ห้ะ?!?!?!?!?!?!

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

พวกเขาหันไปหาต้นตอของเสียงนั้นและเห็นเด็กหนุ่มยืนอยู่นอกหน้าต่างห้องดูราวกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ชั้นล่าง

“เธอ?”

สีหน้าของปรมาจารย์เจียงดูไม่พอใจ “นี่เธอไม่มั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของฉันหรือเปล่า”

เขาได้ข้อสรุปของเขาแล้ว คำพูดของเหย่หลิงเฉินกำลังดูถูกเขาอยู่

“คุณคิดว่าไงครับคุณหลิง คุณแค่บอกมาว่าผมควรรักษาเขาไหม” เหย่หลิงเฉินเพิกเฉยต่อปรมาจารย์เจียงและยังคงถามต่อไป

ครอบครัวหลิงเงียบงัน ในใจของพวกเขาพวกเขาหวังว่าเหย่หลิงเฉินไม่ได้ล้อเล่น แต่เหตุผลของพวกเขาบอกว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้แน่ในทางปฏิบัติ

ปรมาจารย์เจียงเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ หากอาการป่วยไม่ได้อยู่ในระยะสุดท้ายเขาจะไม่กล่าวถึงชีวิตที่เหลืออยู่ของคนอื่นแน่

ต่อหน้าคนพวกนี้ เขาก็ยังดูเป็นเด็กอยู่ จะไปรู้เรื่องอะไรกัน

“อะไรกัน!”

ปรมาจารย์เจียงยิ้มแม้จะโกรธอยู่ “ระบบทางเดินหายใจของปู่หลิงมีรูปร่างแย่กว่าผู้ป่วยบางรายที่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายอีก เธอจะทำอย่างไรล่ะ”

“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดในโลกนี้คือคนที่แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และหลอกใช้ประโยชน์จากมัน!”

เหย่หลิงเฉินส่ายหัวถอนหายใจเบา ๆ “ถ้าคุณเป็นแพทย์แผนจีน ผมอาจจะให้คำแนะนำแก่เธอได้ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คุณเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนตะวันตกและลืมรากเหง้าของตนเองไปแล้ว ถ้าสลับตำแหน่งของเรา คุณยังจะสามารถเข้าใจทักษะทางการแพทย์ของผมหรือไม่”

“นี่เธอ กล้าสอนฉันเหรอ?!” ปรมาจารย์เจียงชี้ไปที่เหย่หลิงเฉิน ร่างกายของเขาสั่นคลอนด้วยความโกรธใบหน้าของเขาแดงก่ำ “คนโกหก! ไม่รู้จักอายบ้างเลยหรือยังไงกัน?!”

ทุกคนมองหน้ากันตกใจกับคำกล่าวอ้างที่ชัดเจนของเหย่หลิงเฉิน

หากพวกเขาไม่ได้เห็นมันด้วยตัวเองพวกเขาก็คงไม่เชื่อ เด็กที่แทบจะไม่ไว้หนวดเคราจะกล้าดูถูกปรมาจารย์เจียงเช่นนี้

“โอเค ถ้าคุณหลิงไม่เชื่อผม งั้นผมขอตัวครับ” เหย่หลิงเฉินโบกมือและเดินออกไป

เขาได้เรียนรู้หมัด 8 ปรมัตถ์สุดยอดจากความใจดีของหลิงเทียนหัวและหลิงกู่ซื่อ เหย่หลินเฉินไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใครและนั่นคือเหตุผลที่เขามาเพื่อรักษาชายชรา

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาถูกห้ามทุกวิถีทาง เขาจึงไม่สนใจอีก

“เดี๋ยวก่อน!” หลิงกู่ซื่อเดินไปขวางเหย่หลิงเฉิน พลางปาดน้ำตาตัวเอง “ฉันเชื่อเธอ! ฉันเห็นด้วย! ได้โปรดช่วยคุณปู่ของฉันด้วยเถิด!”

เหย่หลิงเฉินมองไปที่คนอื่น ๆ ในตระกูลหลิงและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครต่อต้านเขา เขาจึงไปนั่งอยู่ที่เตียงของชายชรา

เขาพูดอย่างชัดเจน “นำเข็มเงินแปดเล่มและเตาเผามาด้วย”

“หึ! ฉันล่ะอยากเห็นว่าเธอมีความสามารถอะไรบ้างเหมือนกัน!” ปรมาจารย์เจียงตกใจและยืนอยู่ด้านหนึ่ง

เข็มเงินแปดเล่มและเตาเผาถูกนำมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เตาทำให้อุณหภูมิของห้องอุ่นขึ้น แสงสีแดงของเปลวไฟสะท้อนบนใบหน้าของทุกคนทำให้ใบหน้าของพวกเขาแดงเช่นกัน

ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินเต็มไปด้วยความตั้งใจขณะที่เขาเปิดเสื้อของหลิงเทียนหัวตรงบริเวณหน้าอก

ร่างกายของเขาถูกเปิดเผยผิวหนังรอบ ๆ บริเวณหน้าอกของหลิงเทียนหัวเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทและเนื้อเยื่อรอบ ๆ ก็แสดงอาการเปลี่ยนเป็นสีดำ

“ฉันได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้อวัยวะภายในของปู่หลิงเริ่มถดถอยลงแล้วและการตายของเซลล์ได้ซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อทั้งหมดของเขาจนหมดแล้ว สภาพไม่สามารถย้อนกลับได้” เมื่อเห็นสภาพของผู้ป่วยปรมาจารย์เจียงได้ทำการวินิจฉัยของเขาเอง

เหย่หลิงเฉินไม่สนใจเขา เขาหยิบเข็มเงินและวางลงในเตา

เขารอจนกระทั่งเข็มเริ่มเรืองแสงจากเปลวไฟก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นและนำเข็มลงมา!

เข็มแรกเจาะเข้ากลางปอด!

อีกเจ็ดเข็มถูกวางไว้ในเตาและได้รับความร้อนเช่นเดียวกันจนพวกมันเรืองแสง

เหย่หลิงเฉินดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นความร้อนของเข็ม แต่ใบหน้าของเขายังคงสงบขณะที่เขาเจาะเข็มหลังจากเข็มเป็นวงกลมรอบเข็มแรก!

เข็มทั้งแปดถูกจัดเรียงในลักษณะเฉพาะล้อมรอบปอด

“นั่นมันอะไรกัน เธอก็แค่อวดดี!” ปรมาจารย์เจียงมองอย่างไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยิ้มอย่างเย็นชา

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาการแสดงออกทางสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นหนึ่งในความสงสัยที่อยากรู้อยากเห็น

เข็มเงินแปดเล่มกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็วและภายในหนึ่งนาทีก็กลับหลายเป็นดำสนิท

“เอาเอทานอลมาด้วย!”

ขวดเอทานอลถูกวางไว้ตรงหน้าเหย่หลิงเฉินอย่างรวดเร็ว

เอทานอลหยดลงบนเข็ม และด้วยการสะบัดข้อมือของเหย่หลิงเฉินอย่างรวดเร็วเปลวไฟจากเตาก็ลุกขึ้นที่เข็มด้วยเอทานอล

เปลวไฟลอยอยู่ด้านบนของเข็มเงินสีฟ้าที่ลุกโชนชวนฝันและเป็นปริศนา

เปลวไฟสีน้ำเงินอยู่ด้านบนเข็มดำตรงกลางและด้านล่างเป็นเนื้อของชายชรา

ฉากนั้นสะเทือนใจมาก ทุกคนต่างเงียบสงัด

ดูเหมือนเปลวไฟจะดูดเอทานอลออกไป แต่ก็ดูเหมือนจะเผาไหม้ความดำของเข็มด้วยเช่นกัน

“คุณปู่กำลังเหงื่อออก”

เสียงของหลิงกู่ซื่อสั่นและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ จากความตื่นเต้นส่วนหนึ่งและความคาดหวังส่วนหนึ่ง

“การหายใจของเขาก็เริ่มคงที่เช่นกัน!” หลิงอ่าวกล่าวด้วยความดีใจและประหลาดใจ

หลังจากผ่านไป 5 นาทีใบหน้าของหลิงเทียนหัวก็เต็มไปด้วยเหงื่อและเหย่หลิงเฉินก็เอาเข็มออก

ในขณะนั้นดวงตาของหลิงเทียนหัวก็วูบไหว และเขาก็ฟื้นขึ้น!

“คุณปู่…!!”

“พ่อ…!!“

ตระกูลหลิงทั้งหมดอุทานด้วยความตกใจ

“ปาฏิหาริย์ นี่มันปาฏิหาริย์!” ปรมาจารย์เจียงตกตะลึง น้ำเสียงเขาปนไปด้วยความไม่น่าเชื่อ

“อาา… เด็กหนุ่มของฉัน เราพบกันอีกแล้ว”

หลิงเทียนหัวมองไปที่เหย่หลิงเฉินและยิ้มขณะที่เขาพูด

“ปู่หลิง คุณหิวไหมครับ” เหย่หลิงเฉินถาม

“ ฮ่า ๆ ฉันเป็นคนตะกละนิดหน่อย” หลิงเทียนหัวกล่าว

“เร็วเข้า เอาอาหารมาที่นี่ เร็ว!!” หลิงชางเหอออกคำสั่งทันที

จากนั้นเขาก็มองไปที่เหย่หลิงเฉิน “ เธอ…ปรมาจารย์เหย่…”

“ปู่หลิงเคยได้รับบาดเจ็บที่ปอดมาก่อนหรือไม่ครับ” เหย่หลิงเฉินถาม

“ใช่ ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กฉันทะเลาะกันกับเพื่อนและได้รับบาดเจ็บ” หลิงเทียนหัวกล่าวอย่างขมขื่น

“มีพิษในแผล” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า “ร่างกายของปู่หลิงนั้นยอดเยี่ยมมากซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอดทนได้นานขนาดนี้”

เขาลุกขึ้นเมื่อเขาพูดจบ

“ฉันจะมาเพื่อรักษาปู่หลิงสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หลังจากรักษาผ่านไปห้ารอบสารพิษน่าจะถูกกำจัดออกไปเกือบหมดแล้ว”

“ปรมาจารย์เหย่ ทักษะทางการแพทย์ของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก ครอบครัวหลิงรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความเมตตานี้” หลิงชางเหอกล่าวทันทีด้วยเสียงของเขาที่ชัดเจน

“ตราบใดที่คุณหลิงไม่ลืมสิ่งที่สัญญากับฉันไว้” เหย่หลิงเฉินยิ้มให้หลิงชางเหอ

“สัญญาอะไรกัน..?”

หลิงชางเหอตบหัวตัวเอง “แน่นอน! สิบล้านหยวนยังน้อยเกินไป ฉันจะเพิ่มให้เป็นสองเท่าและต่อไปปรมาจารย์เหย่จะเป็นแขกที่มีเกียรติที่สุดของตระกูลหลิง!”

หลิงเทียนหัวเป็นบุคคลสำคัญในเมืองหลวง วิสัยทัศน์ของเขาได้สร้างครอบครัวหลิงให้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเขาจะจากโลกนี้ไปตำแหน่งของตระกูลหลินจะตกต่ำลงอย่างมาก

อย่าพูดถึงเงินยี่สิบล้านหยวนเลย แม้ว่าจะเป็นร้อยล้านหยวนหลินชานเหอก็ไม่กล้าปฏิเสธ

นอกจากนี้เหย่หลิงเฉินยังมีทักษะในการปรุงยาสูงเช่นนี้เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตคน โดยพื้นฐานแล้วไม่มีคำว่าเงินมากเกินไป!

“ปรมาจารย์เหย่ การมีทักษะด้านการแพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อยช่างน่าทึ่ง น่าทึ่งจริง ๆ” ตระกูลหลิงและคนรอบข้างได้เปลี่ยนวิธีการพูดกับเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือและพูดด้วยความชื่นชมยินดี

“นี่คือนามบัตรของฉัน หากปรมาจารย์เหย่ต้องการสิ่งใดก็บอกได้ ฉันเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองหลวงแห่งนี้”

“ผมไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวด ดังนั้นผมหวังว่าทุกคนที่นี่จะไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผมให้คนอื่นได้รับรู้” เหย่หลิงเฉินกล่าว

“ไม่ต้องกังวลครับปรมาจารย์เหย่”

“ผมจะกลับมาในอีก 5 วัน ลาก่อน”

เมื่อจบประโยคเหย่หลิงเฉินก็หันหลังและจากไป

“ปรมาจารย์ ท่านโปรดรอสักครู่”

เขาเพิ่งออกจากทางเข้าตระกูลหลิน แต่ปรมาจารย์เจียงจับตัวเขาได้แล้ว

แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่ฝีเท้าของเขาก็รวดเร็ว เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

“ปรมาจารย์ ฉันตาบอดเอง ฉันมองท่านผิดไป โปรดอภัยให้ฉันด้วย” ปรมาจารย์เจียงกล่าว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด

“ไม่เป็นไร” เหย่หลิงเฉินกล่าว

“ปรมาจารย์เหย่ สิ่งที่คุณใช้เมื่อสักครู่นั้นคือการฝังเข็มจากการแพทย์แผนจีนใช่ไหม”

“ถูกต้อง!”

เหย่หลิงเฉินพยักหน้า “นั่นคือแปดเข็มแห่งเทพเจ้าแห่งความตาย”

แปะเข็มแห่งเทพเจ้าแห่งความตาย หมายถึงวิธีการขโมยชีวิตคืนจากเทพเจ้าแห่งความตาย

“ ฉนไม่เคยคิดว่าการแพทย์แผนจีนจะก้าวไปถึงระดับนี้ได้ เกือบจะเป็นเรื่องตลกที่ฉันยังคงเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการแพทย์อื่น ๆ และตาบอดกับความจริงที่ว่าความรู้ทางการแพทย์ระดับสูงสุดอยู่ในขอบเขตของเราเอง ช่างน่าเศร้าและน่าอับอาย!” ปรมาจารย์เจียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

“วัฒนธรรมจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปีและการแพทย์ของเราก็มีมาตั้งแต่สมัยนั้นเช่นกัน ความรู้ของประเทศอื่น ๆ ที่มีเพียงไม่กี่ร้อยปีจะมาเปรียบเทียบได้อย่างไร” เหย่หลิงเฉินกล่าวก่อนที่จะถอนหายใจ “เป็นเรื่องน่าเสียดายที่แพทย์แผนจีนกำลังตกลงข้างทางอย่างช้า ๆ และยังถูกมองอย่างดูถูกด้วย”

ผลของการแพทย์แผนจีนช้าและความยากในการเรียนรู้นั้นค่อนข้างมาก สิ่งนี้ทำให้การแพทย์แผนจีนได้รับการยอมรับจากสังคมน้อยลงเรื่อย ๆ

ที่สำคัญไปกว่านั้นพวกนักต้มตุ๋นหลายคนจะใช้การแพทย์แผนจีนเพื่อโกงผู้อื่นและสิ่งนี้ทำให้การแพทย์แผนจีนถูกมองด้วยภาพลบ นั่นเป็นการดูถูกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

“คนรุ่นของฉันไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบของเราที่มีต่อสถานะการแพทย์แผนจีนอยู่ในขณะนี้” ปรมาจารย์เจียงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศก เขาคิดย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนเมื่อเขาเป็นคนมีอุดมการณ์และหลงใหล เขาต้องการเรียนรู้การแพทย์แผนจีน แต่ถูกผลักดันให้เข้าสู่มุมของการติดตามการแพทย์แผนตะวันตกโดยความเป็นจริงอันโหดร้ายของชีวิต

“ท่านอาจารย์ ท่านยินดีรับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวงหรือไม่? เมื่อคุณว่างคุณสามารถสอนแพทย์แผนจีนรุ่นต่อ ๆ ไปและขยายความรู้ทางการแพทย์ในรุ่นของฉันได้!”

ปรมาจารย์เจียงมองไปที่เย่หลิงเฉินด้วยความหวัง

เหย่หลิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ปัจจุบันเขาเป็นเพียงนักเรียนคนหนึ่งและไม่ได้เตรียมที่จะใช้เวลามากขนาดนี้

เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ “ในปัจจุบันผมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น”

“เป็นฉันเองที่รีบร้อนมากเกินไป” ปรมาจารย์เจียงกล่าวพลางถอนหายใจด้วยความผิดหวัง “นี่คือนามบัตรของฉันปรมาจารย์เหย่ เรายินดีต้อนรับคุณทุกเมื่อที่มาโรงพยาบาลของฉัน!”

“ปรมาจารย์เจียงคุณไม่ต้องการออกจากประเทศเพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนอีกต่อไปแล้วหรือ?” เหย่หลิงเฉินถาม

“ไม่ล่ะ!” ปรมาจารย์เจียงหัวเราะ “ฉันจะไม่ไล่ตามสิ่งที่ไร้จุดหมายอีกต่อไป”

วันนั้นเหย่หลิงเฉินไม่จำเป็นต้องอยู่ที่กองถ่าย ดังนั้นเขาจึงหยุดพักผ่อนทั้งวัน

ในช่วงบ่ายตระกูลหลิงได้โอนเงินยี่สิบล้านหยวนไปยังบัญชีของเขา พวกเขาไม่กล้าที่จะล่าช้าแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นจำนวนศูนย์ที่อยู่ในยอดคงเหลือในบัญชีธนาคารของเขา เหย่หลิงเฉินก็รู้สึกแปลก ๆ

เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบเดียวกับที่เขาเคยเกลียดมากที่สุด … พวกคนรวย

วันรุ่งขึ้นเขากลับไปยังกองถ่ายอีกครั้ง

“เราจะไปป่ากันใช่ไหม?”

เหย่หลิงเฉินถามเสี่ยวเฟยเฟยอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ ใช่ เรากำลังจะไปที่ป่า พูดให้ถูกต้องก็คือ เรากำลังจะไปที่เขตอนุรักษ์เสินหนงเจี้ย!”

*เขตอนุรักษ์เสินหนงเจี้ยเป็นพื้นที่รอยต่อของยอดเขาสูงตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กับ แนวเนินเขาตอนกลาง กินพื้นที่ส่วนมากอยู่ในเขาต้าปา มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งพืชพรรณและสัตว์ป่า

เสี่ยวเฟยเฟยดูตื่นเต้น “ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เป็นป่ายุคก่อนประวัติศาสตร์แห่งเดียวของโลก ฉันไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย ดังนั้นนี่จะเป็นเหมือนวันหยุดสำหรับฉันเลยล่ะ!”

“แล้ว.. เราไปที่นั่นทำไม” เหย่หลิงเฉินถามอย่างสงสัย

“เรากำลังถ่ายทำละครเรื่อง Wu Xia หลาย ๆ ฉากในเรื่องจะต้องถ่ายทำในป่า ป่าดึกดำบรรพ์ดูเหมือนจะเหมาะสมที่สุดสำหรับฉากนี้ แต่ว่านะ เธอจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยในเร็ว ๆ นี้แล้วไม่ใช่หรือ? เราจำเป็นต้องใช้เวลาของเธอให้เกิดประโยชน์สูงสุดและถ่ายทำทุกส่วนของเธอก่อนที่เธอจะกลับไปเรียน”

เหย่หลิงเฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาจะไม่ประท้วงวันหยุดฟรีนี้แน่

ครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยและเขามีโอกาสน้อยมากที่จะออกจากเมืองและไปเที่ยวในช่วงวันหยุด เขาค่อนข้างสนใจเขตอนุรักษ์เสินหนงเจี้ย ไม่ว่าในกรณีใด…มันเป็นการดีที่จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติล่ะ!

“ในเมื่อเธอไม่ขัดข้องใด ๆ งั้นเราจะออกเดินทางกันในวันนี้นะ”

“..ทำไมเร็วจัง”

“แน่นอน เราจะอยู่ที่นั่น 3 วัน จัดกระเป๋าและเตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”

เสี่ยวเฟยเฟยพูดด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวที่มีชีวิตชีวาคนนี้แทบรอไม่ไหวที่จะไปที่นั่น!