ตอนที่ 152 ชิงตัวคน

ตอนที่ 152 ชิงตัวคน

เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งบอกว่าเขากลัวตัวเองจะถูกเอาตัวไปอยู่ด้วย เจียงอวี่เฟยพลันกลอกตา ก่อนเอ่ยข่มขู่เขาเสียงดุ “พ่อคะ ถ้าพ่อจะมีความคิดที่เป็นอันตรายแบบนี้ หนูจะไปที่โรงงานของพ่อแล้วรายงานว่าพ่อมีความเชื่องมงายล้าสมัย แล้วอีกอย่างนะ พ่อเองก็เป็นม่ายไม่ใช่เหรอคะ?”

เจียงกั๋วเซิ่ง “!!!”

คำพูดของเจียงอวี่เฟยทำให้เจียงกั๋วเซิ่งคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง

เจียงอวี่เฟยคว้าแขนพ่อตนแล้วเอ่ย “พ่อคะ พ่อเป็นแม่ม่ายเพื่อแม่มาหลายปีแล้ว ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้วค่ะ”

เจียงกั๋วเซิ่งมองหล่อนด้วยสายตาว่างเปล่า “เด็กน้อย ลูกใช้คำเป็นหรือเปล่า? ผู้ชายจะเรียกว่าเป็นแม่ม่ายได้อย่างไร?”

“หนูพูดผิดไปแล้วค่ะ แต่ถึงอย่างไร หนูก็อยากพ่อมีคนคอยอยู่เคียงข้างในอนาคต”

เจียงอวี่เฟยมีสีหน้าจริงจัง ทั้งยังเต็มไปด้วยความกังวล และเมื่อได้ยินถ้อยคำดังนั้น หัวใจของเจียงกั๋วเซิ่งพลันอบอุ่นขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะคลายใจ เขามองไปยังลูกสาวแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อวี่เฟย ลูกอยากให้พ่อแต่งงานใหม่จริง ๆ เหรอ? ลูกไม่กลัวว่าแม่เลี้ยงจะเข้ามาแล้วมีเรื่องขัดแย้งกับลูกเหรอ?”

“พ่อคะ พ่อไม่รู้อะไรหรอก พี่ชายคนนั้นของเซี่ยเซี่ยก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป้าหลิว แต่พวกเขาเข้ากันได้ดีมากราวกับว่าเป็นแม่และลูกในไส้ หนูคิดว่าตราบใดที่หนูพบผู้หญิงที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม หนูย่อมควบคุมตัวเองและสำรวมได้ คงไม่ยากนักที่จะเข้ากับแม่เลี้ยง”

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว น้ำตาของเจียงกั๋วเซิ่งก็เอ่อคลอ “ลูกสาวของพ่อโตแล้วจริง ๆ”

“พ่อคะ หนูโตช้าเกินไป เมื่อก่อน หนูไม่ควรห้ามพ่อไม่ให้แต่งงานใหม่เลย หลายปีมานี้ทำให้พ่อต้องลำบากแล้ว”

“ไม่สายเกินไป ไม่สายเกินไปหรอก เมื่อก่อนลูกยังเด็ก พ่อเองก็ไม่กล้าที่จะเพิ่มใครเข้ามาในครอบครัวเหมือนกัน”

เจียงอวี่เฟยมองเจียงกั๋วเซิ่งแล้วถามด้วยแววตาเป็นประกาย “ตอนนี้หนูโตแล้ว พ่อคิดว่าพวกหล่อนสองคนใครเหมาะสมกับพ่อคะ?”

เจียงกั๋วเซิ่งลำบากใจ “พ่อยังไม่เคยพูดคุยกับพวกหล่อนทั้งสองคนเลย แล้วจะเลือกได้ยังไง? ในวัยของพ่อไม่ได้มาสนใจเรื่องแบบเดียวกับคนหนุ่มสาวแล้ว รูปร่างหน้าตาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด”

เจียงอวี่เฟยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ รูปร่างหน้าตาไม่สำคัญ แต่อย่างน้อยพ่อก็ควรมีความรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิง หรือมีความอยากที่จะเข้าใกล้หล่อน เข้าใจอารมณ์ใจร้อนของหล่อน ถ้าพ่อพบผู้หญิงคนนั้นแล้วจิตใจนิ่งสงบดั่งสายน้ำไม่ต่างอะไรกับการได้พบผู้ชาย นั่นย่อมเรียกว่าไม่รู้สึก ไม่มีใจให้หล่อน”

เจียงอวี่เฟยแสดงท่าทางมีความรักและเอาใจใส่ ทั้งยังพูดจาฉะฉานมีหลักมีฐาน แต่สีหน้าของเจียงกั๋วเซิ่งพลันแปรเปลี่ยนไป เขาหยุดมองหล่อนด้วยใบหน้ามืดมนพร้อมเอ่ยถาม “ทำไมจู่ ๆ ลูกถึงมีเข้าใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้? ลูกกำลังคุยกับใครสักคนอยู่หรือเปล่า?”

แววตาของเจียงอวี่เฟยหลุกหลิกด้วยความหวาดผวา ก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่มีหรอกค่ะ หนูจะไปคุย ๆ กับใครอยู่ได้ยังไง?”

“ไม่มีก็ดีแล้ว พ่อบอกไว้เลยว่าห้ามคบหากับใครจนกว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัย”

เจียงกั๋วเซิ่งกล่าวเสริมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ลูกกำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่นะช่วงนี้? ไอ้เรื่องการประกวดเดินแบบอะไรนั่นที่ลูกเคยพูดกับพ่อก่อนหน้านี้ พ่อไม่อนุญาตให้ไปนะ”

เจียงอวี่เฟยเม้มปากแล้วตอบว่า “ค่ะ”

ถึงอย่างไรหล่อนก็ลงชื่อไปแล้ว

…….

หลินจินซานและหลิวกุ้ยอิงจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งใจที่จะเริ่มตั้งแผงขายของในวันพรุ่งนี้

หลังจากจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จสิ้น ทันทีที่หลินจินซานมาถึงหน้าร้าน เฉียนต้าเฉิงรีบออกมาและตะโกนว่า “ซานจื่อ สรุปแล้วนายยังอยากจะทำงานอยู่ไหม? หายไปไหนมาทั้งวัน?”

หลินจินซานอธิบายว่า “พี่เฉิง ผมไปซื้อรถเข็นให้แม่เมื่อเช้า ผมขอลาหยุดไปแล้วนี่ครับ”

“รีบเข้ามาเลย ฉันเพิ่งได้รับเพจเจอร์จากเถ้าแก่ใหญ่ว่าออกเดินทางมาแล้ว คาดว่าจะมาถึงเมืองไห่เฉิงในวันพรุ่งนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียนต้าเฉิง หลินจินชานก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที “เถ้าแก่กำลังจะมาเหรอครับ?”

สีหน้าของเฉียนต้าเฉิงก็ดูเคร่งขรึมจริงจัง “ใช่ รีบไปทำงานเถอะ วันนี้พวกเราไปช่วยคนงานทำงาน งานจะได้เดินเร็วขึ้นอีกหน่อย แล้วค่อยไปทำความสะอาดร่างกายตอนกลางคืน พรุ่งนี้ถ้าเถ้าแก่มาแล้วเห็นว่านายอู้งานอยู่แบบนี้ ฉันเองก็ปกป้องนายไม่ได้เหมือนกัน

“เข้าใจแล้วครับ”

วันนี้อากาศหนาว เมื่อหลินเซี่ยออกไปตัดผมข้างนอก ในช่วงบ่ายจึงมีคนไม่มากนัก ดังนั้นหลินเซี่ยจึงวางแผนว่าจะออกไปข้างนอก

อีกทั้งเธอยังไม่เห็นเฉียนต้าเฉิงและหลินจินซานเลย เธอเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบว่าในวันนี้ทั้งสองคนได้เปลี่ยนจากหัวหน้างานมาเป็นผู้ช่วย

เฉียนต้าเฉิงกำลังยื่นอะไรบางอย่างให้กับคนงานที่ยืนอยู่บนบันได หลินเซี่ยยกยิ้มแล้วถามว่า “พี่เฉิง คุณก็เป็นคนงานเหมือนกันเหรอคะ?”

เฉียนต้าเฉิงอธิบายว่า “พรุ่งนี้เถ้าแก่ของเราจะมาถึงที่เมืองไห่เฉิง ไม่ทำไม่ได้ครับ”

หลินเซี่ยเลิกคิ้วขึ้น เซี่ยไห่คนนั้นจะมาถึงเมืองไห่เฉิงพรุ่งนี้งั้นหรือ?

เมื่อเถ้าแก่ใหญ่มาเยือน ย่อมต้องนำโอกาสทางธุรกิจมาอย่างแน่นอน และสิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้คือเธอจะเข้าไปสร้างสัมพันธ์กับเถ้าแก่คนนี้ และสร้างรายได้ร่วมกับเขาในธุรกิจบางอย่างได้อย่างไร

“เซี่ยเซี่ย พี่เขยจะกลับมาเมื่อไหร่? เมื่อเถ้าแก่มาถึงที่นี่แล้วต้องมาพบเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเธอต้องพูดดี ๆ ถึงฉันกับพี่เฉิงให้เขาฟังสักสองสามประโยคนะ พวกเราไม่เคยอู้งานเลย เราสองคนขยันขันแข็ง”

สมองของหลินจินซานเริ่มทำงาน เขามองไปยังหลินเซี่ยเพื่อพยายามสร้างเส้นสาย

เขาและพี่เฉิงต่างทำงานอย่างหนัก ย่อมต้องแจ้งให้เถ้าแก่ใหญ่ทราบเรื่องนี้ไม่ใช่หรืออย่างไร?

เฉียนต้าเฉิงมองหลินจินซานด้วยสายตาชื่นชมพร้อมยกยิ้มอย่างเห็นด้วย “ใช่ เสี่ยวหลิน เธอต้องเป็นพยานให้เรา ช่วงนี้เราสองคงยุ่งเหมือนหมา ทุ่มเทตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่”

เมื่อมองดูคนที่พยายามจะเอาความดีความชอบก่อนที่จะลงมือทำงาน ใบหน้าของหลินเซี่ยก็พลันจริงจังขึ้น “พวกคุณทำงานอย่างดี ย่อมไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นพูดอะไร เถ้าแก่ของคุณสามารถเห็นผลงานนั้นได้ด้วยตาของเขาเอง”

“เสี่ยวหลิน เธอพูดถูก” เฉียนต้าเฉิงรีบลงมือ

หลินเซี่ยตะโกนบอกหลินจินซาน “ฉันจะออกไปข้างนอก ฉันล็อคประตูบ้านแล้ว แต่มีผ้าเช็ดตัวตากอยู่ข้างนอก รบกวนพี่ช่วยดูให้หน่อยนะคะ อย่าให้ลมพัดปลิวไป”

…….

หลินเซี่ยสวมเสื้อคลุม ปล่อยผมยาวสลวย ก่อนจะสวมหน้ากากแล้วออกจากบ้านไป

หลังจากนั่งรถประจำทางมาสองป้าย หลินเซี่ยก็ลงจากรถ แล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านตัดผมของรัฐ พร้อมกับความรู้สึกผสมปนเปที่ปะทุขึ้นภายใน

ที่นี่คือสถานที่ที่เธอเคยทำงาน

เธอเรียนรู้งานที่นี่ได้หนึ่งปีแล้ว

วันนี้กลับมาอีกครั้งก็กลายเป็นอีกชาติหนึ่งไปแล้ว

เธอมาที่นี่ในวันนี้เพื่อชิงตัวคน

หลังจากที่ร้านของเธอเปิดเป็นประจำ เธอก็ยุ่งเกินกว่าที่จะทำทุกอย่างคนเดียวจึงจำเป็นต้องจ้างลูกจ้างเข้ามา

เธอมีคนที่ปักธงไว้ในใจตั้งแต่วันที่เธอเปิดร้านเสริมสวยแล้ว

หลินเซี่ยดึงหน้ากากของเธอขึ้นแล้วก้าวเข้าไปในร้านตัดผม

ร้านตัดผมที่บริหารโดยรัฐบาลแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยมีพื้นที่สำหรับตัดผมราวเพียงเจ็ดหรือแปดที่เท่านั้น

เมื่อสองหลายปีก่อนยังไม่มีร้านเสริมสวยที่เป็นของบุคคลทั่วไป เกือบทุกคนจึงไปตัดผมที่ร้านตัดผมของรัฐ ทำให้ธุรกิจเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากกิจการร้านตัดผมของบุคคลทั่วไป ทำให้ธุรกิจร้านตัดผมของรัฐค่อย ๆ ซบเซาลง

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ไม่ทันแล้วค่ะคุณพ่อ ลูกสาวแอบสมัครไปเดินแบบแล้ว

เซี่ยเซี่ยจะไปทาบทามใครมาร้านตัวเองน้า

ไหหม่า(海馬)