รองเจ้าสำนัก จงหั่ว

 

“ศิษย์ฝ่ายในที่อายุน้อยกว่า 40?”

 

ได้ยินคำนี้ของป๋ายลี่หง ใบหน้าต้วนหลิงเทียนก็เผยรอยยิ้มอันไร้ซึ่งความกดดันใดๆออกมา

 

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ ศิษย์ฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสงที่ยังอายุไม่ถึง 40 ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ให้เป็นอันดับ 1 ในช่วงอายุนี้ก็ไม่ใช่คู่มือเขา

 

ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่ายังไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าสามารถเอาชนะยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้แน่นอน แต่ตราบใดที่ยังเป็นตัวตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ย่อมไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป…

 

ดังนั้นการแข่งขันล่าสัตว์ของสำนักจันทร์จรัสแสงในสายตาต้วนหลิงเทียนแล้ว ไม่ได้ต่างอะไรจากการไปเดินเล่นชมวิว!

 

“ใช่”

 

ป๋ายลี่หงพยักหน้ารับพร้อมหัวเราะร่า “ด้วยพลังฝีมือของศิษย์น้อง การแข่งขันล่าสัตว์ก็เสมือนพิธีการเท่านั้น…เจ้าคิดชิงอันดับ 1 นับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก!”

 

ในวาจาของป๋ายลี่หงนั้น มันเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน

 

แค่ทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญแบบนี้ ในบรรดาศิษย์ที่อายุน้อยกว่า 40 ปีของสำนักจันทร์จรัสแสงยังไม่มีแม้แต่คนเดียว

 

กระทั่งศิษย์ฝ่ายในที่อายุต่ำกว่า 40 ปีแต่สามารถทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางได้ ก็นับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะของสำนักแล้ว

 

ความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนเป็นอะไรที่ห่างไกลจากพวกมันนัก

 

“ข้าได้จัดการเรื่องลงทะเบียนแข่งขันอันใดให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว…อีก 10 วันหลังจากนี้เจ้าสามารถมุ่งหน้าไปยังสถานที่แข่งขันล่าสัตว์ได้เลย…วันนั้นข้าเองก็จะไปกับเจ้าด้วย”

 

ป๋ายลี่หงกล่าว

 

“ศิษย์พี่ป๋าย ท่านจะไปด้วยหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อย

 

“ใช่ ข้าได้ขอตำแหน่งผู้ตรวจสอบการแข่งขันจากเจ้าสำนักเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันมิให้มีผู้ใดอาศัยเส้นสายและคดโกงอันใดในการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้”

 

ป๋ายลี่หงหัวเราะ

 

“อ้าว แล้วนี่เจ้าสำนักไม่กลัวว่าท่านลอบช่วยเหลือให้ข้าโกงการแข่งขันหรือไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวล้อเล่นออกมาพร้อมหัวเราะ

 

“ด้วยพลังฝึกปรือของศิษย์น้องยังต้องให้ข้าช่วยโกงอันใดอีก…แต่อันที่จริงถึงข้าช่วยเจ้าโกงการแข่งจริง เจ้าสำนักก็ไม่ว่าอะไรข้าหรอก…”

 

วาจาของป๋ายลี่หงนี้ เผยถึงความมั่นใจในตัวเองไม่น้อย

 

เรื่องแบบนี้เกรงว่าในบรรดาอาวุโสทั้งหลายของสำนักจันทร์จรัสแสง มีเพียงมันคนเดียวที่กล้าพูด!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงชนชั้นอาวุโสอะไรด้วยซ้ำ ให้เป็นรองเจ้าสำนักยังไม่กล้าพูดออกมาแบบนี้!

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

 

ศิษย์พี่ของเขาไม่เพียงแต่เป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนัก แต่ยังเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวของสำนักจันทร์จรัสแสง ฐานะนับว่าสูงส่งเหนือกว่าชนชั้นรองเจ้าสำนักเสียอีก

 

กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนอันเป็นเสาหลักของสำนักยังต้องเกรงใจป๋ายลี่หง

 

10 วันในโลกภายนอกนั้น สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันก็คือ 50 วันบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ

 

ระยะเวลา 50 วันมากพอให้เขาทำอะไรได้หลายๆอย่าง

 

“ตอนนี้ อาภรณ์ทองได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว…ส่วนวรยุทธ์หลักของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกข้าก็สำเร็จขั้นที่ 4 อีกแค่นิดเดียวก็บรรลุขั้นที่ 5 ไร้ตำหนิ…”

 

ต้วนหลิงเทียนบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ “นอกจากนั้น ประทับไท่ซาน ของวรยุทธ์เผิงทองถาโถมเองก็ขาดอีกแค่เล็กน้อย…”

 

“ในช่วง 50 วันนี้ข้าเน้นฝึกดาวตกพิฆาตกับคนเกาทัณฑ์ร่วมประสานของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกดีกว่า…หากฝึกพวกมันจนบรรลุขั้นสูงสุดอย่างไร้ตำหนิ ค่อยเปลี่ยนไปฝึกพิรุณดาวตกต่อ”

 

พิรุณดาวตกนั้นก็เป็น 1 ในเคล็ดจู่โจมของวรยุทธ์เซียนมหาเกาทัณฑ์ดาวตก นอกจากนี้ยังเป็นรากฐานของระฆังศรคลุมกายอันเป็นเคล็ดป้องกันหนึ่งเดียวของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกอีกด้วย

 

มีเพียงฝึกพิรุณดาวตกจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิก่อนเท่านั้น ถึงจะเริ่มฝึกระฆังศรคลุมกายได้

 

เคล็ดป้องกันระฆังศรคลุมกายนี้ แม้จะนำไปเทียบกับวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นสายป้องกันอย่างอาภรณ์ทอง เกรงว่ายังจะเหนือกว่ากันมากนัก

 

อาภรณ์ทองก็ยังถือเป็นวรยุทธ์ที่ทัดเทียมกับพิรุณดาวตกอันเป็นระดับมนุษย์โดดเด่น ทว่าระฆังศรคลุมกายนั้น อานุภาพของมันน่ากลัวว่าจะทัดเทียมกับวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับปฐพี!

 

และวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีนั้น มีแต่ต้องบรรลุขอบเขตเซียนขึ้นไปเท่านั้นถึงจะฝึกฝนได้!

 

ด้วยเหตุนี้ใจต้วนหลิงเทียนจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับ ระฆังศรคลุมกาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยละเลยการฝึกพิรุณดาวตก!

 

วันนี้พิรุณดาวตกของเขาก็ฝึกฝนจนมาถึงขั้นตอนเจนจัด อันเป็นขั้นตอนที่ 4!

 

“ตั้งแต่ที่ผู้เฒ่าหั่วยกระดับพลังฝึกปรือของข้าให้บรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลาง ข้ารู้สึกว่าการฝึกฝนวรยุทธ์เซียนมันง่ายดายขึ้นอย่างไรไม่ทราบ…ยังรู้สึกเหมือนข้าจะเข้าใจอะไรๆหลายๆอย่างที่ก่อนหน้ายากจะเข้าใจได้อีกด้วย”

 

ต้วนหลิงเทียนค้นพบเรื่องนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้เขาเลยลองไปถามผู้เฒ่าหั่วมาแล้ว อีกฝ่ายก็ตอบมาเพียง 4 คำเท่านั้น

 

กายสุริยัน!

 

สำหรับกายสุริยันนั้น ต้วนหลิงเทียนเพียงรู้เรื่องราวครึ่งๆกลางๆเท่านั้น เพราะผู้เฒ่าหั่วเพียงบอกว่าตอนนี้เขามีกายสุริยันแล้วก็เท่านั้น

 

ส่วนเรื่องที่ว่ากายสุริยันมันดีอย่างไรนั้นผู้เฒ่าหั่วไม่ได้บอกเขาเลย อีกฝ่ายบอกว่าให้เขาค้นพบมันด้วยตัวเอง

 

จนถึงตอนนี้เขาก็ค้นพบความพิเศษของมันได้ประการเดียวเท่านั้น คือสามารถฝึกฝนวรยุทธ์เวียนได้รวดเร็วมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามแม้จะค้นพบเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว แต่สำหรับต้วนหลิงเทียนมันก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!

 

“จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก กายสุริยันยังมีความลับที่รอให้ข้าค้นพบซุกซ่อนอยู่อีกมาก…ข้าอยากรู้จริงๆว่าจะมีอะไรน่าประหลาดใจรอข้าอยู่บ้างกันแน่”

 

คิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

 

ระยะเวลา 50 วันนั้น มันไม่ได้สั้นหรือยาวอะไร

 

ด้วยการทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักของต้วนหลิงเทียน 50 วันก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก

 

และตอนนี้ดาวตกพิฆาตกับคนเกาทัณฑ์ร่วมประสานของเขา ก็ฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ!

 

นอกจากนี้พิรุณดาวตกของเขาที่บรรลุขั้นตอนเจนจัดมาก่อนหน้า ขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ!

 

หากบรรลุได้เมื่อไหร่ เขาก็สามารถเริ่มฝึกฝนใช้ออกด้วยระฆังศรคลุมกายทันที

 

น่าเสียดาย ที่พิรุณดาวตกยังไม่ทันทะลวงผ่านขั้นที่ 4 ไปยังขั้นที่ 5 เวลา 50 วันก็หมดลงเสียก่อน

 

ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที

 

ตอนเขาออกมาข้างนอกก็ยังเป็นเวลากลางคืน การแข่งขันล่าสัตว์ของสำนักจันทร์จรัสแสงจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

 

คืนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดกลับไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างไร เพียงนอนเองหลังอยู่บนเตียงในห้องหับ สงบจิตสงบใจ

 

ไม่นานความคิดของเขาก็ล่องลอยไปไกล

 

‘หลังจากที่ด่านพลังฝึกปรือของข้าทะลวงถึงขอบเขตสมบูรณ์แบบ ข้าจะกลับไปยังเกาะป้านเยว่ทันที’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่างในใจ

 

เขาเชื่อว่าด้วยมีชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ การจะทะลวงผ่านไปยังสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบนั้น สมควรใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน!

 

แน่นอน 3 เดือนที่ว่า หมายถึงเวลาในโลกภายนอก!

 

สำหรับชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ 3 เดือนในโลกภายนอกก็เทียบได้กับ 1 ปีกับอีก 3 เดือน!

 

“ลูกน้อยของข้าคงใกล้คลอดเต็มที…”

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความตื่นเต้นมากมาย ยังมากกว่าตอนที่พลังฝึกปรือเขายกระดับอย่างก้าวกระโดดเสียอีก!

 

เมื่อลูกน้อยทั้ง 2 คลอดออกมา นั่นหมายความว่าเขาได้เป็นพ่อคน!

 

เรื่องนี้เป็นอะไรที่ตัวเขาในชีวิตที่แล้วไม่กล้าคิดมาก่อน กระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึง!

 

ชีวิตที่แล้วของเขา หลังออกราชการปลดเกษียนตัวเองจากหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า เขาก็ผันตัวไปเป็นทหารรับจ้าง ชีวิตแต่ละวันประหนึ่งเดินบนคมดาบ เส้นทางที่ก้าวผ่านมีแต่ความตายกับการนองเลือด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวินาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้ชีวิตที่แล้วเขาจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานมีลูกเลย

 

ทว่าชีวิตนี้เขากำลังจะมีลูกน้อยแล้ว!

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกน้อยสองคน!

 

สุดท้ายพอคิดถึงเรื่องนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็แทบจะพาร่างเหินลอยไปยังเกาะป้านเยว่

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังต้วนหลิงเทียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดสีม่วงตัวใหม่ที่ให้ข้ารับใช้ในบ้านซักไว้เรียบร้อย เขาก็ออกไปหาป๋ายลี่หง และเดินทางไปยังสถานที่จัดการแข่งขันล่าสัตว์

 

ครั้งนี้ผู้ที่ควบคุมการจัดการแข่งขันล่าสัตว์ก็คือรองเจ้าสำนักคนหนึ่งของสำนักจันทร์จรัสแสง นอกจากรองเจ้าสำนักคนนี้แล้ว ก็มีอาวุโสฝ่ายในอีก 3 คนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการแข่งขัน และ 1 ในนั้นก็คือป๋ายลี่หง

 

เดิมทีป๋ายลี่หงจะขอเป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันเองก็ได้

 

ทว่ามันคร้านจะทำเรื่องยุ่งยากวุ่นวายอะไร จึงขอเป็นแค่ผู้ตรวจสอบก็พอ

 

“อาวุโสป๋ายลี่”

 

ทันทีที่มารวมตัวกับกลุ่มคนที่มารออยู่ก่อน ต้วนหลิงเทียนก็เห็นชายชราร่างกายกำยำแลดูกระฉับกระเฉงคนหนึ่งก้าวมาหาป๋ายลี่หงพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม

 

ชายชรานี้ร่างกายบึกบึนกำยำไม่เหมือนผู้ชราแม้แต่น้อย มองไปประหนึ่งยักษ์ปักหลั่นก็ไม่ปาน ขณะเดินมายังคล้ายเนินเขาเคลื่อนตัวอย่างไรอย่างนั้น

 

“รองเจ้าสำนักจง”

 

ป๋ายลี่หงพยักหน้ารับทั้งทักทายชายชราร่างใหญ่ผู้นี้กลับ ในวาจายังเปิดเผยฐานะของอีกฝ่ายออกมา

 

เป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันล่าสัตว์ในปีนี้ของสำนักจันทร์จรัสแสง รองเจ้าสำนัก จงหั่ว!

 

“เช่นนั้นผู้นี้สมควรเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่ ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือสินะ?”

 

ไม่นานจงหั่วก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

 

“รองเจ้าสำนักจง”

 

ต้วนหลิงเทียนรับคำทักทายทันที ทว่าในใจกลับรู้สึกอึดอัดพิกล

 

อีกฝ่ายเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้มคล้ายไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ในใจต้วนหลิงเทียนกลับบังเกิดความรู้สึกถึงอันตรายประการหนึ่ง..

 

ทั้งเขายังรู้สึกเสมือนว่าอีกฝ่ายเห็นเขาเป็นศัตรูอย่างไรอย่างนั้น!

 

แน่นอนว่าความเป็นปรปักษ์นี้ ต้วนหลิงเทียนเพียงสัมผัสถึงมันได้อย่างเบาบางเท่านั้น

 

เขาพบหน้ารองเจ้าสำนักจงหั่วผู้นี้เป็นครั้งแรก ไม่สมควรมีเรื่องราวบาดหมางอะไรกันมาก่อน

 

“ศิษย์น้องต้วน รองเจ้าสำนักจงหั่วผู้นี้ เป็นอาจารย์ของ ‘เฮ่อจง’ ที่เจ้าทุบตีกระทืบมันจนยับ ซ้ำยังรีดไถคะแนนอุทิศมันเป็นล้านคนนั้น…”

 

ตอนนี้เองเสียงผ่านปราณแท้ของป๋ายลี่หงพลันส่งตรงมาถึงหูต้วนหลิงเทียน เฉลยข้อสงสัยในใจต้วนหลิงเทียนทันที…เขาไม่ได้รู้สึกไปเองจริงๆ!

 

‘ที่แท้ก็อาจารย์ของเฮ่อจงนี่เอง’

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที

 

ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นอาจารย์ของเฮ่อจง นับเป็นเรื่องปกตินักที่มันจะเห็นเขาเป็นศัตรู

 

เฮ่อจงมันเป็นหลานชายของหลิวฮ่วน และวันนั้นต้วนหลิงเทียนก็ทุบตีมันจนยับ สุดท้ายยังบังคับให้มันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจะไม่คิดร้ายและยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีก

 

เมื่อสายตาของต้วนหลิงเทียนมองผ่านไปยังด้านหลังของจงหั่ว เขาก็แลเห็นร่างเฮ่อจงยืนปะปนอยู่ในกลุ่มศิษย์ฝ่ายในที่มาถึงก่อนแล้วเช่นกัน

 

‘หืม? เฮ่อจงมันเป็นศิษย์ฝ่ายในแล้วงั้นเหรอ?’

 

ต้วนหลิงเทียนอึ้งเล็กน้อย

 

เขาไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องที่เฮ่อจงกลายเป็นศิษย์ฝ่ายใน

 

ในฐานะที่มันเป็นศิษย์ของรองเจ้าสำนัก เพียงอาจารย์มันกล่าวคำเดียว สถานะศิษย์ฝ่ายในย่อมได้รับมาโดยง่าย

 

สิ่งที่ทำให้เขาอึ้งอยู่บ้างก็คือ ยามที่เขาใช้เนตรเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือของมัน มิคาดมันกลับทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นต้นแล้ว…!