ตอนที่ 77

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับหยวนเอ๋อไป เขาเพียงแต่โบกมือให้เท่านั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องเพียงคนเดียว คนอื่นๆ ที่มากับเขาได้แต่รออยู่ด้านนอกไม่กล้าที่จะเดินตามไป

เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหลายได้แต่คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูด้วยความกังเวล

ด้วนมู่เฉิง, ฝางซง, และโจวจี้เฟิง ทุกคนเองเดินทางมาเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ด้วนมู่เฉิงได้ลากโซ่ที่ล่ามตัวเขาในขณะที่เดินมาด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะถูกโซ่ล่ามเอาไว้แต่ความเร็วของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าบาดแผลของด้วนมู่เฉิงจะหายเกือบสนิทแล้ว ด้วนมู่เฉิงที่มาถึงได้ถามถึงสถานการณ์ในทันที “ศิษย์น้องหญิงเป็นยังไง? “

หมิงซี่หยินส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างกังวล “ดูเหมือนว่าเธอจะดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่”

ด้วนมู่เฉิงที่ได้ยินแบบนั้นได้ขมวดคิ้วและถามออกไปอีกครั้ง “ศิษย์น้องสี่ เกิดอะไรขึ้นกัน? ” ด้วนมู่เฉิงอยากที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับลู่โจวและยี่เทียนซินกันแน่

ทันทีที่ด้วนมู่เฉิงพูดจบ ทุกๆ คนก็หันไปมองที่หมิงซี่หยิน

หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ที่ข้ารู้ก็คือศิษย์น้องหญิงถูกจับกลับมาจากตรงแม่น้ำทางตอนใต้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็อยู่บนหุบเขามาโดยตลอด” ลู่โจวไม่อยากที่จะเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์ของเขามากนัก หมิงซี่หยินรู้ดีว่าถ้าหากพูดมากเกินไปอาจจะทำให้เขาต้องถูกลงโทษได้

ฝางซงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดเสริมขึ้น “ที่แม่น้ำทางตอนใต้ของยุทธภพ…ที่นั่นเป็นอาณาเขตของสำนักหยุน สำนักเทียน และสำนักลั่ว”

เมื่อพูดถึงทั้งสามสำนัก ในตอนนั้นเองบรรยากาศตึงเครียดก็ได้เข้าปกคลุมสถานการณ์ที่คลุมเครือ

แต่หยวนเอ๋อที่ยังเป็นเด็กไม่ทันได้สังเกตบรรยากาศที่แปลกไป เธอได้พูดออกมาอย่างสับสน “ศิษย์พี่สี่ แล้วมันเกี่ยวกับศิษย์พี่หญิงยังไงกัน ข้าไม่เข้าใจเลย…”

หมิงซี่หยินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบเสงี่ยม “ดินแดนทางใต้ทั้งหมดน่ะเป็นขององค์ราชา เมื่อหลายปีก่อนมีชนเผ่าอื่นๆ อาศัยอยู่กับแม่น้ำแห่งสวรรค์สายนั้น ชนเผ่าพวกนั้นได้ต่อสู้กับเหล่าชาวยุทธมาโดยตลอดจนท่านอาจารย์ได้พาศิษย์น้องหญิงกลับมาจาก ในตอนนั้นเองหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ก็ได้หายสาบสูญไป”

ด้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็หมายความว่าท่านอาจารย์…”

หมิงซี่หยินเริ่มพูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ชู่วว! “

ทันทีที่หมิงซี่หยินพยายามที่จะปิดปากด้วนมู่เฉิง ในตอนนั้นเสียงก็ได้ดังขึ้นมาจากภายในห้อง “เจ้าน่ะพูดพอรึยัง? “

ด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ‘พวกเราต้องตายแน่’

“ตบหน้าตัวเอง 30 ครั้งและไปไตร่ตรองความผิดของตัวเองในถ้ำแห่งเงาสาท้อนสามวันซะ” ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ฟังดูหนักแน่นและเบาบางจนเกินไป

ด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่หลั่งน้ำตาออกมา

หมิงซี่หยินได้แต่มองไปยังด้วนมู่เฉิง

คนอื่นๆ ที่อยู่ในตอนนี้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา พวกเขาทั้งหลายไม่แม้แต่จะส่งเสียงหายใจออกมาดังๆ

ด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความผิด “พวกเราขอรับการลงโทษแต่โดยดี”

โจวจี้เฟิงและฝางซงที่เคยรู้สึกภาคภูมิใจและโอ้อวดตัวเองมาโดยตลอดแต่เมื่อมาอยู่ในหุบเขาทองแห่งนี้พวกเขาทั้งสองก็ไม่สามารถทำแบบเดิมได้อีกต่อไป พวกเขาทั้งสองทำได้เพียงอ่อนน้อมถ่อมตนให้ได้มากที่สุด การยื่นจมูกเข้าไปยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมันคงจะมีผลที่ไม่ดีตามมาอย่างแน่นอน

ภายในห้องพักแห่งหนึ่ง

ยี่เทียนซินได้ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนมาได้ และเพราะว่าเธอไม่สามารถใช้วรยุทธได้ทำให้ตัวเธอเองไม่สามารถรักษาบาดแผลที่ตัวเองมี แต่ถึงแบบนั้นเธอก็สามารถอดทนจนมาถึงตอนนี้ได้ ยี่เทียนซินได้ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอพบว่าที่ที่เธออยู่ดูสว่างแปลกไป ทันทีที่เธอสังเกตเห็นลู่โจวเธอก็รีบหดตัวของตัวเองถอยกลับไปในทันที

เมื่อเห็นแบบนี้ลู่โจวก็ถึงกับพูดไม่ออก ในบรรดาศิษย์ทั้งเก้าคนมีเพียงหยวนเอ๋อศิษย์คนสุดท้องเท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกกลัวตัวเขา

“ทะ…ท่านอาจารย์? ” ยี่เทียนซินร้องออกมาอย่างแตกตื่น เธอไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นเท่าไหร่ เธอไม่คิดว่าอาจารย์ของเธอคนนี้จะพาเธอมาส่งในห้องพักแบบนี้ได้

สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังดูเย็นชาเช่นเดิม เขาที่ได้ยินเสียงยี่เทียนซินได้พูดขึ้นอย่างไร้เยื่อใย “ข้าไม่มีศิษย์แบบเจ้า”

ที่ยี่เทียนซินพูดแบบนั้นกับลู่โจวออกไปเป็นเพราะสัญชาตญาณ หลังจากที่เธอได้ยินลู่โจวพูดแบบนั้นแล้วเธอก็รู้ตัวแล้วว่าเธอได้พูดผิดไป “ข้าน่ะสมควรแล้วที่จะอยู่ในสภาพแบบนี้”

“ใช่ เจ้าน่ะสมควรแล้ว” ลู่โจวตอบกลับ

“…”

ยี่เทียนซินถึงกับพูดไม่ออก เธอไม่รู้เลยว่าจะโต้ตอบรับมือกับลู่โจวยังไง เธอไม่กล้าที่จะใช้ภาษาที่หยาบคายกับอาจารย์คนนี้ เธอกลัวว่าเธอจะลากเหล่าลูกน้องทั้งหลายที่มาจากวังจันทรามาซวยเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำ

ในห้องนั้นเองได้เงียบไปชั่วขณะ

เมื่อยี่เทียนซินพยายามทบทวนความคิด เธอก็จำสิ่งที่หมิงซี่หยินศิษย์พี่ของเธอได้พูดเอาไว้ภายในถ้ำได้ และเพราะแบบนั้นเธอที่มีเรื่องเคลือบแคลงใจก็ได้ถามขึ้น “ท่านน่ะกวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ทั้งหมดไป แล้วทำไมท่านถึงไม่ฆ่าข้าไปด้วย? ” น้ำเสียงของยี่เทียนซินสั่นเครือไปด้วยความโกรธ

ลู่โจวรู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินแบบนั้น ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนั้นเลย ในตอนที่ลู่โจวได้ฟังน้ำเสียงยี่เทียนซิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังใส่อารมณ์มามากแค่ไหน นอกเหนือจากนั้นเองความเกลียดชังที่เธอมีก็ได้เพิ่มขึ้นมาจาก 40% เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอคงจะรู้สึกเกลียดชังที่ครั้งหนึ่งลู่โจวเป็นคนทำลายหมู่บ้านของเธอไป ลู่โจวเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าเพราะอะไรจีเทียนเด๋าถึงทำแบบนั้น ตัวเขาอยู่ในเบื้องหลังไหม แต่จากความทรงจำอื่นๆ ที่ลู่โจวมี จีเทียนเด๋าไม่ใช่คนที่จะเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงปรมาจารย์มหาวายร้ายแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่เคยคิดที่จะใช้ความรุนแรงแบบนั้น เขามักจะใช้ความโหดร้ายและความเข้มงวดไปกับการสั่งสอนลูกศิษย์เท่านั้น

ลู่โจวถอนหายใจออกมา ภาพความทรงจำที่ขาดไปของตัวเขาได้สร้างปัญหาขึ้น ‘ทำไมฉันถึงจำไม่ได้กัน? นี่เป็นผลของการย้ายร่างอย่างงั้นหรอ? ‘ ลู่โจวคิดไปก็ไม่ได้คำตอบอะไร ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เอ่ยปากถามยี่เทียนซินออกไป “เจ้าเห็นข้าทำลายหมู่บ้านอย่างงั้นหรอ? “

ยี่เทียนซินตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอถึงกับทำตัวไม่ถูก “ไม่เห็นแต่ก็เหมือนเห็นนั่นแหละ”

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ส่ายหัวก่อนจะพูดออกมา “พวกเจ้าทั้งเก้าน่าจะเป็นคนที่รู้จักตัวข้าดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรอ ข้าน่ะเคยมีความลับกับพวกเจ้าด้วยหรือไงกัน? “

ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก

แน่นอนว่าจีเทียนเด๋าครั้งหนึ่งเคยเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายเหมือนกับที่ทุกคนรู้จัก เป็นชายที่ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของบัญชีดำเหมือนกับที่ทุกคนรู้ เขาที่เป็นถึงแบบนั้นจะไปปกปิดซ่อนการกระทำอะไรเอาไว้ได้กัน?

“ยี่เทียนซิน” ลู่โจวได้ส่งเสียงเรียกออกมาเบาๆ เมื่อยี่เทียนซินได้ยินแบบนั้นร่างกายของเธอก็สั่นไปทั้งตัว “ถ้าหากเจ้าคิดแบบนั้นก็ตามใจเจ้า…” ลู่โจวไม่ได้พูดจนจบ เขาได้ปล่อยให้ยี่เทียนซินจินตนาการถึงคำพูดต่อไปอย่างลำพัง

ความหมายของสิ่งที่ลู่โจวพูดออกมานั้นชัดเจน เขาไม่ใช่จีเทียนเด๋าคนเดิม คนที่โลกรู้จักอีกต่อไป แม้ว่าตัวเขาจะเป็นคนใจเย็นมากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็จะไม่ยอมให้ใครก็แล้วแต่มาใส่ร้ายตัวเขาได้

“ติ้ง! สั่งสอนยี่เทียนซินสำเร็จ ได้รับแต้มบุญ 100”

ลู่โจวได้สะบัดแขนเสื้อขึ้นก่อนที่จะเดินหันหลังและจากยี่เทียนซินไป ตัวเขาที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของยี่เทียนซินไม่ได้กดดันเธอในเรื่องนี้

ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ตกตะลึง ในตอนนั้นเองเธอได้ยินเสียงของเหล่าสาวกชาวยุทธหญิงที่มาจากวังจันทราถอนหายใจกันอย่างโล่งอก

โชคดีที่ลู่โจวไม่ได้คิดที่จะทำอะไรพวกเธอ เขาที่ออกจากห้องพักไปได้กลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าในทันที

หยวนเอ๋อเองที่เดินตามมาโดยตลอดก็ได้แต่สั่นไปทั้งตัว เธอไม่กล้าที่แม้แต่จะพูดอะไรออกไป แต่หลังจากที่เธอกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง เธอก็รีบนำน้ำชารินใส่แก้วก่อนที่จะมอบให้กับลู่โจว “ท่านอาจารย์อย่าได้โกรธไปเลยนะคะ ถ้าหากพวกเราไม่มีทางเลือกจริงๆ ศิษย์จะเป็นคนลงโทษคนทรยศคนนั้นเอง”

ลู่โจวไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร ตรงกันข้ามกันเขากับสงบเช่นเคย ตัวเขาในตอนนี้รู้สึกร่าเริงด้วยซ้ำไป อย่างน้อยๆ ตัวเขาก็พอจะรู้ข้อมูลบางอย่างมา “หยวนเอ๋อส่งคำพูดข้าให้กับเจียงอาเฉียนที”

หยวนเอ๋อที่ได้ยินได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “ศิษย์จะเป็นคนเขียนเองค่ะ”

“บอกให้เขาสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ บอกเจ้านั่นให้ทำงานให้เร็วที่สุด” ลู่โจวพูดก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องลับของศาลาปีศาจลอยฟ้า

ในตอนแรกลู่โจววางแผนที่จะอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ของเขาต่อไป แต่ถึงแบบนั้นเมื่อตัวเขานึกถึงวรยุทธระดับมหาราชครูที่สามารถทะลวงเส้นพลังลมปราณทั้งแปดได้ตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงความย้อนแย้งอะไรบางอย่าง เขาไม่คิดว่าด้วยพลังร่างอวตารที่เขามีในตอนนี้จะทำให้วรยุทธของเขาไปถึงขั้นนั้นได้ ลู่โจวคิดว่าคงจะดีกว่านี้ถ้าหากเขาสามารถซื้อพลังร่างอวตารขั้นถัดไปได้ ถ้าหากทำแบบนั้นพลังวรยุทธที่เคยมีก็จะสามารถกู้คืนกลับมา ตัวเขาเองจะมีวรยุทธที่แข็งแกร่งไปด้วย เหล่าผู้ฝึกยุทธมากมายในโลกของยุทธภพต่างก็พยายามฝึกฝนตัวเองเพื่อให้ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดที่ตัวเองเจอ แต่ผู้คนส่วนมากไม่สามารถทำได้ ลู่โจวเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำลายขีดจำกัดลงอย่างง่ายดายโดยการใช้แต้มบุญ

แต่ถึงวิธีการที่เป็นเหมือนทางลัดจะง่ายแสนง่ายแต่ในตอนนี้ตัวเขาก็มีแต้มบุญไม่เพียงพออยู่ดี

“แต้มบุญ 210 แต้ม”

‘แต้มบุญแค่นี้ฉันจะเอาไปทำอะไรได้กัน? ‘

“จับฉลากนำโชค”

“ติ้ง! คุณได้ใช้ 50 แต้มบุญ คุณได้รับผนึกกักขังx3”

“ผนึกกักขัง: มีโอกาส 30% ที่จะสามารถตรึงร่างของเป้าหมายเอาไว้ได้”

ลู่โจวถึงกับตาสว่างขึ้นทันที ดูเหมือนว่าวันนี้ระบบนี่จะเข้าข้างตัวเขาเข้าสักที ในที่สุดตัวเขาก็โชคดี

“จับฉลากนำโชค”

“ติ้ง! คุณได้ใช้ 50 แต้มบุญ คุณได้รับค่าความโชคดี 1 แต้ม”

อย่างที่คิดไว้ ความรู้สึกแย่ๆ ได้กลับเข้ามาหาลู่โจวอีกครั้ง

ลู่โจวยังคงไม่ยอมแพ้แค่นั้น ตัวเขาได้จับฉลากนำโชคติดต่อกันถึง 3 ครั้ง ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาได้ก็มีเพียงรางวัลปลอบใจเท่านั้น ในตอนนี้ตัวเขาเหลือแต้มบุญ 10 แต้มกับค่าความโชคดีเพียง 3 แต้มเท่านั้น ‘พอกันที ฉันไม่เหลืออะไรแล้วสินะ’

ลุ่โจวหันไปดูผนึกกักขังที่เขาเพิ่งจะได้รับมา “มีโอกาส 30% อย่างงั้นหรอ มันไม่ต่ำไปหน่อยหรอยังไงกัน? ” ลู่โจวในตอนนี้กำลังจินตนาการถึงภาพอันน่าอับอาย ภาพที่ปรมาจารย์มหาวายร้ายชื่อดังของโลกที่ใครๆ ต่างก็เกรงกลัวได้จับเป้าหมายพลาดไป ภาพแบบนั้นคงมีแต่จะทำให้ตัวเขาขายหน้าจริงๆ