงจะมั่นใจและเข้าใจในตัวหลินต้าฝูอย่างยิ่ง
หลินเซี่ยมองเธอแล้วพูดด้วยท่าทางหนักแน่นว่า “แม่คะ ไม่มีคลื่นไหนเกิดขึ้นโดยไม่มีลมหรอกค่ะ ในเมื่อหนูสงสัย หนูย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง หนูอยากได้ยินความจริงจากปากแม่ หนูมีสิทธิ์ที่จะรู้ถึงภูมิหลังที่แท้จริงของตัวเองนะคะ”
“ความจริงก็คือพ่อของลูกจากโลกนี้ไปแล้ว”
“พ่อคนไหนคะที่จากไป?”
หลินเซี่ยค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าวโดยไม่ให้โอกาสหลิวกุ้ยอิงได้ถอย อารมณ์ของหล่อนเริ่มพังทลาย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“เซี่ยเซี่ย อย่าบังคับแม่เลย ลูกจะเป็นลูกสาวของหลินต้าฝูตลอดไป อีกทั้งเขาก็จากไปแล้ว การถามคำถามแบบนี้นับว่าเป็นการดูหมิ่นผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างยิ่ง”
“ได้ค่ะ แม่ไม่พูดก็ไม่เป็นไร หนูจะสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
หลินเซี่ยมองไปยังหลิวกุ้ยอิง แล้วเอ่ย “เชื้อสายวงศ์ตระกูลของหนูกับเสิ่นอวี้อิ๋งสามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ถึงหลินต้าฝูจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ไม่เป็นไร หนูจะไปตรวจดีเอ็นเอกับหลินจินซาน หนูกับเขามีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมหรือไม่ แค่ไปตรวจดูเดี๋ยวก็รู้แล้วค่ะ”
ในตอนนี้หลิวกุ้ยอิงก็มีท่าทางตื่นตระหนกมาก หล่อนคว้ามือหลินเซี่ย ก่อนเอ่ยพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบหน้า “เซี่ยเซี่ย พวกเราสี่คนแม่ลูกช่วยกันประคับประคองกันไปเพื่อให้มีชีวิตที่ดีไม่ได้หรือ? ทำไมลูกถึงต้องคิดเหลวไหลเกี่ยวกับคำถามพวกนี้ขึ้นมาด้วย?”บราวนี่ออนไลน์
“หนูแค่อยากรู้ความจริงค่ะ”
หลิวกุ้ยอิงก้มหน้าลงพลางเช็ดน้ำตาโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
หลินเซี่ยไม่ได้กดดันประเด็นนี้อีกต่อไป ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของหลินต้าฝู
พ่อที่แท้จริงของเธอคือคนอื่น
หลิวกุ้ยอิงมีเรื่องในใจที่ยากจะพูดออกมาได้ ดังนั้นต้องให้เวลากับหล่อนอีกสักนิด
คงจะมีสักวันหนึ่งที่หล่อนเต็มใจจะเปิดใจ
และเธอเองก็จะเริ่มสืบจากฝั่งของเสิ่นอวี้อิ๋ง
ในชาติก่อน เธอสงสัยเกี่ยวกับพ่อบุญธรรมผู้ลึกลับของเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างยิ่ง
ทุกครั้งที่เสิ่นอวี้อิ๋งไปพบอีกฝ่าย หล่อนก็ไม่เคยปล่อยให้เธอติดตามไปด้วย
โดยปกติแล้วจะเป็นเลขานุการของบุคคลนั้นที่คอยติดต่อกับเสิ่นอวี้อิ๋ง
และเลขานุการคนนั้นคือลู่เจิ้งอวี่ เพื่อนรุ่นน้องของเฉินเจียเหอ
ในตอนนี้ลู่เจิ้งอวี้ยังทำงานอยู่ในกรมการรถไฟ
ในชาตินี้เธอแต่งงานกับเฉินเจียเหอ จึงสามารถเข้าถึงเพื่อนผองพี่น้องเขาได้โดยปริยาย เมื่อลู่เจิ้งอวี่ลาออกและหางานใหม่ในอนาคต เธอก็จะคลำเครือไปหาแตงและรู้ได้ว่าว่าใครคือเถ้าแก่ใหญ่ของเขา
เป็นเพราะหัวข้อสนทนานี้ทำให้บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองหนักอึ้ง หลินเซี่ยที่กินบะหมี่ในชามไม่เสร็จจึงคว้าตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ที่เหลือ
หลิวกุ้ยอิงจึงช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดอย่างเงียบ ๆ
“เซี่ยเซี่ย ทำอะไรอยู่เหรอ?” จู่ ๆ เจียงอวี่เฟยก็ปรากฏตัวที่หน้าร้านและทำลายความเงียบงันในร้านลง
เจียงอวี่เฟยมองเข้าไปและเห็นหลิวกุ้ยอิง ดวงตาของหล่อนพลันเป็นประกาย “คุณป้าก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?”
หลิวกุ้ยอิงรีบเช็ดหน้าเช็ดตาพร้อมปรับอารมณ์ของหล่อน
หลินเซี่ยยกยิ้มแล้วเอ่ย “แม่เอาอาหารมาให้ฉันน่ะ เธอกินข้าวหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้ว ฉันมีเรียนตอนเช้าสองวิชา ก่อนจะไปกินข้าวกับพ่อที่โรงงานมา”
เจียงอวี่เฟยหลีกทางให้ชายที่ตามหลังหล่อนเข้าไปในร้าน พลางหัวเราะเบา ๆ “ฉันพาพ่อมาตัดผมน่ะ”
หลินเซี่ยชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นรองผู้อำนวยการเจียงซึ่งสวมแจ็คเก็ตกำลังหวีเสยผมทรงสลิคแบคของเขา ก่อนจะรีบกล่าวทักทาย “รองผู้อำนวยการเจียง เชิญด้านในค่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งเดินเข้ามา แล้วมองไปยังหลินเซี่ยพร้อมระบายยิ้มให้ “ตอนนี้ต้องเรียกว่าเซี่ยเซี่ยใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่คาดคิดเลยว่าภูมิหลังของเธอจะเป็นตำนานขนาดนี้”
เจียงกั๋วเซิ่งมองดูหลินเซี่ยที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจ “ถึงอย่างไรการที่เธอสามารถพึ่งพาและพัฒนาตัวเองจนเปิดร้านนี้ได้ รวมทั้งเปลี่ยนอาวุธให้เป็นผ้าไหมและหยก*จนกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีของอวี่เฟยได้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจมาก เมื่อก่อนนี้พวกเธอเอาแต่ทะเลาะกันจนทำเอาฉันปวดหัว”
*化干戈为玉帛 เปลี่ยนศัตรูให้กลายมาเป็นมิตรได้
เมื่อก่อนเด็กสาวทั้งสองต่างไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันกันทั้งคู่
เจียงอวี่เฟยดึงเจียงกั๋วเซิ่ง “พ่อคะ อย่าพูดถึงอดีตเลย ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก ตอนนี้โตกันแล้วค่ะ”
เจียงอวี่เฟยมองไปยังหลิวกุ้ยอิง และเอ่ยแนะนำให้หล่อนรู้จักกับเจียงกั๋วเซิ่งอย่างกระตือรือร้น “ท่านนี้คือป้าหลิวของหนู แม่ของเซี่ยเซี่ยค่ะ”
มาเร็วไม่สู้มาได้ถูกจังหวะ ใครกันคาดคิดว่าพวกเขาจะพบกันเร็วขนาดนี้
นี่ย่อมต้องเป็นชะตาฟ้าลิขิต
“แม่เซี่ยเซีย สวัสดีครับ” เจียงกั๋วเซิ่งไม่ได้วางมาดใด ๆ เขาเอ่ยทักทายหลิวกุ้ยอิงด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
เนื่องจากคำพูดพวกนั้นที่หลินเซี่ยกล่าวเมื่อครู่นี้ หลิวกุ้ยอิงจึงมองไปยังชายผู้กระตือรือร้นและสดใสด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยกินเสร็จแล้ว หล่อนจึงรีบเก็บชามและตะเกียบ เตรียมตัวจะกลับบ้าน “เซี่ยเซี่ย ลูกไปตัดผมให้ลูกค้าเถอะ แม่จะไปทำความสะอาดรถเข็นที่พี่ชายลูกซื้อมา แล้วก็จะไปซื้อจานชามและตะเกียบเพิ่มอีกสักหน่อย พวกเราจะตั้งแผงขายของกันพรุ่งนี้”
เจียงอวี่เฟยดึงมือของหลิวกุ้ยอิงอย่างสนิทสนมพร้อมเอ่ยรั้งหล่อนเอาไว้ “คุณป้า นั่งคุยกันก่อนเถอะค่ะ”
“อวี่เฟย ฉันมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เอาไว้วันหลังเธอแวะมากินข้าวที่บ้านนะ”
หลิวกุ้ยอิงไม่เอ่ยลาเจียงกั๋วเซิ่งด้วยซ้ำ หล่อนก้มศีรษะลง แล้วรีบเก็บจานและตะเกียบ จากนั้นจึงเดินออกไป
หลินเซี่ยอธิบายว่า “ลุงเจียง แม่ของฉันกำลังจะเปิดแผงขายขนมของกินเล่น สองวันมานี้จึงยุ่งมากทีเดียวค่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งมองออกไปข้างนอกแล้วหัวเราะ “โอ้ จะขายขนมของกินเล่นงั้นเหรอ ดีทีเดียว”
หลินเซี่ยผสมน้ำลงในอ่างเพื่อสระผม ก่อนเอ่ยบอกให้เจียงกั๋วเซิ่งมาสระผม
“เชิญค่ะ ฉันจะตัดผมให้”
เจียงอวี่เฟยนั่งเท้าคางคิดไม่ตกอยู่ข้าง ๆ พลางถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าหลินเซี่ยพูดถึงพ่อของหล่อนกับป้าหลิวหรือเปล่า ทำไมป้าหลิวถึงมีท่าทีแบบนั้น?
ไม่แม้แต่จะสนใจพ่อของหล่อนเลยเหรอ?
“เสี่ยวหลิน” ในขณะที่หลินเซี่ยเพิ่งเริ่มตัดผมให้เจียงกั๋วเซิ่ง หวังซิ่วฟางซึ่งสวมชุดทำงานก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมผ้ากันเปื้อนในมือ
หลินเซี่ยยกยิ้มให้ ก่อนเอ่ยถาม “พี่สาวหวัง ทำไมถึงมาที่นี่ในเวลานี้ได้ล่ะคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากรู้เลยว่าทำไมแม่ถึงพูดความจริงเรื่องพ่อไม่ได้ ใครสั่งไม่ให้พูดหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)