ตอนที่ 4

Earth’s Best Gamer

[ก่อนอื่นเลย ผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นผู้บุกเบิกอย่าตื่นตระหนก! ตอนนี้หน่วยสืบราขการลับทุกหน่วยได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดกซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์ในเชิงบวก ตามทฤษฏีแล้วสถานที่แห่งนี้ไม่เป็นศัตรูกับมนุษยชาติ…]

จีเย่อ่านโพสต์อย่างรวดเร็วและได้รับความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดก

เหมือนที่เขาสรุปไว้ก่อนหน้านี้ ดินแดนแห่งมรดกแห่งนี้มีองค์ประกอบมากมายจากอารยธรรมที่แตกต่างกันจนถึงตอนนี้ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีชั้นสูง เวทมนตร์ การบ่มเพาะ เรื่องเหนือจินตนาการ พลังเหนือธรรมชาติ

ดินแดนแห่งมรดกเป็นเหมือนกับเกมในขณะที่ผู้บุกเบิกคือผู้เล่น

ผู้เล่นกลุ่มแรกหรือ ‘ผู้ทดสอบเบต้า’ ไม่ใช่คนทั่วไปที่ถูกสุ่มเลือก

จากการสืบสวนของสมาพันธ์พบว่ามีเพียงผู้ที่มีทักษะหรือประสบการณ์เฉพาะเท่านั้นที่ถูกเลือก

ผู้ทดสอบที่อายุมากที่สุดที่ได้รับการยืนยันคือ 35 ปี ในขณะที่อายุน้อยที่สุดคือ 16 ปี ข้อจำกัดดังกล่าวอาจหมายถึงการเลือกผู้เข้าร่วมที่มีความสามารถซึ่งมีพละกำลังและความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำ ‘การทดสอบการแข่งขันขั้นแรก’ ให้เสร็จสิ้นได้

ผู้ทดสอบได้รับความท้าทายที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอาชีพของพวกเขา

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันเสมอ นั่นคือพวกเขาทั้งหมดมีความเสี่ยงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้ทดสอบน้อยกว่า 10% ที่ทำภารกิจสำเร็จหลังจากเวลาผ่านไป 1 เดือน

‘ฉันเข้าใจแล้ว’

จีเย่ครุ่นคิดด้วยสีหน้ารับรู้

นั่นอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงได้ถูกเลือกเป็นคนกลุ่มแรกจากผู้คนทั่วโลกและได้รับคะแนนที่ดีในการทดสอบ

จีเย่เป็นนักเอาชีวิตรอดมืออาชีพและเป็นผู้ท้าทายกีฬาผาดโผน มันเป็นอาชีพที่ค่อนข้างแปลก

ไม่มีคู่แข่งมากนักเนื่องจากส่วนใหญ่ตายไปแล้ว

นอกจากนี้ผู้เอาชีวิตรอดยังต้องการความกล้าหาญอย่างยิ่งและต้องไม่กลัวความตาย นี่เป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ

แม้ว่าความตายจะเป็นการจุดจบในดินแดนแห่งมรดก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง

นี่เป็นเพราะแม้ว่าร่างกายของผู้ถูกเลือกจะหายไปจากโลก แต่หลักฐานนั้นบ่งชี้ว่าพวกเขา ‘ถูกขัง’

เมื่อคนหนึ่งได้เข้าสู่ดินแดนแห่งมรดกอย่างแท้จริง มันเป็นร่างเสมือนที่คล้ายกับ ‘ตัวละครในเกม’ ดังนั้นการเผชิญหน้ากับความตายในดินแดนแห่งมรดกไม่ได้นำไปสู่ความตายบนโลก!

ถึงกระนั้นประสบการณ์ของความตายยังคงทิ้งความบอบช้ำทางจิตใจที่น่ารังเกียจเอาไว้เพราะมันรู้สึกเหมือนจริงมากเกินไป

ด้วยเหตุผลนี้ ประกาศดังกล่าวจึงแนะนำให้ผู้ที่ ‘ออกจากระบบ’ ควรหานักจิตอายุรเวชเพื่อรับการตรวจร่างกายอย่างเหมาะสม

เพื่อหลีกเลี่ยงการปลุกระดมความตื่นตระหนกในสังคม เจ้าหน้าที่ได้รวบรวม ‘ผู้ทดสอบเบต้า’ อย่างลับๆ และส่งไปยังสถานที่ทีมีสิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะที่จัดตั้งขึ้นในแต่ละเมืองเพื่อการจัดการที่เป็นระบบ

“วี่ว่อ… วี่ว่อ… วี่ว่อ…”

เมื่อเขาอ่านเรื่องนี้จบ เสียงไซเรนก็ใกล้เข้ามา

มองผ่านหน้าต่างแบบพาโนรามาของวิลล่า เขาเห็นยานพาหนะสองคันซึ่งคือรถตำรวจและรถพยาบาลที่กำลังเข้าไปในที่ดินที่สร้างขึ้นข้างทะเลสาบเทียมและภูเขาลูกเล็ก

ไม่นานหลังจากที่รถทั้งสองคันนี้มาถึง รถคันที่สามซึ่งดูเหมือนรถตู้ขนส่งที่มีป้อมปราการซึ่งดัดแปลงมาจากรถของกองทัพก็ใกล้เข้ามาเช่นกัน

รถทั้งสามคันหยุดอยู่ที่นอกบ้านของเขา

จากนั้นชายหลายสิบคนที่สวมเสื้อโค้ทสีดำซึ่งมีอาวุธซ่อนอยู่อย่างชักเจนเข้ามาในบ้านของเขา คนที่นำพวกเขาเข้ามาคือชายหน้าเหลี่ยมที่ดูเหมือนจะอายุใกล้จะ 40 ปี พวกเขากระจัดกระจายกันไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็วและยึดครองทุกมุมของวิลล่าของเขา ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

“คุณจีเย่ใช่มั้ย? ฉันชื่อหลิงเฉิน มาจากสำนักงานสมาพันธ์แห่งเมืองหยาง ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการที่หนึ่ง”

“ซิงมาจากกองกำลังตำนวจ เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมที่เก่งที่สุดในทีมเรา เขามักอวดอ้างตัวเองเสมอ แต่คุณทำให้เขาน็อคได้ คุณเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่ถูกเลือกให้เข้าสู่ดินแดนแห่งมรดก!”

ไม่กี่นาทีต่อมา หลังจากแน่ใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสบายดี เขาก็ให้คนสองคนพาซิงไปที่รถพยาบาล จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปทางจีเย่ด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร

“มีคนทั้งหมด 1 ล้านคนที่ได้ไปยังดินแดนแห่งมรดก”

“จากจำนวนประชากร 3.5 ล้านคนในเมืองหยางของเรามีคนที่ได้ไปอย่างน้อย 3 ร้อยคนใช่มั้ย? นายต้องสร้างความฮือฮามากแบบนั้นเลยเหรอ?”

จากข้อมูลที่เขารวบรวมได้จากข้อมูลของฟอรั่ม จีเย่รู้ว่าอย่างน้อยสมาพันธ์ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับผู้ทดสอบอย่างเขา ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องเครียด

แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงส่งทั้งทีมมาที่บ้านของเขา

“ในทางทฤษฏีก็เป็นความจริง อย่างไรก็ตามผู้ที่ถูกเลือกล้วนเป็นคนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าในหลากหลายสาขา และเมืองหยางของเราก็เป็นภูมิภาคที่คนที่มีความสามารถมักจะจากไป… ดังนั้นจำนวนผู้ที่ถูกเลือกจึงแตกต่างจากที่อื่น!”

“นอกจากความยากในการทดสอบแล้ว จำนวนคนที่ทำสำเร็จก็น้อยลงไปอีกด้วย…”

ในฐานะหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการของสำนักงานสมาพันธ์เมืองหยาง หลิงเฉินมีรอยยิ้มที่ขมขื่นบนใบหน้าสีแทนของเขา

Unbeknown to Ji Ye, who was in the Land of Inheritance, research proved that some special technology obtained from the Land of Inheritance was reproducible on Earth.

การวิจัยพิสูจน์ให้เห็นว่าจีเย๋น

ในทางงทฤษฎีแล้วจะช่วยเร่งการพัฒนาอารยธรรมมนุษย์และเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบอย่างมาก

นอกจากนี้ ‘ผู้เล่นเบต้า’ นับล้านคนที่ถูกเลือกล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นในสาขาต่างๆ ของตน

ดังนั้นคนกลุ่มแรก โดยเฉพาะผู้ที่มีความสามารถผ่านที่ผ่านการทดสอบจึงกลายเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษที่ถูกแย่งชิงไปตามพื้นที่ต่างๆ!

เมืองหยางซึ่งเป็นเมืองที่ผู้ที่มีพรสวรรค์จากไป โดยธรรมชาติแล้วจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

มันเป็นเพราะเหตุนี้พวกเขาจึงพบว่าจีเย่หายตัวไปหลังจากการสืบสวน เขาต้องกลายเป็น ‘ผู้เล่นบาเต้’ อย่างแน่นอน

สำนักงานสมาพันธ์เมืองหยางจึงได้จัดให้ชายหนุ่มผมสั้นยืนคุ้มกันที่นี่

อย่างไรก็ตามอาชีพของจีเย่นั้นแปลกไปเล็กน้อย เขาอาจจะแอบไปยังสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อถ่ายทำวิดีโอ ‘ชายคน vs ป่า’

ประกอบด้วยความจริงที่ว่าวันนี้เป็นวันสิ้นสุดของการทดสอบ เป้าหมายหลายคนที่ถูกล็อคไว้ได้ออฟไลน์ไปก่อนหน้าจีเย่ มันทำให้สำนักงานสมาพันธ์ไม่ว่าง!

วันนี้มีผู้ชายเพียงคนเดียวที่เฝ้าดูอพาร์ตเมนต์ของจีเย่ซึ่งถูกมองว่าเป็นขโมย

“ขอเวลาเก็บของครึ่งชั่วโมงได้มั้ย?”

จีเย่ไม่รู้รายละเอียดของแผนการ แต่เขาก็เห็นได้ว่าหลิงเฉินจริงใจ

เขาเห็นเพื่อนบ้านและคนอื่นๆ ในชุมชนมองมาทางนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรืออิจฉา

สำหรับจุดประสงค์ของการเดินทางไปยังสำนักงานสมาพันธ์ เขาในฐานะผู้เล่นเบต้าจึงไม่ได้ปฏิเสธความคิดที่จะถูกนำตัวไปอยู่ในสภาพแวดล้อมมาตรฐานในเมืองหยาง

“แน่นอน”

“นายสองคนช่วยคุณจีเย่ยกของด้วยนะ”

หลิงเฉินเห็นด้วยในทันที จากนั้นเขาก็กล่าวกับเจ้าหน้าที่สองคนที่สวมเสื้อโค้ทสีดำข้างเขา

“ครับผม”

พวกเขาพยักหน้าและรีบไปทำงาน

“เฮ้หัวหน้า คุณต้องทำดีกับเขาอย่างนั้นเหรอ? เขาเพิ่งจะส่งซิงเข้าโรงพยาบาลนะ!”

อย่างไรก็ตามหลังจากที่จีเย่กลับไปที่ห้องนอนเพื่อเก็บของ หนึ่งในนั้นก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเบาๆ

“จีเย่ เพศชาย อายุ 25 ปี เมืองหยาง เจียงจง”

“เขาเป็นผู้ที่ทำคะแนนสอบได้สูงสุดในระหว่างการสอบเข้าวิทยาลับแห่งชาติิในปี 20X5 และต่อมาก็ได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ในปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัย พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในตอนที่พวกเขาออกไปทำธุรกิจ เขาเลือกที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัยและกลายเป็นสตรีมเมอร์ที่มุ่งเน้นไปที่การแสดงการเอาชีวิตรอด นอกจากนี้เขายังผ่านความท้าทายในการเอาชีวิตรอดที่ยากลำบากมามากมาย!”

หลิงเฉินพึมพำส่วนหนึ่งของประวัติจีเย่

“จากประวัติของเขา การทดสอบที่เขาทำในดินแดนแห่งมรดกนั้นมีทั้งทางสติปัญญาหรืออาจจะเกี่ยวข้องกับอาชีพของเขาในการเอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร จากข้อเท็จจริงที่ว่าแม้แต่ซิงก็ถูกเขาน็อค ความเป็นไปได้ในอย่างหลังจึงมีมากขึ้น”

“นายต้องรู้ว่าตามสถิติของรัฐบาลพันธมิตร จำนวนคนที่เสียชีวิตจากประสบการณ์การเอาชีวิตรอดแบบนี้มีมากกว่าทุกตัวอย่าง จากสิ่งที่ฉันรู้ แม้แต่ทหารจากหน่วยพิเศษบางคนก็ล้มเหลว!”

หลิงเฉินส่ายหัวและถอนหายใจ

ผู้ที่ถูกเลือกจากสาขาต่างๆ ในอันดับต้นๆ ทหารกองกำลังพิเศษไม่กี่คนเหล่านี้ต่างก็เป็นหัวกระทิทั้งนั้น

ไม่ว่าจะในกรณีใด จีเย่ก็เป็นคนประเภทที่สามารถล้มเขาได้ในไม่กี่การเคลื่อนไหว หากจีเย่อยู่ในนิยาย จีเย่จะต้องกลายเป็นตัวเอกอย่างแน่นอน

ถึงอย่างนั้น ก็มีคนน้อยกว่า 10% ที่สามารถรอดชีวิตได้ในถิ่นทุรกันดารในระหว่างการทดสอบ

นี่เป็นสาตุหลักที่ทำให้เขาให้ความสำคัญกับจีเย่มาก