บทที่ 93 รักและการพลัดพราก

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 93 รักและการพลัดพราก

หลังจากเดินผ่านหมอกกับเส้นทางอันคับแคบ ถังรั่วเวยและหลีจิ่นเหยาก็พบว่าได้กลับมายังผาสูงชันก่อนหน้านี้

หญิงสาวทั้งสองไม่มีความสามารถเหมือนไป๋ชิวหรานในการเดินลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเรียกกระบี่บินออกมาแล้วขี่ลงไปด้านล่าง

ในตอนนี้ ทั้งสองผ่านบททดสอบแล้ว สถานที่ซึ่งยืนอยู่จึงแตกต่างไปเล็กน้อย มันปกคลุมไปด้วยเมฆและหมอกมองเห็นได้แค่เชิงเขาเท่านั้น

หลี่จินเหยามองขึ้นลงและเอ่ยถาม

“น้องรั่วเวย เจ้าคิดว่ายอดเขาสูงขึ้นไปสักเท่าไหร่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังรั่วเวยเงยหน้ามองยอดเขาแล้วใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาในการสำรวจจากการทำแผนที่ นางสามารถวัดระยะได้อย่างรวดเร็ว

“ระยะทางประมาณสามร้อยห้าสิบจั้ง”

“ใช่แน่นอน”

หลีจิ่นเหยามองครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว

“ในมุมมองของข้า คิดว่าน่าจะประมาณเจ็ดร้อยห้าสิบจั้ง หากอ่านค่าตามนี้ การทดสอบแต่ละครั้งจะข้ามบริเวณที่มีหมอกหนาได้เทียบเท่ากับระยะทางสามร้อยห้าสิบจั้ง ระหว่างพื้นที่ที่มีหมอกหนาแต่ละแห่งจะห่างกันยี่สิบห้าจั้ง”

“ท่านบอกว่าเจ็ดร้อยห้าสิบ…”

“ถูกต้อง ถึงแม้พวกเราจะยืนอยู่ข้างกันตอนนี้ ทว่าไม่ได้ยืนข้างกันจริง ๆ เพราะข้าผ่านการทดสอบก่อนหน้าเจ้ามาอีกที”

หลีจิ่นเหยาพยักหน้า

“พวกเซียนปฐพีจัดการความคลาดเคลื่อนเชิงพื้นได้ขนาดนี้เลยหรือ? ข้าสงสัย…”

“ตอนนี้สงสัยไปก็ไม่มีประโยชน์”

ถังรั่วเวยมองไปยังหมอกด้านล่าง

“ตอนนี้สำรวจกันต่อเถอะพี่หลี บางทีการทดสอบต่อไปอาจพบกับคนรู้จักก็ได้”

“ตกลง”

หลีจิ่นเหยาพยักหน้า

หญิงสาวทั้งสองจับมือกัน เดินทางไปยังหมอกชั้นต่อไป หลังจากสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่ ทั้งสองมาปรากฏอยู่ที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล

ที่ราบตรงหน้ามีหญ้าหอมขึ้นอยู่ตามทาง ด้านบนเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนสวยงามมีดาวประดับประดาอยู่เหนือหัว พื้นที่ของฉากนี้ดูไม่เหมือนบททดสอบที่อันตรายเท่าไหร่นัก แต่เป็นเหมือนสถานที่พักผ่อนสำหรับคู่รัก

“บททดสอบนี้คืออะไรกัน?”

ถังรั่วเวยมองไปซ้ายขวาอย่างสงสัย

“ข้าไม่ทราบ… แต่เหมือนจะไม่ใช่บททดสอบความแข็งแกร่งทางร่างกาย”

หลี่จินเหยามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัยเช่นกัน

“ก่อนหน้าที่จะเจอเจ้า ข้าได้บททดสอบ ‘ความทุกข์ทรมาน’ การทดสอบนั่นส่งข้าไปยังปรโลก ทำให้ได้พบกับสัตว์รูปร่างคล้ายหนอนแต่เต็มไปด้วยกระดูก มันแข็งแกร่งและบ้าคลั่ง… แต่สุดท้ายก็พยายามจนฆ่ามันได้สำเร็จ”

ถังรั่วเวยกระเดาะลิ้นเบา ๆ

“ข้าคิดว่ามหาทุกข์สี่ประการแรกมีไว้ทดสอบสภาพร่างกายและความแข็งแกร่ง ส่วนมหาทุกข์สี่อย่างที่เหลือทดสอบสภาพจิตใจ”

หลีจิ่นเหยาตอบกลับ

“เมื่อเราผ่านบททดสอบ ‘ไม่แสวงหา’ และ ‘ห้าหยินลุกโชน’ แล้ว คาดว่านี่คงจะเป็น ‘ความแค้นกับความเกลียดชัง’ หรือ ‘ความรักกับการพลัดพราก’ ก็เป็นได้”

“อย่างไรก็ตาม หาแผ่นศิลาก่อน”

ถังรั่วเวยแนะนำ

เนื่องจากเป็นภูมิประเทศที่ราบเรียบ หญิงสาวทั้งสองจึงพบแผ่นศิลาบททดสอบอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างง่ายดาย แต่ที่สำคัญกว่านั้นได้พบกับชายหนุ่มรูปงามผมยาวสีขาวกำลังก้าวออกมาอย่างสบาย ๆ

ทันทีที่ทั้งสองพบกับคนผู้นั้นต่างตกใจ ถังรั่วเวยกะพริบตาและคิดจะเรียกชายตรงหน้าว่าอาจารย์โดยไม่รู้ตัว แต่หลีจิ่นเหยารีบวิ่งไปด้านหน้านางก่อนจะถามผู้อาวุโสผมขาวตรงหน้า

“ผู้อาวุโส! โปรดใช้เวลาสามลมหายใจคิดบทกวีที่เกี่ยวข้องกับถังรั่วเวย!”

ไป๋ชิวหรานตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มเหลือบมองที่ราบรอบด้านโดยไม่รู้ตัวก่อนจะกล่าวอย่างไม่ลังเล

“ความแบนราบและทุ่งกว้าง…”

“แบนราบบ้าบออะไร!”

ถังรั่วเวยตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวยกขาขึ้นเตะไป๋ชิวหราน แต่ต้องรีบลูบขาตัวเองเพราะความเจ็บ

“ไม่เป็นไร”

หลีจิ่นเหยามีท่าทีผ่อนคลายลงทันที

“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิงตัวจริงแน่นอน”

“ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

ไป๋ชิวหรานจับศีรษะถังรั่วเวยที่นั่งกุมขาอยู่บนพื้นพร้อมเอ่ยถาม

“คิดว่าผู้บงการหลังถ้ำคงไม่ปล่อยให้พวกเราพบกันโดยง่าย… หากเป็นข้าก็คงไม่ทำ”

“บางทีการควบคุมสถานการณ์ในถ้ำอาจจะอ่อนกว่าที่คิดไว้ก็ได้?”

หลีจิ่นเหยากะพริบตา จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวการคาดเดาของนาง

“เป็นเช่นนั้นเอง มีความคลาดเคลื่อนเชิงพื้นที่ด้วยสินะ?”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่

“ข้ารู้สึกว่าคนที่สามารถบรรลุพลังระดับนี้คงไม่มีรสนิยมต่ำในการยึดร่างและยอมแพ้ง่าย ๆ แน่”

“ข้าคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกเรายังคาดเดาอะไรไม่ได้”

หลีจิ่นเหยากล่าว

“หลังจากผ่านไปหลายปี คนที่มีความสามารถอย่างมากในอดีตอาจกลายเป็นชายชรากลัวตายไปแล้ว เพราะผู้คนย่อมเปลี่ยนแปลงได้”

“เอาล่ะ”

ไป๋ชิวหรานมองไปยังแผ่นศิลา

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องเข้าใจให้ได้… มาจัดการบททดสอบนี้ก่อน”

ชายหนุ่มดึงถังรั่วเวยนั่งเจ็บขาอยู่ขึ้นมา จากนั้นทั้งสามเดินไปอยู่ตรงหน้าแผ่นศิลาพร้อมกัน แสงสีฟ้าค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลา

‘เริ่มรักย่อมมีสุข พอพลัดพรากมีแต่ความเศร้าโศก’

ตัวอักษรค่อย ๆ หายไปและเปลี่ยนเป็นคำใหม่

‘มหาทุกข์แห่งการพลัดพราก’

“ว้า…”

เมื่อเห็นชื่อบททดสอบ ไป๋ชิวหรานถึงกับถอนหายใจก่อนจะกล่าวออกมา

“บททดสอบนี้ค่อนข้างอยู่เหนือความรู้ไปมาก… รั่วเวย แม่นางหลี ให้ข้าทำบททดสอบนี้ก่อน”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มอยากเข้าไปด้วยตัวเอง ถังรั่วเวยกับหลีจิ่นเหยาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว

“ด้วยความแข็งแกร่งของบรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง พวกเราย่อมมั่นใจ”

หลังจากสัมผัสกับความแข็งแกร่งของไป๋ชิวหรานมาไม่นาน หลีจิ่นเหยาเต็มใจจะเชื่อฟังทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภูมิปัญญา พรสวรรค์ ประสบการณ์ ความแข็งแกร่ง หรือทักษะทางอารมณ์

หากนางเกิดในยุคเดียวกับไป๋ชิวหราน เช่นนั้นคงจะมีชายหนุ่มกดดันในทุกด้านอย่างแน่นอน ดังนั้นสบายใจกว่าหากไป๋ชิวหรานจะเป็นคนทำบททดสอบก่อน หากไม่สามารถผ่านได้…พวกนางไม่มีทางผ่านได้เช่นกัน

เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานเดินเข้าไปในเขตฟ้าร้อง ถังรั่วเวยที่นั่งยอง ๆ ทำหน้าบึ้งอยู่และกล่าวบางอย่าง

“ระวังตัวด้วยนะอาจารย์”

คำพูดของนางเบาเหมือนเสียงยุงบิน แต่ไป๋ชิวหรานยังได้ยินชัดเจน ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับลูบหัวถังรั่วเวยก่อนจะเดินไปด้านหน้าอย่างไม่ลังเล

บททดสอบในแปดมหาทุกข์ที่เรียกว่าความรักกับการพลัดพราก ไป๋ชิวหรานตั้งหน้าตั้งตารอพบกับสหายเก่าที่อยู่ในความทรงจำ…

อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปในพื้นที่ทดสอบด้านหลังแผ่นศิลา มันกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!