บทที่ 137 บุตรศักดิ์สิทธิ์เหนื่อยหรือไม่ (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 137 บุตรศักดิ์สิทธิ์เหนื่อยหรือไม่? (ปลาย)

บทที่ 137 บุตรศักดิ์สิทธิ์เหนื่อยหรือไม่? (ปลาย)

บุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นลุกขึ้นทะยานหนีไปไกลทันที ก่อนจะมองมายังชายหนุ่มท่ามกลางมรสุมพัดโหม หัวใจปรากฏเค้าความปรีดา

เฮอะ ลู่หยวนผู้นี้สมควรรับกรรมแล้ว!

แม้เขาจะไม่ได้ฆ่าอีกฝ่ายเองกับมือ แต่เห็นชายผู้นี้สิ้นชีพลงกับตาก็ไม่เลวเช่นกัน!

ในอดีต หญิงชราผู้นี้เข้ากับบรรพชนหลิงอวิ๋นไม่ได้ที่สุด และหยางอวิ๋นก็มองนางอย่างไม่ชอบใจมาตลอด ทว่าวันนี้ โทสะของอีกฝ่ายช่างสาแก่ใจเขานัก!

วายุพัดกระโชกแรงกะทันหัน และภายใต้แรงดันอันดุดันไร้สิ้นสุด หลิงอวิ๋นก็ลอบร้องในใจว่าแย่แล้ว ขณะนั้น หอกสะบั้นนิลกาฬก็พุ่งทะลวงไปปรากฏตรงหน้าลู่หยวน รับแรงกดดันทั้งหมดแทนเขาทันที

จากปลายหอกสะบั้นนิลกาฬ แสงสีแดงเพลิงสายหนึ่งเรืองขึ้น ตัวหอกหมุนควงชี้ตรงเข้าสู่ใจกลางลมพายุทันใด

ตูม!!

พลังทั้งสองกระแทกเข้าหากัน คลื่นพลังแตกกระจายทุกทิศทาง!

ภายใต้อิทธิพลของคลื่นพลังนี้ ค่ายกลพิทักษ์แดนของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ทำงานทันที ทว่าเหล่าศิษย์บนเรือบินไม่ได้มีเกราะคุ้มกัน ไม่พ้นถูกกระทบจนกระอักเลือด

และหยางอวิ๋นซึ่งอยู่ห่างออกไปก็ไม่ต่างกัน มือกุมหัวใจ เลือดลมในอกปั่นป่วน

เขาจับจ้องนิ่งที่ลู่หยวนครู่หนึ่ง ก่อนจะปรากฏขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม ถือหอกยืนนิ่ง เผชิญหน้ากับหลิงอวิ๋นในหมู่เมฆ

บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งเข้ามาในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์วันแรก แต่ท่านอาจารย์ปกป้องเขาเช่นนี้ กระทั่งลงมือกับยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ยุทธ์โดยไม่ลังเล!

ในความทรงจำของหยางอวิ๋น ท่านอาจารย์เป็นคนเฉยชามาโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องใด หรือมีใครมาเปิดสงครามน้ำลายด้วย นางจะไม่เป็นฝ่ายลงมือก่อน และจะไม่ออกมาคิดบัญชีบรรพชนคนใด

แต่วันนี้ นางกลับใช้หอกปกป้องลู่หยวน!

ประเสริฐ… ประเสริฐมาก!

บุตรแห่งโชคชะตากายาสั่นเทิ้ม หัวใจของหยางอวิ๋นเปี่ยมความรวดร้าว ก่อนหน้านี้ เขายังรู้สึกว่าท่านอาจารย์ปกป้องเขา และปฏิบัติกับเขาแตกต่างออกไป

แต่วันนี้ สรรพสิ่งในอดีตเป็นเพียงผายลม!

หญิงชราเหนือหมู่เมฆเห็นว่าบรรพชนหอกลงมือขัดขวางนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็โมโหเช่นกัน “หลิงอวิ๋น เจ้าหมายความเช่นไร? สัตว์ร้ายนี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขานัก?!”

หลิงอวิ๋นฟังวาจาเปี่ยมโทสะของคู่กรณีก็บังเกิดความกังวลขึ้นในใจ อีกฝ่ายเหยียดหยามลู่หยวนเช่นนี้ เกรงว่าเรื่องวันนี้คงจบดี ๆ ไม่ได้!

ขณะที่นางกำลังจะอธิบายทุกอย่างแก่หญิงชรา เสียงของบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็พลันดังขึ้น

“สุนัขเฒ่า รู้หรือไม่ว่าวันนี้ดินกลบตัวเจ้าไปครึ่งร่างแล้ว หากมีคนของข้าอยู่ที่นี่ด้วย ป่านนี้เจ้าตายไปแล้ว”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดจึงกล้าพูดจาสามหาวเช่นนี้?! อยู่ดีไม่ว่าดีเสียแล้ว! ข้าผู้นี้ฝ่ามือเดียวก็…”

เสียงของหลิงอวิ๋นพลันดังขึ้น “บรรพชนเสวียน เขาคือลู่หยวน!”

วาจาของหญิงชราขาดห้วงกะทันหัน ความคิดว่างโล่งไปชั่วขณะ

ลู่หยวน

ชื่อคุ้นอะไรเช่นนี้ เหมือนจะเคยได้ยินจากที่ใด

เสียงของหลิงอวิ๋นดังขึ้นต่อ “เขาคือลู่หยวน นายน้อยตระกูลลู่แห่งตำหนักธารสุญญะแดนเหนือ! บุตรชายคนเดียวของลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ย! และยังเป็นผู้บดขยี้บันไดสวรรค์ในสิบก้าว!”

สีหน้าของหญิงชราพลันซีดขาว วาจาที่เพิ่งกล่าวไปสะท้อนในจิต ก่อนที่ร่างของนางจะเริ่มสั่นสะท้าน

ตระกูลลู่แห่งตำหนักธารสุญญะแดนเหนือ…

ลำพังลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ยไม่ได้น่ากลัวเพียงนั้นสำหรับหญิงชรา

ทว่าหลังอยู่มาเกือบสหัสวรรษ นางก็ยังพอรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังตระกูลชั้นนำแห่งแผ่นดินอยู่บ้าง!

ตระกูลลู่แห่งนั้นมีผู้บรรลุขั้นอมตยุทธ์ท่านหนึ่งพิทักษ์อยู่!

ฟ้าดินเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง

ครู่ใหญ่ ๆ หลังจากนั้น สายตาของหญิงชราก็กลับมาจับจ้องที่ใบหน้าของลู่หยวน มุมปากยกยิ้มอย่างสุดชีวิต ทว่าใบหน้ากลับดูอัปลักษณ์ยิ่งกว่าร่ำไห้

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่นานแล้ว เหนื่อยหรือไม่ ต้องการดื่มน้ำบ้างหรือไม่?”

ใบหน้าของหญิงชราปรากฏรอยยิ้มประจบสอพลอ ร่างของนางปรากฏขึ้น ก่อนจะบินมาอยู่ตรงหน้าลู่หยวนและหลิงอวิ๋น

“หากท่านเหนื่อยล้า ทำไมไม่มานั่งพักกับข้าเสียหน่อยล่ะ มีสุราผลไม้หนึ่งพันปีอยู่ในโถงบรรพชนของข้า บุตรศักดิ์สิทธิ์อยากลองลิ้มรสหรือไม่?”

ลู่หยวนมองหญิงชราด้วยสายตาเย็นชา แต่ไม่ได้กล่าวอะไร

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ คู่กรณีรู้สึกขนลุกชูชัน

ในช่วงสามแสนปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะผ่านการต่อสู้สะเทือนปฐพี ทำให้พลังวิญญาณถูกใช้ไปมาก แต่หลังจากการต่อสู้ในครั้งนั้น ก็ไม่เคยมีคนที่มีรากฐานการบ่มเพาะขั้นจ้าวยุทธ์หรือสูงกว่านั้นปรากฏขึ้นในโลกอีก

มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วหล้าว่า หลังจากสงครามในครั้งนั้น ไม่มีใครสามารถเข้าสู่ขั้นจ้าวยุทธ์ได้อีก

คำพูดเหล่านี้มีเพียงคนธรรมดาเท่านั้นที่เชื่อ หากพวกเขามีผู้หนุนหลังตระกูลแข็งแกร่ง หรือสำนักแก่กล้า พวกเขาย่อมรู้ดีว่ากองกำลังเหล่านั้นที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินหยวนหง ต่างมียอดฝีมือสูงสุดคอยบงการอยู่!

ส่วนตระกูลลู่ ในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งในทะเลแดนเหนือ นับว่าเป็นตระกูลทรงพลังในแผ่นดินหยวนหงทั้งหมด รากฐานของพวกเขาจะทรงพลังขนาดไหนกัน?

ถึงแม้จะมีการกล่าวว่าภายนอกจะมีปรมาจารย์ยุทธ์จำนวนไม่มากนัก แต่หญิงชราทราบดีว่า เบื้องหลังตระกูลลู่มียอดฝีมือผู้สามารถสั่นสะเทือนโลกได้อยู่

หลายร้อยปีก่อน หญิงชรามีวาสนาได้พบกับบรรพชนของตระกูลลู่ผู้ซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆทมิฬ แต่นางเห็นเพียงหมู่เมฆทมิฬกับอากาศหมองหม่นอยู่ใต้คนผู้นั้น หญิงชรารู้สึกว่ามีคลื่นความเจ็บปวดขนาดใหญ่อยู่ในโลหิตจนก่อเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

ในตอนนั้นนางอยู่เพียงครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ แต่ขนาดยังไม่เห็นโฉมหน้าของอีกฝ่าย นางยังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

นับแต่นั้นมา นางถึงรู้ว่า เบื้องหลังตระกูลลู่มีตัวตนที่ไม่อาจสั่นคลอนคงอยู่!

นางย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจเงียบ ๆ เช่นกันว่าอย่าไปสร้างความขุ่นเคืองให้ตระกูลลู่ แต่ไม่คาดคิดว่าตนเองในวันนี้จะถึงขั้นปากเสียใส่คุณชายลู่

หากเรื่องนี้ไปถึงหูของตระกูลลู่เข้า ต่อให้นางหลบหนีจนสุดขอบปฐพี สุดท้ายก็จะโดนตามล่าจนถูกเด็ดหัวในบัดดล!

เมื่อเวลาผ่านไป ในใจของหญิงชรายิ่งแตกตื่นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก สายตาเต็มไปด้วยความยำเกรงของนางอดมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้

หลิงอวิ๋นคืออาจารย์ที่ชายหนุ่มเลือกด้วยตัวเอง หากบรรพชนหอกเอ่ยปาก ศิษย์น่าจะยอมฟังบ้าง!

บรรพชนหอกถูกทั้งสองขนาบข้าง บรรยากาศคุกรุ่นทำให้นางลำบากใจ

เมื่อเห็นหญิงชราส่งสัญญาณให้ หลิงอวิ๋นยังตกอยู่ในความเงียบสักพัก ก่อนจะเคลื่อนไหวเพื่อโน้มน้าวลู่หยวน

หากทั้งสองฝ่ายหาข้อสรุปไม่ได้จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ในอนาคตทุกคนจะมองหน้ากันไม่ติด เรื่องราวมีแต่จะแย่ลงเข้าไปใหญ่

เมื่อหลิงอวิ๋นหันมองกลับไป นางพบว่าชายหนุ่มกำลังจับจ้องไปที่หญิงชรา พร้อมจิตสังหารเย็นเยือกในแววตาที่ไม่จางหายไปแม้แต่น้อย

“บุตรศักดิ์สิทธิ์…”

หลิงอวิ๋นเปิดปากหลังจากจงใจเงียบไป ตั้งใจจะชี้แจงเรื่องเดิมพันกับลู่หยวน

ทว่านี่เป็นเพียงวันแรกของการเข้าศึกษาเท่านั้น หากทำตัวเช่นนี้จะเป็นการไม่ไว้หน้าอาจารย์ บรรพชนเสวียนจะรู้สึกลำบากใจ ไม่อาจบอกได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ถึงอย่างไร ทวนซึ่งรู้ที่มายังหลบง่าย แต่เกาทัณฑ์ที่แอบยิงมานั้นป้องกันยาก!

ตระกูลลู่แข็งแกร่งก็จริง แต่นี่คือสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้เป็นมังกรที่ยิ่งใหญ่ก็ย่อมไม่สามารถเอาชนะนาคาเจ้าถิ่นได้!

ยิ่งกว่านั้น ศิษย์ที่อยู่ใต้อาณัติบรรพชนเสวียนใช่ว่าจะมีเจตนาดีเช่นกัน หากพวกเขาพบว่าลู่หยวนก่อปัญหาขึ้นมา หลิงอวิ๋นย่อมไม่สามารถช่วยเขาได้ทันเวลา

บรรพชนหอกนิ่งสักพัก ในใจร่างบทพูดขึ้นมาสั้น ๆ “มีเรื่องกันวันนี้ไม่ค่อยเหมาะ…”

สายตาของชายหนุ่มเลื่อนมาหาช้า ๆ ความเย็นเยือกอันสงบนิ่งพุ่งเป้าไปที่หลิงอวิ๋น เมื่อเจอสายตาดังกล่าวเข้าไป ทำให้คำพูดที่เหลือพลันถูกหยุดเอาไว้

“เงียบ!”