ตอนที่ 145 พูดความในใจ ลอบริษยาเกลียดชัง (2)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 145 พูดความในใจ ลอบริษยาเกลียดชัง (2)

“เหล่าไท่จวินกล่าวว่าจะยื้อเรื่องสู่ขอของตระกูลวั่นออกไป ประเด็นสำคัญคือดูวท่าทีของท่าน และดูว่าท่านจะทำเช่นไร…” คำพูดประโยคหลังที่เจี่ยนชิงโยวไม่ได้กล่าวออกมา อยู่ในใจซินอี้หมิงตั้งแต่แรกแล้ว “พรุ่งนี้ข้าจะไปสู่ขอด้วยตนเองถึงจวน”

ในเมื่อเหล่าไท่จวินเริ่มหวั่นไหวแล้ว เช่นนั้นเขาควรที่จะแสดงความจริงใจออกมา ความคิดที่ว่าจะไม่ไว้หน้ากันไม่อาจมีอีกต่อไป สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการสานสัมพันธ์ให้ดี

ดูท่า คืนนี้เขาควรที่จะเปิดอกคุยกับคุณชายใหญ่เจี่ยน

“ชิงโยวรอฟังข่าวดีที่จวนเถอะ” ในเมื่อเหล่าไท่ไท่เอ่ยปากแล้ว เช่นนั้นทุกอย่างก็ง่ายจะจัดการ

ซินอี้หมิงโล่งอก ความผ่าเผยและความเกียจคร้านกลับมาบนตัวเขาอีกครั้ง

โอบกอดเจี่ยนชิงโยวที่นิ่งเงียบ “ชิงโยว คุณหนูรู้ใช่ไหม ข้าเฝ้ารอคอยวันนี้มาสองปีแล้ว คุณหนูเชื่อข้า พวกเราจะต้องได้รักกันแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะแต่งคุณหนูเข้าตระกูลอย่างยิ่งใหญ่”

เสียงของซินอี้หมิงอยู่ข้างหู เสียงเกียจคร้านคล้ายกับเสียงขลุ่ยที่ทำให้ใจหวั่นไหว ลมหายใจอุ่นๆ รินรดอยู่ข้างหูเจี่ยนชิงโยว

เจี่ยนชิงโยวเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดรู้สึกวางใจยิ่งนัก ร่างกายที่แข็งทื่อผ่อนคลายลง ซบลงข้างกายเขา นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความหวานชื่นและอบอุ่น ความออดอ้อนแผ่ซ่านในน้ำเสียง “ข้าจะรอท่าน”

“อืม” ซินอี้หมิงใช้มือรวบผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของนางไปไว้ด้านหลัง กล่าวขอโทษเสียงเบา “วันนี้ข้ามุทะลุไปแล้ว”

“อันที่จริง…ข้าชอบ” เสียงนี้เบาเหลือเกินเบาจนคลายไม่ได้พูด

เสียงที่คล้ายพูดคล้ายไม่ได้ดังเข้าไปในหูของซินอี้หมิง รอยยิ้มทอประกายในแววตาของเขา

เขากระชับมือ เจี่ยนชิงโยวยิ้มด้วยความเขินอาย ซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา หลับตาลง คล้ายกับนี่คือเปลที่อบอุ่นที่สุดในโลก คางของซินอี้หมิงเกยอยู่บนศีรษะของเจี่ยนชิงโยว เขาเองก็หลับตาลงช้าๆ เช่นเดียวกัน ทั้งสองกอดกันเช่นนี้ ไร้ซึ่งตัณหา…

……

วันที่แปด คือวันเปิดร้านอาหารที่ท่าเรือ และเป็นวันที่ทิงเฟิงเฉวียนเปิดอย่างเป็นทางการ

ลุงอวี๋มารายงานสถานการณ์ตั้งแต่เช้า เขาเพิ่งออกไป เรือนตระกูลหนิงก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมา

เจี่ยนชิงหวาคุณหนูห้าแห่งตระกูลเจี่ยนสืบถามตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว วันนี้ร้านอาหารของมั่วเชียนเสวี่ยเปิดนางไม่อยู่ที่เรือน เจี่ยนชิงหวาจึงบอกเรื่องนี้กับคุณหนูเจ็ดที่อยากจะออกนอกเรือนเช่นเดียวกัน จากนั้นพวกนางก็โกหกเหล่าไท่ไท่ว่าจะไปไหว้พระขอพร

ช่วงปีใหม่ ไปไหว้พระขอพรที่วัดคือเรื่องดีงาม เจี่ยนเหล่าไท่จวินไม่ได้เคลือบแคงสงสัย จึงอนุญาตให้ออกไป

ทั้งสองออกมาจากตระกูลเจี่ยน ทำเสียงฮึดฮัด แล้วแยกย้ายกัน

เจี่ยนชิงเจินนั่งอยู่ในรถม้าตระกูลเจี่ยนมุ่งหน้าไปยังไป๋อวิ๋นจวี เจี่ยนชิงหวาจ้างรถม้าอีกคันหนึ่งออกนอกเมืองเทียนเซียง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านหวังจยา

เมื่อเห็นว่ามีแขกมา หนีจื่อจึงเข้าไปรายงาน หนิงเซ่าชิงพอได้ยินว่าแขกที่มาคือคุณหนูจากตระกูลเจี่ยน เขาคิดว่าเป็นเจี่ยนชิงโยว

ภายในใจย่อมรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยเคยพูด จึงให้หนีจื่อเชิญนางเข้ามาในเรือน บอกกับหนีจื่อว่าฮูหยินอาจจะกลับมาถึงค่ำเล็กน้อย ให้นางไปถามคุณหนูเจี่ยนว่ามีอะไรจะฝากบอกมั่วเชียนเสวี่ยหรือไม่ หลังจากนั้นตนก็หมุนตัวหันหลังเดินไปยังห้องหนังสือ

เจี่ยนชิงหวาพาสาวใช้ชุ่ยจู๋มาได้ เดินตามหลังหนีจื่อเข้าไปในห้อง เดินไปด้วยพร้อมกับฟังหนีจื่อบอกว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่อยู่ที่เรือน ท่านอาจารย์อยู่ในเรือนเพียงคนเดียว ไม่สะดวกให้การต้อนรับ…เจี่ยนชิงหวาลอบดีใจ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจควบคุมไว้ได้

เพิ่งเข้าไปนั่งในห้องโถง นางส่งสายตาให้กับชุ่ยจู๋ที่อยู่ด้านหลัง ชุ่ยจู๋ได้รับสัญญาณ จึงพูดขึ้นว่านั่งรถม้ามานานใคร่อยากไปห้องน้ำ ให้หนีจื่อพานางไปห้องน้ำ

หนีจื่อไม่รู้ว่าพวกนางมีจุดประสบค์แอบแฝง เห็นสีหน้าแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ของชุ่ยจู๋ หัวเราะแล้วพาชุ่ยจู๋ออกไป

เจี่ยนชิงหวาเห็นว่าไม่มีผู้ใด จึงเดินตรงเข้าไปในห้องหนังสือ เมื่อคราวก่อนตอนที่นางมาเรือนตระกูลหนิง ก็มีเจตนาไม่ดีแล้ว และนี่ยังเป็นเพียงเรือนชาวนาเล็กๆ จึงไม่ซับซ้อน เพียงกวาดตามองก็รู้ นางจึงย่อมเข้าใจโครงสร้างของเรือนอย่างชัดเจน

“คือเจ้า?” หนิงเซ่าชิงเห็นว่าคนที่มาคือเจี่ยนชิงหวา อีกทั้งด้านหลังของนางไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วย ขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดัง “หนีจื่อ”

เจี่ยนชิงหวารู้ว่าเขาต้องการที่จะเลี่ยงไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย รู้สึกร้อนใจเพราะยังไม่ได้พูดกับเขา อดไม่ได้ที่จะร้องปราม “อาจารย์หนิงช้าก่อน อันที่จริงวันนี้ข้าตั้งใจมาหาท่าน มีเรื่องอยากจะหารือกับท่าน”

หนิงเซ่าชิงกำลังจะเหยียดกายลุกขึ้น ได้ยินนั่งกล่าวเช่นนี้ จึงทำได้เพียงนั่งลงอีกครั้ง ถามด้วยความรำคาญเล็กน้อย “คุณหนูเจี่ยนไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อม มีเรื่องใดก็พูดมาเถอะ”

เจี่ยนชิงหวาบิดผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยความตื่นเต้น ดวงหน้าของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย ถามเสียงเบา “ท่านอาจารย์มากความสามารถ ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่งนัก ที่มาวันนี้ อยากจะเสียมารยาทถามท่านอาจารย์ว่ามีความคิดอยากตบแต่งภรรยาเอกหรือไม่”

“ภรรยาเอก?” หนิงเซ่าชิงฟังสิ่งที่นางพูด รู้สึกราวกับเมฆครึ้ม ขมวดคิ้วเป็นปม มีเชียนเสวี่ยแล้ว เขายังจะต้องการผู้ใดอีก “คุณหนูเจี่ยนไม่รู้หรือว่าข้ามีภรรยาแล้ว แต่…ว่าไปแล้ว มั่วซื่อภรรยาของข้า ก็ไปเป็นแขกของจวนเจี่ยนเป็นประจำ”

หนิงเซ่าชิงเป็นคนฉลาด จะไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดได้อย่างไร เขาเห็นแววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง สีหน้าแดงระเรื่อ เมื่อสบตากับเขา ก็ก้มหน้าลงด้วยความเขินอายทันที เขาขุ่นเขืองใจมานานแล้ว เพียงแต่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงที่ยังไม่ออกเรือน จึงให้เกียรติอีกฝ่าย เขาคิดว่าพูดชัดเจนเช่นนี้แล้ว เจี่ยนชิงหวาจะผิดหวัง แล้วไม่มายุ่งกับตนอีก น่าเสียดายที่เขาประเมินความคิดของสตรีคนนี้ต่ำไป เมื่อครู่เขาก้มหน้าลงอ่านตำรา ใบหน้าที่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดั่งกล้วยไม้เสมือนต้นหยก ปรากฏอยู่ในสายตาเจี่ยนชิงหวา ทำให้หัวใจดวงน้อยของนางลุ่มหลง

ด้วยเหตุนี้ นางยืนหยัดอย่างไม่ลดละ “ท่านอาจารย์เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ย่อมไม่อาจทำใจทำร้ายเจ้าสาวแก้เคล็ดที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ว่า…”

แอบรู้สึกว่าคำพูดของสตรีนางนี้ลอบกดมั่วเชียนเสวี่ยลงต่ำ หนิงเซ่าชิงพูดเสียงเยือกเย็น “แต่ว่าอะไร”

คำพูดของเจี่ยนชิงหวารีบร้อนเล็กน้อย “แต่ว่า เจ้าสาวแก้เคล็ดคนนั้นไม่มีหัวนอนปลายเท้า จะยกให้เป็นภรรยาได้อย่างไร ท่านอาจารย์เป็นผู้จิตใจเปิดเผยและมีน้ำใจถึงอย่างไรก็ควรคู่กับคุณหนูจากตระกูลใหญ่”

“ออกไป!” หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือน เขาให้อาซานโยนตัวนางออกไปนานแล้ว

เจี่ยนชิงหวาคาดไม่ถึง คิดว่าตนยังสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน จึงพูดต่อ “ฐานันดรศักดิ์ของหนิงเหนียงจื่อ…”

หนิงเซ่าชิงไม่อยากได้ยินคำพูดของนางอีก ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย วางตำราลงบนโต๊ะอย่างแรง เหยียดตัวลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อ หันหลัง “ไสหัวไป…”

สีหน้าของเจี่ยนชิงหวาหม่นหมองลง อ้าปากอยากจะพูดอะไร ทว่าคล้ายความเสียใจคับข้องอยู่ที่คอจนไม่อาจเปล่งเสียงได้ ดวงตาของนางค่อยๆ แดงก่ำ นางยังไม่ได้เริ่มพูดในสิ่งที่อยากจะพูดเลย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะหนิงเหนียงจื่อกลับมาเมื่อคราวก่อนแล้วพูดให้ร้ายนาง มิเช่นนั้น อาจารย์หนิงไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่นอน เจี่ยนชิงหวายิ่งคิดยิ่งแค้น

หนิงเซ่าชิงเห็นว่าสตรีที่อยู่ด้านหลัง ไม่มีท่าทีจะออกไป น้ำเสียงเยือกเย็นระคนความเหี้ยม “หรือว่าคุณหนูเจี่ยนอยากจะให้ข้าเรียกคนมาเชิญคุณหนูออกไป!”

“อาซาน…”

เจี่ยนชิงหวาเห็นว่าในเรือนมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่ง บุรุษผู้นั้นใบหน้าเย็นชา นางย่อมตกตะลึง คราวนี้นางเพิ่งเชื่อว่า หนิงเซ่าชิงพูดจริง หากนางไม่ไป ชายผู้นี้จะให้คนโยนนางออกไปจริงๆ หากถูกโยนออกไป จะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ใด!