ตอนที่ 146 พี่เป็นสัตว์ร้ายเหรอ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 146 พี่เป็นสัตว์ร้ายเหรอ

หลังจากวางสายโทรศัพท์ ตี้อู๋เปียนไม่ได้พักผ่อนเหมือนกับที่เขาพูดกับมู่เถาเยาไว้ แต่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาและปัดหน้าจอรัวๆ

ข้อมูลนี้ถูกส่งมาโดยเยี่ยอิ่งและมันก็ถูกตรวจสอบโดยคนของหน่วยงาน ‘ร้อยแปดพันเก้า’ ดังนั้นมันจึงเชื่อถือได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซาลาเปาน้อยคาดหวังว่าอาจารย์อาเล็กของเธอจะเป็นพี่ชายของหมอลู่ที่หายตัวไป ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ใครสักคนไปตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง

หากเป็นเรื่องจริง คงเป็นข่าวดีที่สุด แต่ถ้าไม่ ก็สามารถบอกให้ซาลาเปาน้อยทราบก่อนได้ เธอจะได้ไม่คาดหวังโดยเปล่าประโยชน์และผิดหวังในภายหลัง

แม้ว่าเธอจะไม่แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนขนาดนั้น แต่ก็เขาสามารถบอกได้จากคำพูดและการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ของเธอว่าเธอคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กัน

เขาไม่รู้ว่าทำไมซาลาเปาน้อยถึงได้สนใจความสัมพันธ์นี้มาก แต่เขาคิดว่าเธอแค่อาจต้องการช่วยอาจารย์อาเล็กของเธอตามหาญาติของเขา

เมื่อห้าสิบปีที่แล้วคนและข่าวสารต่างๆ ค้นหาได้ไม่ง่ายนัก ในเวลานั้น วิธีการสื่อสารคือโทรศัพท์แบบมีสาย จดหมาย และโทรเลข แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังไม่ได้รับการพัฒนา นับประสาอะไรกับอินเทอร์เน็ต

แม้ว่าเขาต้องการที่จะค้นหา แต่ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการแยกแยะข้อมูลทั้งหมด

ตี้อู๋เปียนคลิกที่กล่องสื่อสารและค้นหารายชื่อผู้ติดต่อสองคน

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเยี่ยอิ่งปรากฏขึ้นที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ “อู๋เปียน”

ด้านขวาบนคือเด็กหนุ่มแสนสมาร์ท “พี่อู๋เปียน”

“อืม ฉันมีอะไรให้พวกนายทำ”

ทั้งสองถามขึ้นพร้อมกัน “อะไร”

“เยี่ยอิ่ง ฉันต้องการให้นายตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดในวันนี้ที่ส่งมาให้ฉันอีกครั้ง”

เยี่ยอิ่งชะงักไปครู่หนึ่งและพูดว่า “อู๋เปียน ฉันรับประกันได้ว่าข้อมูลพวกนี้ถูกต้อง”

หน่วยงาน ‘ร้อยแปดพันเก้า’ รับประกันคุณภาพงานที่พวกเขาทำเสมอ

“ตรวจสอบมันอีกครั้ง มุ่งเน้นไปที่ข้อมูลพี่ชายที่ถูกลักพาตัวไปของหมอลู่ อาซิ่น นายไปช่วยเขาด้วย”

“อู๋เปียน มีเป้าหมายที่นายสงสัยหรือเปล่า พี่ชายคนนี้มีอะไรผิดปกติเหรอ”

“อย่าคิดมาก อาจจะเป็นเรื่องดี โฟกัสไปที่ข้อมูลพี่ชายของหมอลู่ก่อน”

เฉิงซิ่น “พี่อู๋เปียน พี่รู้เหรอว่าพี่ชายคนนี้คือใคร”

“ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นอธิการบดีเจียงของมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู” สิ่งที่ซาลาเปาน้อยคิดก็คือสิ่งที่เขาคิด

ทั้งเยี่ยอิ่งและเฉิงซิ่นต่างก็ประหลาดใจมาก

“พี่อู๋เปียน นี่มันจะแฟนตาซีเกินไปหน่อยไหม คนทั่วทั้งโลกนี้ต่างก็รู้ว่าอธิการบดีเจียงเป็นเด็กกำพร้า”

“ใช่ แต่ซาลาเปาน้อยเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าอาจารย์อาเล็กของเธอถูกลักพาตัวมาตอนที่เขาอายุได้หกขวบ แต่เพราะศีรษะของเขาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักเลยความจำเสื่อม ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลของอธิการบดีเจียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลก่อนที่เขาจะอายุหกขวบ นายไปที่บ้านเกิดของหมอลู่และตรวจสอบมันด้วยตัวเองซะ”

เยี่ยอิ่งเลิกคิ้วขึ้นและพูดหยอกล้อว่า “อู๋เปียน แม้ว่าอธิการบดีเจียงจะเป็นพี่ชายของหมอลู่จริงๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลยไหม นายไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้เลย แล้วแบบนี้ฉันควรจะมองว่าไงดี”

ตี้อู๋เปียนมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

“อธิการบดีเจียงเป็นศิษย์น้องเล็กของหมอเทวดาหยวนที่ถูกเขาเลี้ยงดูมาราวกับว่าเป็นลูกชายของเขาคนหนึ่ง และก็เป็นอาจารย์อาเล็กของซาลาเปาน้อย เรื่องของซาลาเปาน้อยก็คือเรื่องของฉัน แล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับฉันได้ไง”

เฉิงซิ่นมองเขาอย่างงุนงงแล้วถามว่า “พี่อู๋เปียน ดูเหมือนพี่จะปฏิบัติต่อปีศาจน้อยคนนั้นแตกต่างออกไปจากคนอื่นนะ ผมไม่เคยเห็นพี่กระตือรือร้นแบบนี้มาก่อนเลย”

เยี่ยอิ่งยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ซาลาเปาน้อยเกี่ยวข้องกับอายุขัยของฉัน ฉันจะไม่สนใจเธอได้เหรอ นอกจากนี้ อย่าเรียกเธอว่าปีศาจน้อย”

“อู๋เปียน ทำไมนายถึงไม่ยอมรับสักทีว่าตัวเองชอบหมอเทวดาน้อยมู่ ใจๆ หน่อยสิ ไม่เห็นต้องยกแม่น้ำทั้งห้ามาพูดให้มันมากความเลย!”

เฉิงซิ่นร้องลั่น “พี่อู๋เปียนชอบปีศาจ…หมอเทวดาน้อยเหรอ!”

เยี่ยอิ่ง “หยุดตะโกนได้แล้ว! มีปัญหาหรือไงที่อู๋เปียนจะชอบหมอเทวดาน้อย”

“ไม่ๆๆ แต่หมอเทวดาน้อยเพิ่งอายุแค่สิบแปดปีเองไม่ใช่เหรอ พี่อู๋เปียน พี่เป็นสัตว์ร้ายหรือไง”

ตี้อู๋เปียนพูดด้วยสีหน้าโกรธเคืองว่า “ถ้านายพูดไม่เป็นก็หุบปากไป! ฉันแก่กว่าซาลาเปาน้อยเพียงห้าปีเท่านั้น ฉันจะเป็นสัตว์ร้ายได้ยังไง ไม่ได้ห่างกันกว่าสิบห้าปีหรือยี่สิบห้าปีสักหน่อย!”

เยี่ยอิ่งหัวเราะเสียงดังลั่น

“อู๋เปียน อายุเท่าไหร่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลยนะ ประเด็นสำคัญคือหมอเทวดาน้อยเพิ่งอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น! ถ้าคนอายุมากหน่อย อันที่จริงจะสิบห้าปีหรือยี่สิบห้าปีมันก็ไม่เป็นอะไรเลยถ้าคนสองคนรักกัน อย่างมากสุดก็แค่ถูกเรียกว่าเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อน ไม่ใช่สัตว์ร้าย”

ตี้อู๋เปียน “…”

เขาควรปฏิเสธหัวชนฝา ต่อให้ถูกทุบตีจนตายก็ไม่ควรยอมรับไม่ใช่เหรอ

“พี่อู๋เปียน ทำไมพี่ถึงชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนั้นล่ะ” พี่น่าจะชอบพี่สาวที่อายุมากกว่าและดูแลเก่งสุดๆ สิ!

ท้ายที่สุดเขาเป็นคนป่วยและบอบบาง!

“ฉันไม่ชอบเธอ จะให้ชอบนายหรือไง”

ไม่สิ ผิดอีกแล้ว!

เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาชอบซาลาเปาน้อย!

แต่ปากนี้ ไม่ฟังคำสั่งของสมองเลย!

เฉิงซิ่นตัวสั่นสะท้าน รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“พี่อู๋เปียน ผมยังชอบผู้หญิงอยู่นะ”

แม้ว่าพี่ชายของเขาจะสง่างามราวกับเทพเซียน แต่ได้โปรดอย่าชักนำให้เขาหลงทาง!

เยี่ยอิ่งหัวเราะจนกรามค้างไปหมดแล้ว

ตี้อู๋เปียนมองดูทั้งสองคนด้วยสายตาว่างเปล่า

“อย่าออกนอกเรื่อง เรากำลังพูดถึงเรื่องพี่ชายของหมอลู่อยู่”

“ฉันรู้ๆ อธิการบดีเจียงอาจเป็นพี่ชายของหมอลู่สินะ! พรุ่งนี้เช้าฉันจะให้คนที่สืบข่าวเก่งที่สุดในหน่วยไป นายจะได้มีเครดิตไปเรียกร้องหาความดีความชอบต่อหน้าหมอเทวดาน้อยมู่!”

เฉิงซิ่นพยักหน้า “ใช่ๆ ทางผมเองก็จะส่งคนไปช่วยตรวจสอบให้ด้วย”

“จริงสิ อาซิ่น วันเสาร์นี้นายจัดคนจากฝั่งนั้นมาฝึกพิเศษกับคนตระกูลถังและตระกูลเย่ว์ที่นี่”

ตระกูลถังส่งคนมา ตระกูลเย่ว์ก็ส่งคนมา แล้วจะไม่มีคนของตระกูลตี้ของเขาได้ยังไง

ตระกูลถังกำลังมองหายาพิษ ตระกูลเย่ว์มองหาเบาะแสของศัตรู ส่วนตระกูลตี้ของเขาจะเข้าไปหาสมุนไพรเพื่อรักษาชีวิต

แต่ละฝ่ายมีจุดประสงค์ของตัวเอง

แน่นอนว่าคนที่จะติดตามเข้าไปในเขตป่าชั้นในนั้นย่อมไม่ใช่ลูกน้องของเฉิงซิ่น แต่เป็นสมาชิกจากหน่วย ‘ร้อยแปดพันเก้า’ ทั้งหมดห้าคนที่ได้รับเลือกจากกองทัพตระกูลเยี่ย ซึ่งมีจำนวนคนเท่ากับของตระกูลเย่ว์เลย

เฉิงซิ่นพูดอย่างร้อนใจว่า “พี่อู๋เปียน ผมขอไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานด้วยได้ไหม ผมอยากไปเรียนรู้ด้วย!” เขาก็ต้องการฝึกวรยุทธด้วยเหมือนกัน!

ตั้งแต่ที่พี่รองเยี่ยไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน เขาก็แสดงให้เห็นทุกวันว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนซานนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน!

น้ำเสียงนั้นภูมิใจราวกับกำลังพูดถึงตัวเอง!

“ได้ แต่ในตอนกลางคืนนายก็ยังต้องมาทำงานให้ฉัน”

อาซิ่นมาก็ดี จะได้ช่วยอะไรๆ เขาได้

“ไม่มีปัญหาครับ ผมนอนดึกได้”

“การนอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ”

“ผมยังเด็ก! ผมแข็งแรงดี! ผมไหว!”

ตี้อู๋เปียน “…” ไอ้เด็กนี่ กำลังปรามาสเขาทางอ้อมว่าเขาสุขภาพไม่ดีหรือเปล่า

ไม่อนุญาตแล้วดีไหม!

หรือไม่สั่งให้เขาทำงานตลอดทั้งคืนดี!

เยี่ยอิ่ง “…” เจ้าเด็กนี่ คงไม่ได้กำลังด่าเขาว่าแก่หรอกนะ

ก็แค่แก่กว่าเพียงไม่กี่ปีเองไม่ใช่เหรอ

วอนซะจริง

เฉิงซิ่นรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อเขาได้รับสายตาที่เย็นชาจากคนทั้งสอง

“พวกพี่เป็นอะไรไป”

ทั้งสองกลอกตาพร้อมกัน

เยี่ยอิ่ง “อู๋เปียน เมื่อไหร่สองคนนั้นจากกองทัพจะมาถึง”

“จะมาพร้อมกับซาลาเปาน้อยในคืนวันศุกร์นี้”

“ฉันได้ยินมาว่าหนึ่งในนั้นเป็นศิษย์ของตาของฉัน ส่วนอีกคนเป็นทหารชั้นผู้น้อยในกองทัพประจำเมืองเย่ว์ตูที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นและได้รับการเลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง”

“ใช่ ตอนที่ฉันคุยกับซาลาเปาน้อยถึงเรื่องที่จะส่งสมาชิกของตระกูลตี้เข้าไปในเขตป่าชั้นใน เธอก็แนะนำทหารคนนั้นให้ฉันรู้จัก บอกว่าเธอไปรู้จักกับเขาตอนไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลและได้มีโอกาสรักษาให้กับเขา บอกว่าทหารคนนั้นมีกระดูกที่ดีมากและมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ฉันจึงแนะนำเขาให้กับลุงเยี่ย มันบังเอิญที่หัวหน้าของเขาแจ้งเรื่องของเขาไปที่กองทัพพอดี ภารกิจในครั้งนี้เลยถูกโอนให้เขาโดยตรง”

“อู๋เปียน นายเชื่อในวิสัยทัศน์ของหมอเทวดาน้อยมากจริงๆ นะ”

“แน่นอนสิ นายก็มาเห็นหมู่บ้านเถาหยวนซานกับตาแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไม่เข้าใจความสามารถที่แท้จริงของซาลาเปาน้อยอีกหรือไง”

เยี่ยอิ่งไม่ปฏิเสธ

สาวน้อยคนนั้นมีสมองและทักษะที่ยอดเยี่ยมแทบจะรอบด้าน เธอเก่งมาก!

เขานับถือเธอจริงๆ !