ตอนที่ 91 ต้นแบบรูปหล่อพ่อรวยยุคโบราณ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 91 ต้นแบบรูปหล่อพ่อรวยยุคโบราณ

เที่ยวนี้ผู้ที่นั่งเกวียนเทียมวัวไปมีเพียง 6 คนเท่านั้น ทว่าสัมภาระกองพะเนินราวกับภูเขาขนาดย่อม ทำให้กระบุงของหลินเว่ยเว่ยไม่มีที่วาง นางจึงต้องยกมาวางไว้บนขาของตน

เมื่อมาถึงหน้าประตูเข้าเมือง นางเฝิงได้ไปเจรจากับชายชราที่บังคับเกวียนว่าจะเพิ่มเงินให้เขาอีก 2 อีแปะเพื่อให้เขาไปส่งพวกนางตรงหน้าร้านขายขนม ชายชราผู้นี้ย่อมไม่ผลักไสเงินที่วางอยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงตอบรับอย่างง่ายดาย

อาเถียน ข้าเอาผลไม้อบแห้งมาส่งแล้ว รีบให้คนออกมาช่วยพวกข้าขนเร็ว ! หลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากเกวียนแล้วตะโกนเข้าไปในร้าน

ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มในร้านออกมาต้อนรับอย่างสุภาพ จากนั้นก็มาช่วยนางแบกกระบุงไม้ไผ่เข้าไปด้านใน หลินเว่ยเว่ยกล่าวทักทายลูกจ้างคนนั้นอย่างสนิทสนม พี่อาหนิว ต่อไปนี้น้าเฝิงจะเป็นคนมาส่งผลไม้อบแห้งแทนข้า นางแรงน้อยยกของไม่ค่อยไหว ต้องรบกวนให้พี่อาหนิวช่วยนางเสียหน่อย

อาหนิวเป็นชายหนุ่มที่มีบุคลิกเรียบง่ายและเป็นคนซื่อสัตย์ เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นจึงตอบรับทันที ได้ ไม่มีปัญหา !

หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปในร้านก็เห็นว่าอาเถียนกำลังยืนรายงานให้คุณชายท่านหนึ่งที่สวมอาภรณ์สีน้ำเงินอยู่ ดูเหมือนกำลังรายงานถึงสถานการณ์ในร้านนี้ หรือว่าคุณชายท่านนี้จะเป็นเจ้าของร้าน ? หลงเข้าใจว่าเป็นเถ้าแก่ที่พอมีอายุมาโดยตลอด

นางไม่ได้เดินเข้าไปใกล้แต่ใช้สายตามองสำรวจคุณชายท่านนี้ พบว่าอีกฝ่ายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้ม คาดเข็มขัดสีน้ำเงินไว้ตรงเอว นอกจากนี้ที่เอวยังมีจี้หยกแกะสลักเนื้อดีห้อยประดับเอาไว้ เส้นผมของเขาเป็นสีดำขลับดูอ่อนนุ่ม คิ้วคมเข้มราวกับกระบี่เล่มคม นัยน์ตาดอกท้อ1คล้ายดูเจ้าชู้เย้ายวน เวลาที่เขามองผู้ใดก็ให้ความรู้สึกเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะหน้านิ่งก็ไม่เชิง ช่างเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ยิ่งนัก จมูกของเขาคมสัน ริมฝีปากหนาปานกลางทว่าให้ความรู้สึกเหมือนมีรอยยิ้มประดับอยู่บนริมฝีปากตลอดเวลา

เขาทั้งหนุ่มแน่น รูปหล่อและร่ำรวย ! นี่คือต้นแบบหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยจากยุคโบราณ ! หลินเว่ยเว่ยคิดได้เช่นนี้

เจ้าคือผู้ที่ส่งผลชิงอบแห้งให้ร้านของข้าใช่หรือไม่ ? ดูเหมือนว่าเถียนฟู่กุยจะมีการสนทนากับเขาไว้บ้างแล้ว นัยน์ตาดอกท้อของคุณชายอาภรณ์น้ำเงินหันมามองที่นาง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาหานาง

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าเล็กน้อย นางยังโฆษณาสินค้าต่ออีกว่า พวกข้าไม่ได้มีแค่ผลชิงเท่านั้น แต่พรุ่งนี้ลูกท้ออบแห้งชุดแรกจะเสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจหรือไม่ ?

เถียนฟู่กุยจึงถือโอกาสนี้เพื่อแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน เสี่ยวเว่ย นี่คือนายจ้างของพวกเรา ให้เรียกท่านว่าคุณชายหนิง !

เมื่อได้ยินเถียนฟู่กุยแนะนำ จู่ ๆ นางเฝิงที่เงียบไม่พูดไม่จาอยู่นานก็เอ่ยปากถามว่า คุณชายตระกูลหนิงจากเมืองเหอโจวหรือ ?

คุณชายหนิงในอาภรณ์สีน้ำเงินได้ยินเช่นนั้นก็เพ่งมองสตรีวัยกลางคนที่อยู่ในชุดผ้าเนื้อหยาบ เขาเห็นว่านางดูสุขุมใจดี ทั้งคำพูดคำจายังมีมารยาทจึงไม่กล้าดูหมิ่นนาง เขารีบกล่าวว่า ข้าไม่บังอาจถึงเพียงนั้นหรอก ! ครอบครัวของข้าเป็นแค่เครือญาติห่าง ๆ ของตระกูลหนิงแห่งเหอโจวเท่านั้น

นางเฝิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนที่ฮ่องเต้เผชิญวิกฤติสงครามซึ่งเป็นช่วงยากลำบากที่สุด ตระกูลหนิงแห่งเหอโจวได้รวบรวมกำลังคนในตระกูลรวมถึงเสบียงอาหารกักตุนไว้ใช้ในกองทัพได้เป็นปี

หลังจากพวกเขาได้รับแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่โดยฮ่องเต้แล้ว พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งหยงหนิงโหวเป็นผู้นำตระกูลหนิง ทั้งยังพระราชทานสมบัติล้ำค่ามากมายมหาศาลให้แก่เขาและทรงสลักลายพระหัตถ์ลงในแผ่นจารึกว่าตระกูลหนิงเป็นผู้ ‘มีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า’ ซึ่งตอนนี้แผ่นจารึกได้ถูกเก็บไว้ในหอบรรพชนของจวนตระกูลหนิง ณ เหอโจว ตระกูลหนิงจึงเป็นตระกูลชั้นสูงในเมืองเหอโจวที่ไร้ตระกูลใดเทียบได้

หลินเว่ยเว่ยรู้สึกได้นานแล้วว่านางเฝิงผู้นี้ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาเพราะมีกิริยามารยาทเรียบร้อย เวลาทำสิ่งใดก็ประณีตละเอียดอ่อน ให้ความรู้สึกสง่างาม ไม่แน่ว่าก่อนเกิดสงครามนางอาจเคยเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่ก็ได้ เช่นนั้น…เป็นไปได้หรือไม่ว่าบัณฑิตหนุ่มก็เป็นคุณชายของตระกูลใหญ่ที่พลัดถิ่นจากภัยสงคราม ?

หากพวกนางพลัดพรากจากคนในครอบครัวเพราะสงครามจริง แล้วเหตุใดไม่ไปตามหาญาติพี่น้องในเมืองหลวง ทว่ามาลงหลักปักฐาน ณ หมู่บ้านฉือหลี่โกว หมู่บ้านนี้มีสิ่งใดน่าดึงดูดใจหรือ ? ถึงขั้นทำให้สองแม่ลูกยอมลงหลักปักฐานอยู่ในถิ่นทุรกันดารได้ พวกนางอาศัยอยู่ที่นี่มานานสิบกว่าปี ! ซึ่งบ้านใกล้เรือนเคียงที่สนิทสนมกันก็ล้วนเป็นผู้ลี้ภัยสงครามด้วยกันทั้งสิ้น

หลินกู่เหนียง2 แล้วเจ้าได้เอาตัวอย่างลูกท้ออบแห้งติดมาบ้างหรือไม่ ? คุณชายหนิงมองไปยังหลินเว่ยเว่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม รอยยิ้มของเขาเสมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ช่างอบอุ่นและเผยให้เห็นถึงความจริงใจ

หลินเว่ยเว่ยนำห่อกระดาษน้ำมันออกมา จากนั้นก็เปิดให้คุณชายหนิงดู ตัวอย่างที่ข้านำมาวันนี้ยังมีความชื้นสูง หากตากไว้ในสภาพอากาศเช่นวันนี้อีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้ก็น่าจะนิ่มกำลังดี

คุณชายหนิงรับเอาห่อกระดาษน้ำมันไว้ จากนั้นก็หยิบลูกท้อขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด สีสันของมันสดใสสวยงามเหมือนหยกเนื้อดี แค่ดมก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาแตะจมูก กระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนได้เป็นอย่างดี เขาลองชิมจึงพบว่ารสชาติของมันหวานอมเปรี้ยวซึ่งอร่อยเป็นอย่างยิ่ง

ไม่เลว ทั้งกลิ่น สีและรูปลักษณ์ล้วนสมบูรณ์แบบ ช่างเป็นท้ออบแห้งที่คุณภาพดีจริง ๆ พวกเราต่างก็เป็นคู่ค้ากันมานาน อีกทั้งคุณภาพของสินค้าที่พวกเจ้านำมาล้วนเชื่อถือได้ ดังนั้นยึดตามกฎเดิมเถิด ข้าให้ราคาชั่งละ 350 อีแปะ พวกเจ้ามีเท่าไหร่ข้าจะรับไว้ทั้งหมด หลินเว่ยเว่ยรู้สึกชื่นชมกับความใจถึงของคุณชายหนิงอยู่ไม่น้อย

ต้องเข้าใจว่าปกติราคาของลูกท้อย่อมถูกกว่าราคาของผลชิง คราแรกนางยังนึกว่าจะโดนกดราคาด้วยซ้ำ คาดไม่ถึงเลยว่าคุณชายหนิงไม่สนใจเงินน้อยนิดเหล่านั้น เขาเป็นพ่อค้าที่มีคุณธรรมสูงมาก

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าอย่างพอใจแล้วกล่าวว่า ผ่านไปอีกสักระยะบลูเบอร์รี่น่าจะสุกแล้ว ไม่ทราบว่าพวกท่านรับซื้อบลูเบอร์รี่อบแห้งหรือไม่ ?

บอกข้าได้หรือไม่ว่า ‘บลูเบอร์รี่’ คือสิ่งใด ? คุณชายหนิงทั้งสนใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน

หลินเว่ยเว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ ดูเหมือนที่นี่จะเรียกว่า ‘หลานเหมย’ สามารถนำมาทำของหวานหรือนำมาตากแห้งได้ จะกินเป็นของว่างหรือประกอบขนมหวานย่อมได้ทั้งนั้น !

ตระกูลหนิงมีกฎของตระกูลคือเมื่อลูกหลานในตระกูลมีอายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ ในครอบครัวก็จะมอบเงินซึ่งเป็นจำนวนไม่มากนักแล้วให้พวกเขาออกไปเผชิญโลกด้วยตนเองเพื่อเฟ้นหาคนที่สามารถเอาตัวรอดและขยายกิจการจนมั่งคั่งที่สุดมาสืบทอดกิจการหลัก เดิมทีคนในตระกูลไม่ได้ให้ความสำคัญต่อหนิงตงเซิ่งมากนัก เช่นนั้นเขาก็คงไม่มาทำธุรกิจที่เขตเล็ก ๆ เยี่ยงเริ่นอันแห่งนี้

เนื่องจากปัจจัยเรื่องเงินทุนและประสบการณ์ หนิงตงเซิ่งจึงเปิดร้านขายขนมซึ่งสินค้าในร้านไม่ได้มีความหลากหลายนัก หากทำเงินได้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าใช้ได้แล้ว อย่าไปคิดเรื่องความร่ำรวยมั่งคั่งตั้งแต่วัยหนุ่มเช่นผู้อื่นเลย

เมื่อมารดาของเขาที่เป็นอนุภรรยาในจวนได้สิ้นลม พี่สาวร่วมมารดาเดียวกันที่แต่งงานออกไปแล้วจึงดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี นางให้เขายืมสินเดิมของตนเพื่อเปิดร้านสาขาสองในตัวอำเภอและบัดนี้ปัญหาใหญ่สุดของร้านก็คือการขาดแคลนสินค้า

โดยเฉพาะปีนี้เกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงทำให้ผลไม้ให้ผลผลิตที่ลดลง เป็นเหตุให้จำนวนของขนมหวานที่ทำจากผลไม้และผลไม้อบแห้งลดลงจนไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ โชคดีที่เพื่อนบ้านของหลงจู๊เถียนทำผลไม้อบแห้งอร่อยจึงช่วยบรรเทาวิกฤตของร้านไปได้มาก

พอได้ยินว่าหลานเหมยสามารถนำมาทำผลไม้อบแห้งและของหวานได้ หากเป็นขนมหวานก็จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากมาย ดังนั้นเขาจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว หากหลานเหมยอบแห้งและขนมหวานที่หลินกู่เหนียงเอ่ยถึงมีคุณภาพดีย่อมเป็นที่ต้องการของร้านข้าอยู่แล้ว ไม่ทราบว่ากู่เหนียงพอจะทำ…ตัวอย่างขนมส่งมาให้ร้านของข้าได้หรือไม่ ?

ขนมหรือ ? บ้านของพวกข้าไกลจากที่นี่มาก ลำพังใช้เวลาเดินทางก็นานกว่าหนึ่งถึงสองชั่วยามแล้ว ข้ากลัวว่าหากส่งมาก็อาจทำให้รสชาติแย่ลงหรือเสียได้ หลินเว่ยเว่ยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าการทำขนมนั้นสิ้นเปลืองเวลาและพลังงานไม่น้อยซึ่งปัญหาใหญ่สุดก็คือขนมเนื้อนุ่มขนส่งยาก !

ข้าสามารถเช่าห้องในเมืองให้หลินกู่เหนียงได้ เจ้าจะได้มีสถานที่ทำขนมหลานเหมยสุดพิเศษโดยเฉพาะ แม้ว่าเขายังไม่เคยเห็นขนมหวานที่หลินเว่ยเว่ยเอ่ยถึง แต่การที่นางบอกเช่นนี้ก็แน่นอนว่ามันคงไม่ด้อยไปกว่าสินค้าชนิดอื่นของนาง

หลินเว่ยเว่ยหันไปยิ้มอย่างเกรงใจให้อีกฝ่าย แต่สุดท้ายนางก็ปฏิเสธ มารดาของข้ามีร่างกายอ่อนแอ น้องชายของข้าก็ยังเด็กนัก ข้าไม่วางใจให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังหรอก อีกอย่างคุณชายหนิงยังไม่เคยเห็นขนมที่ข้าเอ่ยถึง ไม่แน่ว่าอาจทำให้ท่านผิดหวังก็ได้

เช่นนั้น…รอให้ตัวอย่างขนมของกู่เหนียงส่งมาก่อน เราค่อยเจรจาเรื่องนี้กันอีกครา หนิงตงเซิ่งไม่บังคับนางอีก เขาจึงพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม

1 นัยน์ตาดอกท้อ มักถูกเปรียบว่ามีความโรแมนติกตามธรรมชาติ

2 กู่เหนียง แปลว่า แม่นาง

ตอนต่อไป