บทที่ 111 ใจมุ่งฆ่าของเจียงมู่หลง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่111 ใจมุ่งฆ่าของเจียงมู่หลง

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ณ.บริเวณวิลลาของท่านเจียงสาม

“มู่หลง คุณมายังไงนี่?” ท่านเจียงสามถามออกไป

เจียงมู่หลงมองไปรอบ ๆ ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“พวกคุณออกไปก่อน”

ท่านเจียงสามโบกมือ

รอจนแม่บ้านที่กำลังยืนเก็บกวาดวิลล่าอยู่นั้นต่างคนต่างออกไปพ้นหมดแล้ว ท่านเจียงสามจึงพูดออกไปเนือย ๆ ว่า “เจียงมู่หลง คุณมีอะไรจะพูดก็ว่าไป”

“คุณปู่ วันนี้เจียงหว่านได้มาที่บริษัทเราขอรับเอกสารสัญญา พาเอามู่เซิ่งมาด้วยกัน หยิ่งจองหองกันเหลือเกิน!”

เจียงมู่หลงพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “อีกทั้ง หลังจากเจียงหว่านรับเอาใบหุ้นไปแล้ว กลับยังคิดจะโอนไปให้กับมู่เซิ่ง ผมว่าไอ้ขยะตัวนี้ น่าจะมีใจจ้องหาผลประโยชน์กับตระกูลเจียงของเราเป็นแน่!”

“อะไรนะ?โอนไปให้มู่เซิ่งแล้ว?”

ท่านเจียงสามขมวดคิ้วย่น ได้ยินคำพูดนี้ ทำเอาเขารู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจ แม้ว่าเจียงมู่หลงมีการโอนหุ้นให้แก่เจียงหว่าน นั้นก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของบ้านตระกูลเจียง ตอนนี้กับมู่เซิ่งซึ่งเป็นคนนอกตระกูล เขาเอาอะไรมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย?

แต่คิดกลับมาถึงเรื่องที่เจียงหว่านเพิ่งกู้เงินมาได้พันล้านเขาก็ได้แต่อดกลั้นไว้

“เจียงหว่านเขารับผิดชอบโครงการส่วนของเขตซีไห่ อีกทั้งยังกู้เงินมาได้ถึงพันล้าน เวลานี้ตระกูลครอบครัวเราจะขาดเธอไม่ได้ ฉะนั้นตามสถานการณ์ตอนนี้ คุณคงต้องยอม ๆ หน่อยนะ” ท่านเจียงสามพูดอย่างเสียไม่ได้

“คุณปู่ ไอ้มู่เซิ่งนั่นมันทำหยิ่งจองหองแบบนี้ ก็เพราะรู้แน่ว่าท่านไม่กล้าทำอะไรกับเจียงหว่าน!ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าทั้งตระกูลเจียงจะโดนไอ้ตัวขยะนี้กลืนกินจนเกลี้ยงได้ ตามความคิดของผม ตอนนี้เราต้องใช้มาตรการเด็ดขาดแล้วนะ!” เจียงมู่หลงพูด

ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในยามวิกฤต?

ท่านเจียงสามขมวดคิ้วย่น

“ครับคุณปู่ งั้นผมก็จะพูดตรง ๆ เลย”

เจียงมู่หลงพูดต่อไปว่า “ผมว่านะ ตอนนี้ท่านควรจะมอบตำแหน่งผู้นำบ้านตระกูลเจียงให้ผม มีแต่ทำแบบนี้ ผมถึงได้สามารถใช้ฐานะของผมข่มทับเปอร์เซ็นต์เจียงหว่านได้ คุณปู่มองไม่ออกหรือว่า เจียงหว่านตอนนี้ถูกมู่เซิ่งครอบงำไปแล้ว?เวลานี้เรื่องด่วนเฉพาะหน้า ก็คือต้องรีบขับเจียงหว่านไปให้พ้นบ้านตระกูลเจียง จึงป้องกันไม่ให้มู่เซิ่งจ้องทำลายตระกูลเจียงของเราได้!”

เจียงมู่หลงพูดถึงความคิดของตน

“คุณปู่ ตอนนี้โครงการสองโครงการของเขตซีไห่เป็นของเราทั้งหมดแล้ว ต่อให้เจียงหว่านออกพ้นไป ผมก็เข้ารับช่วงต่อได้ ยิ่งเจียงหว่านกู้เงินมาแล้วพันล้าน ก็ตัดปัญหาเรื่องเงินทุนออกไปได้แล้ว จัดการเขี่ยเธอออกไปตอนนี้ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องต้องพะวงหลังได้อย่างเด็ดขาด ไม่แน่ว่า แม้แต่เงินพันล้านนี้ก็ไม่ต้องไปจ่ายคืนเลย!”

เจียงมู่หลงตอนนี้อดรนทนไม่ได้ที่อยากเป็นผู้นำตระกูลเจียงแล้ว เขาจะรอให้ถึงโครงการเสร็จก่อนไม่ไหวแล้ว เพราะเขากลัว ถ้าหากปล่อยให้ถึงวันนั้น คุณปู่อาจจะยกตำแหน่งผู้นำให้แก่เจียงหว่านจริง ๆ ก็เป็นได้

“ไม่ได้!”

ท่านเจียงสามคิดอยู่นิดหนึ่ง ปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด

“มู่หลง คุณวางใจได้ คุณเป็นหลานของผม ตำแหน่งผู้นำตระกูล ยังไงก็ต้องยกเป็นของคุณ แต่ในขณะนี้คุณยังมีความสามารถไม่พอ ยังจำเป็นจะต้องรอ”

ในความคิดของท่านเจียงสาม เจียงมู่หลงเป็นตัวเลือกสำหรับตำแหน่งผู้นำแน่นอนอยู่แล้ว แต่เขายังไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถมากที่สุด ถ้าจะยกตำแหน่งผู้นำให้เขาไปเลยตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่เขาจะเป็นผู้นำของทุกคนได้

ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ก็คือโครงการในเขตซีไห่นั้น เมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์ หักจำนวนมูลค่าที่กู้มาแล้ว ผลกำไรยังมีอีหลายพันล้าน!ผลกำไรอันน่าตื่นใจนี้ สามารถทำให้ตระกูลเจียงกระโดดก้าวจากตระกูลชั้นสอง ขึ้นไปแตะขอบตระกูลชั้นหนึ่งได้เลย การได้เป็นตระกูลชั้นหนึ่ง เป็นความใฝ่ฝันของท่านเจียงสามมาทั้งชีวิต สถานการณ์ในขณะนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้พลาดได้เลยเด็ดขาด

แม้ว่าต้องขับเจียงหว่านออกจากตระกูลเจียง นั่นก็ต้องรอหลังจากโครงการแล้วเสร็จก่อน

เจียงมู่หลงกัดฟันกรอด พูดว่า “คุณปู่ ในเมื่อตำแหน่งผู้นำบ้านตระกูลนี้ช้าเร็วก็จะต้องยกให้ผม แล้วคุณปู่ทำไมไม่ยกให้ผมเสียตอนนี้เลย?ผมจะได้พิสูจน์ให้คุณปู่เห็น ว่าแม้จะไม่มีเจียงหว่าน ผมก็สามารถจัดการโครงการเขตซีไห่ให้แล้วเสร็จได้!”

“ไม่ได้ คุณไม่มีความสามารถพอในงานนี้!ถ้าคุณมีความสามารถ ทำให้ได้รับการร่วมมือจากโครงการของมู่ซื่อ กรุ๊ปได้ ตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ก็เป็นของคุณนานแล้ว” ท่านเจียงสามพูดเสียงหนาวเหน็บ

ถึงแม้เขาจะลำเอียงรักในตัวเจียงมู่หลงอยู่ แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจ เจียงมู่หลงกับเจียงหว่าน คนหนึ่งเทียมฟ้า คนหนึ่งเพียงดิน

ได้ยินคุณปู่พูดมาแบบนี้ ในใจเจียงมู่หลง อารมณ์ฉุนเกิดขึ้นอย่างอดไม่ได้

เขาพูดด้วยสายตาแดงก่ำ “คุณปู่ หรือคุณปู่จะยอมทำตาปริบ ๆ มองมู่เซิ่งค่อย ๆ ตอดแย่งกินทรัพย์สินของบ้านตระกูลเจียงของเราไปทีละนิดเรื่อย ๆ ไปแบบนี้หรือ เจียงหว่านนั้นมันคนที่ไม่รู้จักบุญคุณชัด ๆ!”

“เรื่องนี้ผมจะจัดการเองได้ ส่วนตัวคุณในขณะนี้ ไม่มีคุณสมบัติพอในการรับตำแหน่งผู้นำตระกูลบ้านเลย ไม่อย่างนั้น ถ้าให้คุณเป็นผู้นำบ้าน ทรัพย์สมบัติตระกูลเจียงคงจะถูกคุณผลาญหมดอย่างรวดเร็ว!”

ท่านเจียงสามพูดเสียงเยือก “ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ผมยังไม่ตาย บ้านตระกูลเจียง ยังไม่ถึงคิวที่คุณจะมาออกเสียง!”

ยังไม่ถึงคิวผม?

ไอ้แก่นี่ ในเมื่อแกไม่ยอมให้ ผมก็จะลงมือแย่งเอาละ!

ออกจากวิลลาของท่านเจียงสาม ใจของเจียงมู่หลงได้ถูกความคิดฆ่าครอบงำเข้าไปเต็มแล้ว ในใจของเขา แผนการอันหนึ่งโพล่งขึ้นมาอย่างกดห้ามไม่อยู่ ในเมื่อต้องให้แกตายก่อนจึงปล่อยให้ผมนั่งตำแหน่งผู้นำบ้านตระกูลได้ งั้นคุณปู่ก็ไปตายได้แล้ว!

ตำแหน่งผู้นำบ้านตระกูล มีแต่ต้องเป็นของผมเท่านั้น!

ขณะนี้ คืนยังอยู่ที่ย่ำค่ำ เจียงหว่านกับมู่เซิ่งหัวร่อต่อกระซิกกันเดินออกมาจากร้านอาหาร

จากความช่วยเหลือของมู่เซิ่ง เจียงหว่านไม่เพียงแต่ได้รับเงินกู้ ยังได้เป็นการตบหน้ากลุ่มอิทธิพลเครือญาติอีกด้วย ที่ยิ่งกว่านั้น เจียงหว่านยังได้รับสถานะหุ้นของบริษัทของเจียงมู่หลงถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถึงอาจจะไม่ใช่มาก แต่ก็พอทำให้ต่อไปหากเจียงมู่หลงคิดจะเล่นงานเธอ ก็ต้องคิดหนักหน่อยละ

“มู่เซิ่ง นายร้ายกาจมากนะ”

เจียงหว่านดื่มเหล้ามา ใบหน้าแดงจัดจ้านหนักเอาการ เดินอยู่ข้าง ๆ มู่เซิ่ง แสงไฟส่องทางสาดใส่ร่างทั้งสอง ทอดเงายาวและยาว

“มู่เซิ่ง ให้ฉันขี่หลังหน่อย!”

เจียงหว่านเตะรองเท้าทิ้ง ล้มลงไปบนตัวของมู่เซิ่ง

มู่เซิ่งค่อย ๆ ประคองอย่างทะนุถนอม ท่าทีไม่มีทีท่าจะบ่นตัดพ้อ

“มู่เซิ่ง ทำไมนายไม่เคยคิดค้านต้านมั่งเลยนะ”

“ฉันจะให้นายทำอะไรเธอทำไมยินยอมให้หมดนะ?”

เจียงหว่านดื่มเหล้าเมาเอาการ นึกอะไรก็พูดออกมาหมด ยังเบียดแนบแผ่นหลังมู่เซิ่งบิด ขยับไม่ยอมนิ่ง สองเต้ากลมกลึงเนียนนุ่มช่วงอก รับสัมผัสจนมู่เซิ่งใจเต้นเป็นม้าคะนอง

มู่เซิ่งถึงกับหน้าแดง

ยัยเจียงหว่าน ถึงขนาดไม่ได้ใส่เสื้อใน!

“ฉันกำลังถามนายอยู่นะ!” เจียงหว่านใช้นิ้วเคาะกะโหลกอย่างไม่พอใจ

มู่เซิ่งทำเป็นใจลอยตอบไปว่า “ก็เพราะเธอเป็นเมียของฉันไง”

“ก็ในเมื่อฉันเป็นเมียของนาย แล้วทำไมกลางคืนไม่ยอมเข้าไปนอนด้วย?”

เจียงหว่านทำเสียงอุบอิบบ่นไปว่า “ฮึ เค้าว่ากันว่าผู้ชายประเภทที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้น ซื่อ ๆ ไม่ค่อยเข้าใจความคิดผญ. ไม่ค่อยเก็ทมุกตลก ชอบทำให้บทสนทนาเดดแอร์เลย!”

“ฉันก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว นายกลับไม่เห็นยอมจะรุกเอามั่งเลย”

“หรือนายจะต้องรอให้ฉันขี่คร่อมบนตัวนายถึงจะรู้ความหมายของฉันหรือไง?”

เจียงหว่านพูดเรื่อยไปไม่ยอมหยุด แต่ในขณะนั้นเอง มู่เซิ่งจู่ ๆ ก็หยุดก้าวขาในฉับพลัน

“นายหยุดทำไมอ่ะ?” เจียงหว่านถามไป เบื้องหน้าของมู่เซิ่ง ชายชุดดำสองคนยืนอยู่ เธอให้รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ขยับเสื้อให้กระชับแน่น

ค่ำมืดลมอู้ กระหน่ำกระแสหนาว

ในบรรยากาศ แม้โรยระรินกลิ่นเหล้า แต่สอดแทรกออกมาด้วยกลิ่นอายการฆ่าอย่างยากอธิบาย

“เจียงหว่าน ฉันมีธุระแถวนี้หน่อย”

มู่เซิ่งสีหน้าขรึมเครียด บรรจงวางเจียงหว่านลงกับพื้น พูดเสียงนุ่มเนียน

“เดี๋ยวเธอหันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปเลยนะ อย่าหันกลับมามองเด็ดขาด!”