ตอนที่ 50

Dungeon Defence

ราชาเเห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเหลียน

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 2 วันที่ 12

ที่ราบ ยอทวิงเจียน, กองกำลังพันธมิตรจอมมาร

— ไอ้มนุษย์ต่ำช้าแบบพวกมันคลานออกมาจากรูไหนกันฮะ?

— อ่า เเกไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของดันทาเลี่ยนมาก่อนหรอกเรอะ ไอ้ที่ว่าเป็นจอมมารที่ชอบผู้หญิงเลวผมสีชมพูเลือดผสม และอีกคนก็ผู้หญิงมนุษย์ผมบลอนด์ที่อยู่ข้างๆน่ะ

—โอ้ ชีส จอมมารตนนั้นน่ะเอง คนที่มีนิสัยแปลกๆพอสมควรน่ะ เขาลากนังสายเลือดผสมมานอนร่วมเตียงเดียวกันด้วยเรื่องจริงใช่มั้ยเนี่ย?

— เขาว่ากันว่าคนที่เกิดมาต้อยต่ำเนื้อตรงนั้นน่ะโคตรจะเเน่นเลย รู้หรือป่าว?

– มนุษย์? กำลังจะบอกว่าทั้ง 2 คนมีสายเลือดมนุษย์น่ะเหรอ?

Ο

กองกำลังพันธมิตรจอมมาร รวมกลุ่มกันเป็นฝูง ใช้คำว่า ฝูง คงจะดูล้าสมัยไปสักหน่อยสินะ คงต้องขยายความคำพูดให้ชัดๆอีกหน่อยล่ะมั้ง

ผมเป็นคนเชื่อว่าคำพูดน่ะมีชีวิตนะ ตัวอย่างเช่น คำที่คล้ายกับ “จักรวาล” นั้นล้าสมัยเกินกว่าผมจะใช้ไปเเล้ว ผมชอบใช้คำว่าโลกใบนี้มากกว่าคำว่าจักรวาลนี้เสียอีก หากใครต้องการเป็นคนเเยกเเยะสามัญสำนึก โดยการแยกแยะภาษาที่ตายแล้วและภาษาร่วมสมัยออกจากกัน บางครั้งคุณต้องนำภาษาที่ตายไปแล้วมาใช้อีกครั้ง และในบางครั้ง ก็ต้องเอาชนะภาษาที่ตายไปแล้วโดยปล่อยให้มันตายไม่ต้องกลับไปใช้ภาษานั้นอีกน่ะสิ

เมื่อไม่มีใครรู้จะมาว่างให้โต้วาที ผมจะเป็นคนขัดเกลาภาษาอย่างวิจิตรงดงามนี้เอง ดังนั้นผมจึงบัญัติคำว่า ฝูง เป็นภาษาที่มาใหม่กว่าคำอื่นๆนิดนึง

กองกำลังพันธมิตรจอมมาร มันก็เเค่เป็นกลุ่มก้อนอาจม

ทันทีที่เราจะเข้าไปในประตูค่ายก็มีธงมากมายบดบังทางข้างหน้าของพวกเรา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทหารที่น่าสงสารเฉกเช่นคนบ้าก็เข้ามาหาและเริ่มพูดเรื่องไร้สาระ

— ฝ่าบาทที่เคารพ ท่านดันทาเลี่ยน! ท่านนำมนุษย์ตัวเมียมายืนอยู่ต่อหน้าพวกเราที่กำลังจะจัดทัพเพื่อทำสงครามล้างบางมนุษย์ทำไม เราไม่สามารถเข้าใจเจตนาอันไร้ข้อคิดของท่านได้เลย ฝ่าบาทที่เคารพถ้าท่านสนุกกับเหล่าโสเภนีพวกนี้มากพอเเล้ว ขอโปรดให้พวกเราที่ต้อยต่ำได้ลิ้มลองด้วยบ้างเช่นกันสิ!

— นังตัวของท่านเป็นที่โจษจันถึงความเป็นหญิงแพศยาขั้นเอก เป็นที่ประจักษ์ชัดว่านางยืนหนึ่งในการเป็นโสเภนี ถ้าเธอแข็งแรงมากในตอนกลางวัน แค่จินตนาการว่าเธอเป็นเด็กกำดัดแค่ไหนในตอนกลางคืนก็

ทำให้แทบคลั่งเเล้ว

Ο

เมื่อมองดูทหารที่ขวางทางเรา ผมก็ถอนหายใจ

เมื่อเห็นว่าพวกมันเข้ามาหาเราโดยไม่กลัวอะไรเลย เป็นเพราะว่าพวกมันเป็นทหารเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจอมมารที่มีตำแหน่งสูงกว่าผมมากสินะ สำหรับปีศาจแล้ว มนุษย์เป็นศัตรูของพวกเรา สถานะทางสังคมของพวกมนุษย์ก็ถือเป็นเเค่พวกไพร่ สำหรับปีศาจเเล้ว การที่จอมมารอย่างผมทำให้มนุษย์เช่น ฟาร์นาเซ่ เป็นเเม่ทัพคงจะเห็นว่าเป็นความผิดพลาดอย่างแน่นอน ผมว่าต้องด่าพวกเเม่งให้เจียมตัวสักหน่อยเเล้ว

“ดูเหมือนว่าพวกเเกจะโง่จนเสียสติไปแล้วนะ ขยับตัวเเกออกไปซะก่อนที่ลูกกะโปกของเเกจะถูกเอาออกมาและยัดกลับเข้าไปในปากเเทนที่

เหล่าทหารหัวเราะเสียงดัง

Ο

— ฝ่าบาทที่เคารพ ที่ท่านพูดออกมา ท่านจะเป็นคนลงมือด้วยตัวท่านเองเลยเนี่ย นับเป็นความกรุณามหาธิคุณจริงๆ เมตตาจนไม่รู้ว่าพวกเราควรจะวางตัวเองไว้ตรงไหนดีเลยเนี่ย

ผู้แปล: (โลกปีศาจถือวรรณะจอมมารอันดับ1เเละจะไม่เเตะต้องตัวพวก ชั้นต่ำกว่าเด็ดขาด เผื่อลืมกันเเล้ว)

Ο

ฝูงทหารแบ่งแยกออกจากกันผ่าครึ่งและในที่สุดเส้นทางของเราก็เปิดออก

“อดทนได้ดีมาก ฝ่าบาท”

“ผมต้องทนอะไรกัน พวกเธอต่างหากที่เป็นคนที่ได้รับการเยาะเย้ย ทั้งสองคน…อดทนได้ดีมาก”

“ฝ่าบาทกำลังพูดถึงอะไร? เดี๊ยวต่อมาฝ่าบาทก็คงคิดจะปลิดชีวิตทหารพวกนั้นอย่างลับๆเเล้ว เพราะฉะนั้นฝ่าบาทคงไม่อดทนได้นานขนาดนี้หรอก การดูถูกที่ผู้นี้ได้รับย่อมต้องได้รับการเอาคืนด้วยเช่นกัน

“……”

ทหารเหล่านั้นช่างน่าสงสาร ผมยังจำวิธีที่สาวใช้คนหนึ่งถูกวางยาพิษจนตายเพราะดูถูกลาพิสได้ดี คนพวกนี้ควรจะมีความสุขนะ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ได้ตายโดยที่ศพยังอยู่ครบ 32

ฟาร์นาเซ่พึมพำ

“หญิงสาวคนนี้ไม่เข้าใจ เหตุใดทหารทุกคนที่มองดูหญิงสาวคนนี้จึงคิดผิดว่าหญิงสาวคนนี้หลับนอนกับฝ่าบาทกัน? เมื่อคิดอย่างมีเหตุมีผล ย่อมไม่มีโอกาสเลยที่ผู้ชายอย่างฝ่าบาทจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่บนเตียงของหญิงสาวคนนี้ได้”

“คิดจริงจังกับสถานการณ์มากกว่านี้หน่อย เด็กโง่”

ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเด็กคนนี้มักจะขังตัวเองอยู่ในห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งวันหรือเปล่า แต่เธอไม่มีไหวพริบที่มองความเป็นจริงเลย

ผู้ติดตามของผม ไม่ได้มีอะไรที่เเตกต่างจากคนธรรมดามากนัก เเละเพราะจริงๆแล้วพวกเธอไม่ได้ทำอะไรที่ต่างเเตกเลยนอกจากลักษณะเฉพาะตัว มันเลยกลายความแตกต่าง พวกเราเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของค่าย ทหาร ปีศาจต่างเยาะเย้ยพวกเราเเห่พากันร้องตะโกนกู่ร้อง ‘บู— บู—’ลากยาวเเละพวกเขายังเรียกผมว่า ‘ราชาแห่งพวกไพร่อีก(The King of Peasants)’, เรียกลาพิส เป็น ‘ ราชาอีตัว (The King’s Whore)’ และ ฟาร์นาเซ๋ ถูกเรียกว่า ราชาขี้ข้า ( ‘The King’s Slave’) รู้สึกเหมือนจู่ๆ พวกเราก็กลายเป็นวงไอดอลยอดนิยมไปเลยเเหะ

ควรจะซึ้งใจดีไหมเนี่ย.

สำหรับพวกมันเเล้ว ทุกๆวันมันช่างเป็นวันที่เลวร้าย ดังนั้นชีวิตของพวกมันสมควรเเล้วที่จะเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป แต่พวกมันกลับมาดูถูกดูหมิ่นพวกไพร่และทาส เพราะพวกมันน่าจะทนทุกข์ทรมานเพราะพวกขุนนาง กดดันโดนดูถูกมาสินะ และสิ่งเดียวที่จะรองรับอาร์มนั้นได้ก็มีเเค่พวกชนชั้นล่างที่ต่ำกว่าพวกเขานั่นก๋ช็คือ พวกไพร่และทาสนั่นเอง มันกลายเป็นสถานการณ์ที่สิ่งที่พวกมันได้รับจากขุนนางถูกส่งต่อไปยังคนที่อยู่ชนชั้นล่าง อะไรจะปลอบใจพวกเขาได้บ้างกัน มีอะไรจะพูดได้อีกล่ะ ถึงความสมเหตุสมผลของคนต่ำต้อยเหล่านี้ที่ไม่สามารถต่อต้านได้ แต่กลับหันมาต่อสู้กันเองแทนงั้นเหรอ? พวกที่กดดันให้พวกมันไม่ให้มองขึ้นไปข้างบนเเละเห็นเเจ้งถึงพวกที่อยู่บนหอคอยงาช้างคือพวกขุนนางและราชวงศ์เช่นตัวผม ดังนั้น สิทธิที่จะลงโทษพวกมันเพราะมาดูถูกคนของผมจึงไม่ได้อยู่ที่นี่เเละผมก็ไม่มีสิทธิจะไปลงโทษพวกมันได้อีก

“ดูเหมือนว่ามีคนจำนวนมากที่เราจะต้องไปฆ่าเลยสินะ”

……ยกเว้นลาพิส

เนื่องจากลาพิสเป็นเด็กผู้หญิงที่เกิดที่ชนชั้นจุดต่ำสุดอย่างแท้จริง สำหรับเธอ เธอจึงมีสิทธิ์มากเกินพอที่จะส่งหัวของผู้ที่อยู่เหนือเธอบินออกจากบ่าได้ เธอเป็นผู้หญิงที่ผมยังหยุดไม่ได้ ไม่มีใครหยุดเธอได้ ผมสวดอ้อนวอนขอให้วิญญาณของพวกมันที่เจ็บปวดเหล่านั้นสงบลงล่วงหน้า ขอให้เดินทางผ่านไปสู่นิรันดรนะ

ขณะนี้เรากำลังเดินผ่านค่ายทหารแห่งหนึ่งอย่างเชื่องช้า ทหารเริ่มโยนกองหิมะใส่เรา พวกของผมก็เริ่มสับสนและหยุดการก้าวล่วงของพวกมัน สมาชิกทั้ง 11 คน ของ เหล่าพี่น้องเบอร์เบเร่ ( Berbere Sisters) ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้คุ้มกันของผม ได้เข้ามาล้อมรอบพื้นที่รอบๆ ตัวผมในทันที

หิมะถูกปาชนเข้ากับแม่มด หิมะโดนทั้งหน้าผาก แก้ม และลำตัว เนื้อตัวของเเม่มดเต็มไปด้วยเศษหิมะสกปรก แม่มดอดทนทำหน้าที่เป็นเขื่อนกั้นหิมะอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งรอบบริเวณนี้กลายเป็นความโกลาหลโดยสมบูรณ์ พวกเธอไม่ได้พูดอะไรสักคำในขณะที่ถูกปาหิมะใส่ เฉกเช่นเดียวกับที่พวกเธอเคยถูกจอมมาร เเอนโดรมาเลียส ทำร้ายในอดีต

Ο

– ด้วยความเคารพนะฝ่าบาท หญิงคนรักของท่านเป็นเเค่ จัณฑาล ส่วนเเม่ทัพก็เป็นเเค่มนุษย์ และผู้คุ้มกันของฝ่าบาทก็เป็นเเค่แม่มดอีก ฝ่าบาทที่่น่าเคารพของพวกเราช่างมีศรัทธาอันเเรงกล้างดงามจริงๆงดงามเสียดแทงจนทะลุท้องฟ้าไปเลยทีเดียว สมกับเป็นราชาแห่งพวกไพร่จริงๆ

— ฝ่าบาทต้องโชคดีมากๆเลยที่ได้รับความนิยมจากสตรีนางทั้งหลายข้างกายฝ่าบาท โอ้ฝ่าบาทที่เคารพได้โปรดสอนพวกเราถึงวิธีการหลับนอนกับหญิงชนชั้นต่ำให้หน่อยสิเดี๊ยวพวกเราจะเอาวิธีของท่านไปบอกต่อให้มันกระจายไปทั่วโลกเลย

Ο

หิมะสกปรกยังคงปามาหาเรา พวกมันไม่ได้เล็งมาที่ผมแต่กำลังขว้างหิมะใส่พวกแม่มด ถึงอย่างนั้น แม่มดที่เป็นห่วงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็ไม่ทิ้งผมไว้แม้เป็นเวลาเพียงนิดเดียว แม่มดทำเเค่ปกป้องผมด้วยการแสดงออกอย่างอดทนบนใบหน้าเท่านั้น

“……ลาพิส”

“คะ ฝ่าบาท?”

“ธงกระดูกวัวพวกนั้นมันเป็นของฝ่ายไหน”

“มันเป็นรูปแพะสามขาถูกชักอยู่บนธง เป็นของจอมมารลำดับที่ 12 สิตรี ทหารที่นำโดยสิตรีมีชื่อเสียงในเรื่องความคล่องแคล่วและนิสัยการพูดจาที่หยาบคาย”

“จริงด้วยสินะ”

ผมถอนหายใจออกมา

“ถ้าอย่างนั้นถ้าผมจะกรีดคอทหาร มันก็เหมือนกับการทำให้ฝ่ายขุนเขาเป็นศัตรูของเรา”

สิตรี เป็นคนภักดีต่อ ไพม่อน แม้ว่าพวกเขาจะก่อกวนเราก่อน เหตุการณ์ใหญ่ก็อาจเกิดขึ้นได้หากผมเลือกที่จะฆ่าพวกมันโดยไม่คิด

ไม่สิ พวกมันอาจจะเริ่มก่อความวุ่นวายนี้เพื่อทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นโดยตั้งใจ หากสถานการณ์ปัจจุบันเลวร้ายลง ก็จะมีพวกที่จะใช้การตัดสินใจของผมกล่าวหาว่าเพราะใช้มนุษย์เป็นเเม่ทัพเลยก่อปัญหาออกมา และทำให้มันกลายเป็นที่โจษจัณของผู้คนแน่ๆ ไพร่พลต่างๆอาจจะไม่พอใจเพียงเพราะผมทำให้บุคคลที่ไม่มีศักดิ์ศรีมาเป็นเเม่ทัพในกองทัพของผม

ถ้ามันเกิดขึ้นผมก็จะกลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ พวกมันจะเยาะเย้ยและลากผมเข้าสู่สถานการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์สำหรับพวกมันเอง ผมควรจะจัดการยังไงดีนะ? ผมจะจัดการกับความยุ่งเหยิงนี้อย่างไรดี……?

ผมสงสัยว่าระบบมันคงตรวจพบว่าผมตกอยู่ในห้วงความคิดลึก ๆ สินะ ด้วยเอฟเฟกต์เสียงที่ดูทันสมัย หน้าต่างการเลือกปรากฏขึ้นต่อหน้าผม

Ο

[1. ลงโทษต่อการดูถูก]

[2. อดทนต่อการดูถูก]

Ο

ผมมองดูคำที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าพวกทหารจะขว้างก้อนหิมะใส่จอมมารอย่างตัวผม เเต่มันก็ไม่ได้มาโดนผมเลย การดูถูกเหยียดหยามของพวกมันกระทำใส่เเค่บุคคลที่มีจุดยืนคล้ายๆกันเท่านั้น แล้วถ้าเปลี่ยนกันล่ะถ้าพวกทหารมาปาหิมะใส่ผมแทนล่ะ?

ด้วยปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้ ประเด็นของเรื่องก็คือเกียรติยศของใครที่ถูกทำให้แปดเปื้อน ตอนนี้มีเพียงเเค่แม่มดที่ทนรับความสกปรกเเทนผม แต่หากผมไม่ทำอะไรเลยเเละปล่อยผ่านสถานการณ์ไปเเบบนี้ เมื่อนั้นเกียรติของผมในฐานะกษัตริย์ก็จะเสียหายไปด้วย ฟาร์นาเซ่ คงจะกังวลเรื่องนี้เหมือนกัน เลยมากระซิบคำบางอย่างกับผม

“เรานั้นไม่ชอบใจเลย”

ส่วน ลาพิส กระซิบกับผมด้วยน้ำเสียงที่ต่ำที่อีกด้านหนึ่งของผม

“เราเห็นว่านี่เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวเท่านั้นที่เป็นการดูถูกฝ่าบาทอย่างออกนอกหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจอมมาร สิตรี กำลังสนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง ไม่มีประโยชน์ใดเลยที่ฝ่าบาทจะต้องการปะทะกับสิตรี โปรดละเว้นการกระทำที่ฟุ่มเฟือยเถิดฝ่าบาท”

“ความอดทนจะเป็นวิถีเดียวของกษัตริย์ได้อย่างไร? พี่ลาพิส พี่ไม่เคยอดทนหลับตาต่อการเยาะเย้ยที่ได้รับมาบ้างเลยด้วยซ้ำ แต่พี่กลับจะขอให้ฝ่าบาทเมินต่อความอัปยศที่เขาได้รับได้อย่างไรงั้นหรือ

“ในเมื่อเราคนนี้เป็นข้าราชบริพารที่ถ่อมตน เป็นเรื่องปกติที่เราคนนี้จะประพฤติตนเป็นพื้นฐาน ความเอื้ออาทรของคนที่ถ่อมตนคือการลืมตัวตนของตัวเองและประพฤติตนด้วยความอวดดี ความอัปยศเป็นความตื้นเขินที่เหมาะที่จะทำในตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ ยังไงก็ตาม วิถีเเห่งความสูงส่งของเธอมันจะแตกต่างออกไป ขอเถอะโปรดอดทนมันไว้ซะ”

ผมเปิดปากพูด

“หยุด.”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยการหยุด ฝ่าบาท หญิงสาวคนนี้เป็นลูกนอกกฎหมายของสาวใช้ที่ต่ำต้อย จึงสมควรที่หญิงสาวคนนี้จะถูกดูหมิ่น อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนนี้ควรอดทนต่อสถานการณ์ที่เจ้านายของเธอถูกเยาะเย้ยอย่างไม่ยุติธรรมได้อย่างไร? โปรดสั่งให้หญิงสาวคนนี้ไปนำหัวพวกมันมาเถอะ”

“ฝ่าบาท ฟาร์นาเซ่ยังเด็กอยู่ อย่าไปฟังเธอ แม้ว่าปวงชนจะสรรเสริญฝ่าบาท ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก และถึงแม้ผู้คนจะเย้ยหยันในตัวฝ่าบาท ศักดิ์ศรีของพระองค์ก็จะไม่มีวันเสียหาย ได้โปรดพิจารณาด้วย.”

“เชสสสสส(เสียงไรฟัน) ผมบอกพวกเธอแล้วว่าให้หยุด แต่เธอสองคนก็ยังมาทะเลาะกันอีก”

ผมยกมือขวาขึ้น

ทันทีที่ผมทำอย่างนั้น แม่มดทั้งหมดก็ยกไม้เท้าขึ้นพร้อมกัน กองทหารของผมที่แตกต่างจากกองทหารของพวกมัน ต่างยกหอกขึ้น กองทหารของผมซึ่งประกอบด้วยทหาร 4,000 นายใช้เวลาไม่เกินสองสามวินาทีในการแสดงพละกำลัง

แคมป์ก็เงียบลง ความเงียบที่ดุดันซึ่งรู้สึกราวกับว่าการต่อสู้สามารถปะทุขึ้นได้ทุกวินาที แม้แต่ทหารที่กำลังปาหิมะใส่เราก็ยังดึงดาบออกมาด้วยมือที่เปื้อนไรหิมะ เเต่พวกมันก็ยังคงพูดจ้อใส่ผมไม่ยอมหยุด

Ο

— ฝ่าบาทที่เคารพท่านวางแผนที่จะตัดหัวพวกเราที่ต่ำต้อยได้ลงคอหรือ? ไม่เป็นไรหรอก. เพราะว่าท่านก็เคยได้แทงคอของฝ่าบาทอันโดรมาเลียสเพื่อช่วยชีวิตของซัคคิวบัสโสเภณีตรงนั้นมาก่อนนี่ จากนั้นก็คงฆ่าพวกเราหลายสิบหรือหลายร้อยคนที่เป็นผู้ต่ำต้อยเพื่อเห็นแก่แม่มดพวกนี้อีกก็เป็นไปได้ใช่ไหมล่ะ?

— ก้าวข้ามศพของเราไปเลย ด้วยพระเกียรติอันล้นฟ้าที่ท่านมี

Ο

ผมลงจากหลังม้า ผมเช็ดคราบหิมะสกปรกที่เปื้อนใบเหล่าหน้าแม่มดด้วยเสื้อผ้าของผม หิมะมีรอยเปื้อนค่อนข้างมากจึงไม่ถูกเช็ดออกโดยง่าย ทำให้เสื้อผ้าท่อนล่างของผมเปียกไปหมด ผมเช็ดผิวของแม่มดให้สะอาด

Ο

—……

Ο

วงศ์วานเเห่งชนชั้นสูงที่สุดในโลกปีศาจกำลังทำความสะอาดใบหน้าของชาวไพร่ ทหารหลายแสนนายเฝ้าดูภาพขณะกลั้นลมหายใจ ภายในบรรยากาศที่หนักอึ้ง มีเพียงแม่มดเท่านั้นที่พูดคุยและหัวเราะคิกคักอย่างเงียบๆ

“อ่าฮะ ท่านเป็นมาสเตอร์ของพวกเราจริงๆด้วย……”

“วิธีคิดของเขาผิดปกติไปจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”

“แน่นอนอยู่เเล้ว-?”

(หมายเหตุ TL: เปลี่ยนวิธีที่แม่มดเรียก Dantalian เป็น ‘Master’ คำดิบที่ใช้สามารถแปลเป็นทั้ง ‘Lord’ และ ‘Master’ แต่หลังจากพิจารณาแล้ว ดูเหมือนว่า ‘Master’ จะเหมาะสมกว่า )

ผมกระซิบบอกพวกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เงียบไปเลย อย่าทำให้เสียอารมณ์”

“โรเจอร์”

แม่มดตอบอย่างแผ่วเบา แม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้าของผมจะเเสดงออกว่าให้อดทนเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน ผมทำความสะอาดแม่มดทั้ง 11 คนด้วยความจริงใจ

หิมะโคลนที่ไหลออกมาจากแม่มดก็ย้ายลงมาบนเสื้อผ้าของผม ดังนั้นตอนนี้เป็นผมเองที่เป็นคนเนื้อตัวสกปรก ผมถอดเสื้อคลุมออกแล้วพาดทับไว้กับหัวหน้ากลุ่มเเม่มด ฮัมบาบา หลังจากปัดไหล่ของเธอสองครั้ง ผมก็ขึ้นขี่ม้าอีกครั้ง

“ออกเดินทัพกันต่อ”

“ทั้งหมดก้าวเดิน!”

ฟาร์นาเซ่ ตะโกน

ทหารที่เยาะเย้ยเราอย่างกระตือรือร้นไม่สามารถหยุดการเดินทัพของเราได้ ราวกับว่าพวกเขาเขินอาย พวกมันก้มศีรษะตัวเองลงไป เเละในขณะนั้นเอง บรรทัดล่างสุดในหน้าต่างการเลือกสว่างจ้าและกระจายเป็นเศษลอยไปกลางอากาศ

[การตัดสินใจที่เอื้อเฟื้อและเมตตา!]

[ค่าความรักของแม่มดฮัมบาบาเพิ่มขึ้น 3]

[ค่าความรักของแม่มด (สตีโน)Stheno เพิ่มขึ้น 9]

[ ค่าความรักของเเม่มด (อีไรอลี)Euryale เพิ่มขึ้น 8)

(ไม่รู้ว่า 2 คนนี้ผมเรียกชื่อถูกป่่าวนะใครมีวิธีเรียกถูกๆก็บอกด้วย)

ผมยิ้มขึ้นเมื่อมองดูหน้าต่างที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับหิมะโปรยปราย ผมทำได้ดีอยู่แล้ว คงจำเป็นต้องมีคำชมให้กับผมในเรื่องนี้เเล้วล่ะ เเน่นอนว่าได้ 100% อยู่เเล้ว 100ก็คือ100คะแนน เพราะงั้นไม่ต้องมีอะไรที่ต้องทำเพิ่มไปมากกว่านี้

ลาพิสพูดขึ้น

“95 คะแนน สำหรับฝ่าบาท”

“อาระ? คะแนนนั้นช่างน่าสงสัยจัง อะไรคือสาเหตุของการหักคะแนนกัน?”

“ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเกินไปก็ทำให้ลำบากใจได้เช่นกันว่าไหม?เราคนนี้กังวลว่าฝ่าบาทจะกลายเป็นพวกคนน่าเบื่อ ดังนั้นเราจึงเกรงใจเล็กน้อยด้วยการลบ 5 คะแนน มันก็เหมือนกับการเพิ่ม 5 คะแนนนี่เเหละ นี่คือวิธีการแสดงความจงรักภักดีของเราต่อฝ่าบาท”

แน่นอน.

เหมาะเเล้วสำหรับเธอ

Ο