ตอนที่ 236 ไม่มีอิสระของโสมเลยสักนิด ตอนที่ 237 ใ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 236 ไม่มีอิสระของโสมเลยสักนิด / ตอนที่ 237 ใจคนเปลี่ยนง่าย

ตอนที่ 236 ไม่มีอิสระของโสมเลยสักนิด

ฉินหลิวซีกลับมาถึงบ้านฟ้าก็ใกล้สว่างแล้ว ฉีหวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงคลุมผ้าเดินออกมาจากห้องด้านข้าง เมื่อเจอคน ยังไม่ทันเอ่ยปาก จมูกพลันได้กลิ่นโสมเข้มๆ

“คุณหนู ท่านออกไปทั้งคืนเพื่อไปหาสมุนไพร ไปเก็บโสมหรือเจ้าคะ” โสมนี้คงมีอายุแล้วกระมัง กลิ่นเข้มเพียงนี้ เพียงได้กลิ่นก็ตื่นตัวแล้ว

ฉินหลิวซีดูเหน็ดเหนื่อย หยิบปีศาจโสมน้อยออกมาจากแขนเสื้อโยนออกไป “บังเอิญเจอตอนไปตามหาร่องรอยของราชาผีเป่ยฟาง ฝึกบำเพ็ญจนมีจิตวิญญาณแล้ว เจ้าขุดหลุมในสวนสมุนไพรฝังเขาลงไปเลี้ยงก็พอ”

ฉีหวงยกสองมือขึ้นมารับสิ่งที่อีกฝ่ายโยนมา นางรับปีศาจโสมน้อยเอาไว้ก่อนจะก้มลงไปมอง โสมอวบอ้วนมาทั้งรากทั้งโคน เป็นที่พึงพอใจของคนได้ดีนัก กลิ่นเข้มปะทะจมูก

ส่วนปีศาจโสมน้อย หลังจากที่เข้ามาในเขตเรือนก็จมไปกับพลังวิญญาณในเรือน ไม่คิดว่าเมื่อออกจากมาจากเกิงต้งแล้ว ต้าเฟิงยังมีสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเช่นนี้ มันแทบเมาแล้ว

ในตอนที่กำลังจะมัวเมาไปกับพลังวิญญาณ จู่ๆ ก็ถูกฉินหลิวซีโยน เมื่อได้ฟังคำของนาง พลันตื่นขึ้นมาทันใด รู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมา

อย่างน้อยมันก็เป็นปีศาจโสมพันปีนะ บำเพ็ญเพียรจนมีจิตวิญญาณ กลับถูกขุดหลุมโยนลงไปง่ายๆ อย่างนี้หรือ

ปีศาจโสมน้อยยังไม่ทันได้ทัดทาน ฉินหลิวซีก็ปรายตามองมันเล็กน้อย เอ่ย “ภายในครึ่งปี ถ้ายังไม่ออกผล ก็เตรียมตัวเอาไปทำยา”

ฉีหวงสัมผัสได้ว่าเจ้าโสมน้อยในมือตัวสั่น นางจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ลูบรากของมันเบาๆ “ไม่ต้องกลัว”

เจ้าโสมน้อยอยากร้องไห้ ฮือๆ จะไม่กล้วได้เยี่ยงไร คนผู้นี้ช่างเหี้ยมโหดเพียงนี้

ฉินหลิวซีออกคำสั่งฉีหวงเสร็จก็เดินหาวหายเข้าไปในห้องนอน เพียงแต่หลังจากเข้าห้องนอนไปแล้ว เสียงของนางพลันดังออกมาอีก “เก็บกลิ่นของเจ้าสักหน่อย ถ้าเรียกสิ่งที่ไม่สมควรมา ข้าจะจับเจ้าทำยาเสีย”

ปีศาจโสมน้อย “!”

จบแล้ว ไม่มีอิสระของโสมเลยสักนิด

ฉีหวงหัวเราะแล้วเคาะศีรษะของมัน เอ่ย “คุณหนูปากร้ายแต่ใจอ่อน นางกำลังเตือนเจ้า ในเมื่อเจ้าบำเพ็ญเพียรจนมีจิตวิญญาณแล้วเจ้าก็ควรรู้ว่าตนเองมีค่า อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่ผีสางเหล่านั้นยังต้องอิจฉาร่างกายของเจ้า เก็บกลิ่นสักหน่อยปัญหาจะได้น้อยลง”

แม้พวกมันจะไม่กล้าเข้ามาในเรือน แต่หากเกิดมีสิ่งที่ไม่กล้วตายเล่า

ปีศาจโสมน้อยได้ยินคำของฉินหลิวซีก็เก็บกลิ่น เอ่ย “ข้ารู้แล้ว พี่สาวท่านมีนามว่าอย่างไร”

“ข้าชื่อฉีหวง เป็นคนของคุณหนู” ฉีหวงเอ่ย “ต่อไปเจ้าติดตามคุณหนู แน่นอนว่าเป็นความโชคดีของเจ้าเอง”

เอ่ยเช่นนี้แล้ว ปีศาจโสมน้อยรู้สึกประหลาดใจ ฉินหลิวซีดีเพียงนี้จริงๆ หรือดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

มันมองฉีหวงเอ่ยอย่างอ่อนโยน พอรู้จักเรื่องน้ำใจมอบของขวัญพบหน้าของโลกมนุษย์อยู่บ้าง อดทนต่อความเจ็บปวดแล้วดึงรากเล็กๆ ของตนเองออกมาหนึ่งรากจากนั้นวางลงบนมือของนาง เอ่ยด้วยเสียงเล็กน่ารัก “ต่อไปต้องให้พี่สาวฉีหวงดูแลแล้ว ข้าเป็นโสมพันปี เจอกันครั้งแรกคงให้ได้เพียงสิ่งนี้ หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ” มันชะงักไปชั่วครู่ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “รอข้าออกผลแล้ว จะให้ท่านหนึ่งผล”

ฉีหวงยิ้มตาหยี รู้สึกดีกับมันยิ่งขึ้นไปอีก เอ่ย “รากเล็กๆ ของโสมพันปีเงินหนึ่งพันตำลึงก็ไม่อาจแลกได้ ขอบคุณเจ้ามาก ไปกัน ข้าจะไปหาพื้นที่ดีๆ เลี้ยงดูเจ้า”

ด้านในห้อง ฉินหลิวซีฟังการสนทนาของหนึ่งคนหนึ่งโสม พลิกตัวก่อนจะบ่นพึมพำ “อยู่เป็นจริงๆ หึ”

นางหลับตานอนหลับไป ทว่าไม่รู้ว่าในตอนที่ปีศาจโสมน้อยเข้ามาในจวน กลิ่นได้คละคลุ้งออกไปทั่วทั้งถนนด้านนอก และบ่าวรับใช้ที่กำลังสะลึมสะลือได้สูดกลิ่นโสมก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา คิดในใจว่าบ้านใดวางท่าใหญ่โต ตุ๋นโสมแต่เช้า กลิ่นเข้มเพียงนี้ ต้องใส่โสมมากเพียงใดกัน

ตอนที่ 237 ใจคนเปลี่ยนง่าย

เรือนงดงามริมแม่น้ำ อวี้ฉังคงนั่งอยู่ในเรือน ตรงหน้ามีกระดานหมากล้อมวางอยู่ เขาถือเอาไว้หนึ่งตัว วางหมากกับตนเอง

ซื่อฟังหาวขึ้นมา แม้คุณชายของตนจะมองได้อย่างเจริญหูเจริญตา แต่มองเขาวางหมากกับตนเอง ทำให้ง่วงจริงๆ

เขามองไปยังต้าฉยง นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างประตู สองมือประสานเดินลมปราณภายในอยู่เงียบๆ

ลุงเฉียนเดินมาจากนอกเรือน ซื่อฟังลุกขึ้นยืนตรง ยกมือประสานหันไปหาลุงเฉียน

“คุณชาย” ลุงเฉียนถือม้วนกระดาษหนึ่งม้วนเข้ามา

อวี้ฉังคงไม่เงยหน้า ส่งเสียงอืม ก่อนจะถาม “ดูพวกเขาปิดผนึกรูปปั้นหล่อทองนั่นแล้วหรือ”

“คุณชายวางใจ ปิดผนึกเรียบร้อยแล้วขอรับ ตอนบ่ายก็ส่งไปยังอารามชิงผิงได้แล้วขอรับ ทันเวลาพิธีเบิกเนตรพรุ่งนี้อย่างแน่นอนขอรับ” ลุงเฉียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

อวี้ฉังคงเงยหน้าขึ้นมา มุมปากยกยิ้มจางๆ “เช่นนี้ก็ดี”

ลุงเฉียนมองดวงตาเปล่งประกายพราวแสงคู่นั้นของเขา พลันคิดถึงขึ้นมาชั่วครู่ ดวงตาของคุณชายมองเห็นแล้ว เหมือนกับดวงตาของคุณหนูเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่มาก

อวี้ฉังคงเห็นสีหน้าของชายชราที่แสดงออกว่ากำลังรำลึกย้อนถึงเรื่องในอดีต เขาเก็บรอยยิ้ม สายตามองไปยังม้วนกระดาษในมือของเขา “มีเรื่องอะไรหรือไม่”

ลุงเฉียนได้สติ สีหน้าจริงจัง เอ่ย “คุณชาย ที่ตระกูลส่งข่าวมาว่านายท่านป่วยขอรับ พวกเราคงต้องกลับตระกูลแล้ว”

สีหน้าของอวี้ฉังคงพลันเปลี่ยน รับม้วนกระดาษมาเปิดออกดู ด้านบนมีตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว บอกว่าหัวหน้าตระกูลป่วยไม่ได้สติมาสองวันแล้ว รอให้กลับไปดู”

เขากำจดหมายแน่น เม้มริมฝีปาก ดวงตางดงามปรากฏสีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นมาหลายส่วนโนเวลพีดีเอฟ

“คุณชาย”

“รอพรุ่งนี้ร่วมงานพิธีเสร็จสิ้น ก็กลับตระกูลเถิด” ดวงตาของอวี้ฉังคงมีความเบื่อหน่ายพาดผ่าน

ลุงเฉียนอยากบอกว่าหากไม่อยากกลับไปจริงๆ จะอยู่ที่นี่ต่อนานสักหน่อยก็ได้ อย่างไรเมื่อออกมาอาศัยอยู่ในเมืองหลี รอยยิ้มของคุณชายก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่ดวงตาคู่นี้สามารถมองเห็นแล้ว ก็ยิ่งร่าเริงขึ้นมาบ้าง

ความจริงแล้วคุณชายไม่ชอบอยู่ในตระกูล

แต่ยามนี้หัวหน้าตระกูลป่วย อีกทั้งยังสลบไสล เขายังไม่อาจห้ามคุณชายให้กลับไปแสดงความกตัญญู อย่างไรนั่นก็คือปู่แท้ๆ

“คุณชายอยู่ต่ออีกสักสองวันก็ได้ขอรับ” ลุงเฉียนเอ่ยอึกอัก

อวี้ฉังคงส่ายศีรษะ “กลับเถิด ข้าก็อยากกลับไปดูหอตำรา”

ตำราข้างนอก อย่างไรก็ไม่อาจเทียบตำราในหอตำราสกุลอวี้ เขามีตำราหลายเล่มที่อยากหาออกมาอ่าน อีกทั้งจดหมายส่วนตัวของท่านพ่อ

เพียงแต่การไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับมาเมืองหลี เขายังไม่ทันได้เรียนรู้การควบคุมดวงตาคู่นี้ที่มองเห็นไอดีไอร้าย

อวี้ฉังคงมองคนตัวเล็กที่ตนหนีบออกมาด้วยตนเอง มองผิวเผินก็คือกระดาษหนึ่งแผ่น ไม่เหมือนกระดาษที่ฉินหลิวซีหนีบออกมา มีจิตวิญญาณและขยับได้

หากเขาไปแล้ว นางจะใช้คนกระดาษส่งจดหมายมาให้ตนหรือไม่

หมากสีขาวในมืออวี้ฉังคงวางลงช้าๆ กำลังวางลงในตำแหน่งที่มีสีดำล้อมรอบ นับจากนี้หมากขาวจะต้องแพ้ทั้งกระดาน

เขาราวกับหวาดกลัวที่จะได้มาและหวาดกลัวที่จะสูญเสียไปเมื่อได้มันมาแล้ว

ไม่เหมาะสม

อวี้ฉังคงโยนหมากสีดำลงในถ้วยหมาก เกาะขอบหน้าต่างลุกขึ้นยืน สายตาค่อยๆ เยือกเย็นประดุจน้ำแข็ง

หากอยากเดินเส้นทางที่ดี ขวากหนามตรงหน้าเขาก็จำต้องทำให้ราบเรียบเสียก่อน มิเช่นนั้นเกรงว่าคงไม่อาจเบียดเข้าไปในเส้นทางตรงหน้าได้

“หลังจากกลับไป ค่อยส่งจดหมายให้สำนักอวิ๋น ให้พวกเขามามาพบข้า”

ใบหน้าของลุงเฉียนยินดีขึ้นมา “ในที่สุดคุณชายก็คิดได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

อวี้ฉังคงมองมา ใบหน้าไร้ความยินดี ทว่าเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “ลุงเฉียนอย่าเพิ่งดีใจ สิบปีแล้ว ทุกคนยินดีรอข้าจริงๆ หรือ”

ลุงเฉียนชะงัก “ได้อย่างไรขอรับ คุณหนูมีบุญคุณกับพวกเขายิ่งใหญ่ดุจขุนเขา คุณหนูสร้างสำนักอวิ๋นมาเองกับมือ ก็ควรเป็นของท่าน”

“คนตายเหมือนไฟดับมอด” อวี้ฉังคงหลุบตาลง น้ำเสียงบางเบา “คนจากไป ชาก็เย็นแล้ว[1]”

และใจคนก็เปลี่ยนได้ง่าย

[1] คนจากไป ชาก็เย็นแล้ว หมดอำนาจก็ไม่มีคนสนใจ