ตอนที่ 28 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน! 1

หลังจากเรียกสติกลับมา หยางเย่รีบดูสถานการณ์ในร่างกาย อย่างที่คาดไว้ หมาป่าสีเทาที่ถูกทุบจนใกล้จะสิ้นลมกำลังปรับตัวเข้ากับตันเถียนน้ำวนในกายเขา

หลังจากงุนงงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หมาป่าสีเทาแสดงท่าทางดีใจออกมาราวกับมิงค์ม่วงในตอนแรก จากนั้นมันเริ่มตระเวนไปทั่วตันเถียนน้ำวน…

หลังจากตระเวน้ชมได้ชั่วครู่ หมาป่าสีเทาสังเกตว่ามันเป็นบ่อพลังปราณล้ำลึก การค้นพบครั้งนี้มันน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง มันราวกับมนุษย์ที่หิวโหยมาหลายวันและได้ค้นพบอาหารจานโต แม้ดวงตาจะแดงก่ำ แต่หมาป่าสีเทาไม่ได้พุ่งเข้าไปในทันที มันเริ่มอาบน้ำเหมือนสหายตัวจ้อยเมื่อครั้งก่อน มันเดินเข้าเดินออกจากบ่อน้ำ แต่ยังไม่กระโดดลงไปเพราะดูเหมือนกลัวอะไรบางสิ่งอยู่

หยางเย่เปิดตาและมองไปที่มิงค์ม่วง เวลานี้เขาไร้ซึ่งคำพูดใด มันช่างเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เจ้ามิงค์ม่วงจะสามารถส่งสัตว์อสูรเข้าสู่ตันเถียนน้ำวนได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อหมาป่าสีเทาเข้าไปยังตันเถียนน้ำวนแล้ว มันยังดูมีความสุขอย่างมาก เหตุการณ์นี้ทำให้หยางเย่รู้สึกสับสนยิ่งนัก

เหตุใดสหายตัวจ้อยถึงเข้าไปในตันเถียนน้ำวน? เหตุใดสหายตัวจ้อยถึงส่งสัตว์อสูรทมิฬเข้าไปได้ด้วย? เหตุใดหมาป่าทมิฬถึงหวาดกลัวสหายตัวจ้อย? ตันเถียนน้ำวนมันคือสิ่งใดกันแน่? เหตุใดมันจึงน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนี้?

คำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวหยางเย่ ซึ่งมันยังไม่มีคำอธิบายใด

เพราะหลังจากเขาถามเจ้าสหายตัวจ้อย มันก็สับสนเช่นเดียวกับเขา มันส่ายหัวอย่างเดียวเพื่อแสดงออกว่าไม่รู้สาเหตุ หรือบางทีมันอาจปกปิดบางอย่างอยู่

ในที่สุดหยางเย่ก็ยอมแพ้ที่จะถาม จากนั้นเขาชี้ไปยังจุดตันเถียนน้ำวนพร้อมกล่าว “มันสามารถช่วยข้าต่อสู้ในอนาคตได้หรือไม่?”

แม้สหายตัวจ้อยไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่เขาก็ยอมรับสิ่งนี้ได้เพราะมันทั้งน่ารักและตัวเล็ก หากหมาป่าไม่ช่วยเหลือเขาในการต่อสู้ เช่นนั้นเขาคงไม่อาจให้หมาป่าอาศัยอยู่ในตัวได้

มิงค์ม่วงกระพริบตาปริบก่อนจะพยักหน้า

หยางเย่เริ่มหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างพึงพอใจ มันคือสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้า! สัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าที่เชื่อฟังเขา! แค่นึกถึงเสิ่งนี้มันช่างน่ายินดียิ่งนัก!

หลังจากความตื่นเต้นผ่านไป หยางเย่ลูบหัวสหายตัวจ้อยพร้อมพยักหน้าอย่างพึงพอใจพร้อมกล่าวคำ “อืม เจ้าทำได้ดีสหายตัวจ้อย หมาป่าสีเทาเป็นสมุนของเจ้าแล้ว เช่นนั้นจงสอนมันอย่างดีและทำให้มันเชื่องให้ได้ เข้าใจหรือไม่?”

หยางเย่ไม่ใช่คนโง่ หมาป่าสีเทาตอนนี้ยังไม่เป็นมิตรกับเขา แต่มันเป็นมิตรกับสหายตัวจ้อย ทั้งยังเกรงกลัวอย่างยิ่ง ดังนั้น ความรับผิดชอบในการฝึกหัดจึงขึ้นอยู่กับสหายตัวจ้อยเท่านั้น

มิงค์ม่วงกระพริบตาปริบพร้อมพยักหน้า

ผู้คนมักจะมีสภาวะจิตใจที่ดีขึ้นหลังจากพบกับความสุข รอยยิ้มนับไม่ถ้วนปรากฏบนหน้าหยางเย่หลังออกจากถ้ำ จากนั้นเขาเริ่มคิดแผนการใหญ่ ตันเถียนน้ำวนนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก มันไม่ใช่ปัญหาที่จะรองรับสัตว์อสูรทมิฬเพิ่มสักสองถึงสามร้อยตัว หากมีสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าสักร้อยตัว ก็เพียงพอสำหรับบดขยี้ยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ได้!

หยางเย่มีความสุขขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงกองทัพสัตว์อสูรทมิฬพลางแกว่งแขนไปมา

ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มของหยางเย่ต้องชะงัก

เขาเร่งรีบเข้าไปในป่าทึบด้านข้าง จากนั้นเขารีบกลั้นลมหายใจและทำตัวให้เงียบที่สุด

ฟิ้ว!

ผ่านพุ่มไม้ที่หนาทึบ หยางเย่เห็นเงาสีดำจากระยะไกล มันรวดเร็วราวกับภูตผี เมื่อเงาดำปรากฏขึ้นบนยอดไม้ ต้นไม้ไม่ได้สั่นไหวแม้แต่น้อย เงาดำอยู่ห่างจากหยางเย่เพียงสี่สิบเมตรเท่านั้น

มุมปากหยางเย่กระตุก เขาสบถคำหยาบภายใน ‘ไม่นานมานี้ก็ทีหนึ่ง ร่างกายเล็กจ้อยของข้าหรือจะทนรับอสูรกายเหล่านี้ได้?’

เงานั้นสวมผ้าคลุมสีดำ มันไม่วิ่งหนีอีกหลังจากลงมาสู่พื้นดิน แต่กลับพลิกมือขวาปรากฏให้เห็นดาบที่ชุ่มไปด้วยเลือด

กระบี่โลหิตดูไม่ธรรมดา กลิ่นเหม็นคาวของมันโชยออกมา มันเป็นกลิ่นที่หยางเย่สามารถดมได้เล็กน้อยในระยะสี่สิบเมตร

ทันใดนั้นเอง เงาสีขาวขี่ดาบบินทะยานมา ใจหยางเย่เต้นรัวเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของนาง สตรีผู้นี้สวมชุดคลุมลายจันทรา นางมีคิ้วเหมือนกิ่งหลิว ดวงตามองตรง ผิวหนังขาวดุจหิมะ ริมฝีปากที่ดูอวบอิ่ม ใบหน้านางงดงามราวกับหยก ขณะที่นางยืนอยู่บนดาบสีเขียวขนาดใหญ่ ชุดคลุมสีขาวพลิ้วไหว นางดูเป็นบุคคลที่สูงส่งและบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับเทพธิดา มันราวกับรู้สึกผิดบาปยามมองดูนาง

สตรีผู้นั้นรวดเร็วอย่างมาก ทั้งยังดูรวดเร็วยิ่งกว่าเงาสีดำอีก เพียงชั่วครู่นางมาถึงตรงเงาชุดดำพร้อมยืนชี้ดาบหยกไปทางมัน ทันใดนั้นนั้นมีปราณดาบพุ่งออกจากปลายดาบ

‘ช่างงดงามอะไรเช่นนี้! ความร้ายกาจนี้คืออะไรกัน!’ ขณะมองไปยังสตรีที่งดงามราวกับเทพธิดา หยางเย่ถึงกับตกตะลึง นางสามารถบินได้ด้วยดาบ อย่างน้อยก็คงอยู่ขั้นปราณจิตวิญญาณ

แน่นอนว่าเขาไม่ได้หวั่นเกรงกำลังของทั้งสอง แต่หวั่นเกรงว่าทั้งสองจะเปิดศึกต่อกัน หากต่อสู้ที่ตรงนี้ ด้วยกำลังระดับนั้น แรงสะท้านสะเทือนคงทำเขาสิ้นชีพได้นับสิบครั้ง!

“เทพธิดาซู เจ้าจะไม่ปล่อยข้าไปจริงหรือ! เจ้าไล่ล่าข้ามาสองถึงสามวันแล้ว เจ้านึกว่าข้ากลัวงั้นหรือ?” ชายชุดดำมองไปยังสตรีที่ยืนบนยอดต้นไม้ เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง เสียงนั้นช่างดูไม่ระรื่นหูยิ่งนัก มันราวกับเสียงแหลมกระแทกหินทิ่มแทงหูโดยตรง

“หัตถ์โลหิต เหตุใดยังต้องเปลืองลมหายใจ? ตั้งแต่ที่สำนักภูตผีกล้าสังหารคนของสำนักดาบราชันข้า นั่นก็หมายความถึงเจ้าเตรียมใจเอาไว้แล้ว วันนี้คิดหนีกล่าวได้ว่าฝันเฟื่อง!” สตรีผู้ซึ่งถูกเรียกขานเทพธิดาซูกล่าวคำเสียงเย็นเยือก

สำนักปีศาจ? สำนักดาบราชัน? หยางเย่แปลกประหลาดใจอย่างมาก สตรีผู้นี้เป็นคนของสำนักดาบราชัน!? ถูกต้อง นางสามารถบินได้ด้วยดาบ ทั้งดาบของนางยังปล่อยปราณดาบได้! แค่นั้นยังไม่ชัดเจนว่าเป็นคนสำนักดาบราชันอีกหรือ?

“หนี?” หัตถ์โลหิตหัวเราะอย่างเย็นเยือก จากนั้นเขามองไปยังจุดที่หยางเย่หลบซ่อนอยู่

บัดซบ! หยางเย่สบถคำในใจเมื่อเห็นชายชุดดำหันมามองทางเขา

ขณะที่หยางเย่กำลังจะหนี เส้นพลังปราณสีเลือดติดเข้ากับหน้าอก ทำให้เขาร้องโหยหวนออกมาก่อนจะยืนขึ้นและล้มลงบนพื้น