ตอนที่ 83 ความคิดที่เปลี่ยนไป

“ท่านหมอซุน น้องสาวของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

ผู้ที่กำลังจับชีพจรของชิวเหม่ยอยู่นั้นเป็นชายที่มีอายุประมาณ 40 ปี ท่านหมอซุนผู้นี้มีความรู้ในด้านการแพทย์ที่สูงมากจนได้รับการยกย่องจากผู้คนมากมาย พูดได้เลยว่าไม่ว่าใครก็ตามในหมู่บ้านแห่งนี้ถ้าหากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาก็จะต้องมาหาท่านหมอซุนอย่างแน่นอน

ซุนยี่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องอาการของชิวเหม่ยทันที เขาขมวดคิ้วและใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งและสีหน้าของเขานั้นก็ทำให้ชิวจูรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง แม้แต่ชิวเยวี่ยถงก็ยังต้องรู้สึกกังวลด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นซุนยี่ก็ตอบกลับมาว่า “สถานการณ์ของชิวเหม่ยในตอนนี้ยังถือว่าย่ำแย่เล็กน้อย”

“ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือเจ้าคะ? แต่นางไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยนะ? ทำไมนางถึงยังหมดสติอยู่?” ชิวจูรู้สึกกระวนกระวายจนต้องรีบถามออกไปทันที

“การบาดเจ็บของชิวเหม่ยนั้นไม่ได้มาจากร่างกายของนางแต่มาจากจิตวิญญาณของนาง” ซุนยี่ตอบกลับมาอย่างสุภาพ

“บาดเจ็บทางจิตวิญญาณ? ท่านหมอซุน มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” ชิวเยวี่ยถงก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน

“ยากยิ่งนัก เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยากยิ่งนัก” ซุนยี่ส่ายศีรษะของเขาและตอบกลับมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิวเยวี่ยถงก็รู้สึกหนักใจมากยิ่งขึ้นทันที

ความสามารถในด้านการแพทย์ของซุนยี่นั้นมากเพียงใดนางย่อมรู้ดี ถ้าเทียบกับบรรดาหมอที่มีชื่อเสียงทุกๆคนภายในโลกนี้แล้วฝีมือของเขาก็ไม่ได้ถือว่าอ่อนด้อยเลย หากไม่ใช่เพราะว่าชายคนนั้นได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้มีหรือที่คนมีความสามารถอย่างซุนยี่จะจมปลักอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้? ถ้าหากอยู่ในเมืองใหญ่เขาคงร่ำรวยไปแล้ว

เมื่อซุนยี่พูดออกมาแบบนี้ก็เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ใหญ่มากแค่ไหน

“ท่านหมอซุน ข้ารู้ดีว่าท่านต้องมีวิธีรักษาใช่ไหม? ข้าขอร้องให้ท่านช่วยน้องสาวของข้าด้วย” ชิวจูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี นางทำได้เพียงคุกเข่าลงต่อหน้าซุนยี่และขอร้องด้วยน้ำตาเท่านั้น

“อย่าทำแบบนี้เลย ทั้งเจ้าและชิวเหม่ยก็ถือว่าเป็นลูกสาวของข้าอยู่ครึ่งหนึ่ง ความเป็นห่วงที่ข้ามีนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าแน่นอน” ซุนยี่รีบพยุงชิวจูขึ้นมาเพื่อไม่ให้นางคุกเข่าอยู่ที่พื้นอีก จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยความห่วงใย

“ต้องขอฝากชิวเหม่ยให้ท่านหมอซุนช่วยดูแลแล้ว ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ข้าต้องไปจัดการ ชิวเหม่ยถือเป็นน้องสาวของข้าคนอื่นด้วยเช่นกัน” ชิวเยวี่ยถงพูดออกมาทันที

“จิตวิญญาณของชิวเหม่ยได้รับบาดเจ็บ ข้าทำได้เพียงเติมพลังปราณและเลือดให้กับนางเพื่อรักษาสภาพร่างกายของนางเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปมากกว่านี้เท่านั้น ส่วนการรักษาให้หายกลับมาเป็นปกตินั้นข้าคิดว่าการรักษาของข้าคงเป็นการทำร้ายนางมากกว่า ให้นักพรตเต๋าผู้นั้นเป็นคนรักษานางเองจะดีที่สุด” ซุนยี่พูดออกมาช้าๆ

แต่แม้ว่าจะพูดเช่นนี้เขาก็ไม่ได้มีความหวังมากนัก นอกจากชิวเหม่ยแล้วยังมีคนอีกประมาณ 7-8 คนที่ถูกพาตัวมาที่นี่ด้วยสภาพเดียวกัน ชิวจูคือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดและนางก็สามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้งหลังจากได้พักผ่อน

สำหรับคนอื่นๆที่เหลือนั้นมี 3 คนที่ตายไปทันทีแม้ว่าที่นี่จะมีหมอเทวดาอาศัยอยู่ก็ยากที่จะรักษาพวกเขาได้ มี 2 คนบาดเจ็บเล็กน้อยแต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีในการรักษาให้กลับมาเป็นปกติ สำหรับคนที่เหลือนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้แต่ก็ต้องมีบางส่วนของร่างกายที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป

นอกจากนี้ยังมีผู้คนมากมายที่ถูกพบเป็นศพอยู่ภายในความมืดและความตายของพวกเขาต่างก็ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

ดูจากสภาพการตายของคนเหล่านี้แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้ต้องตายอย่างโหดเหี้ยมมากแค่ไหน ไม่ต้องพูดถึงคำขาดที่มู่อี้พูดเอาไว้ก่อนจะออกจากที่นี่เลย บางทีในตอนนี้เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยชิวเหม่ยกลับมาได้?

“นอกจากเขาแล้วในโลกนี้ไม่มีคนอื่นที่สามารถช่วยเหลือชิวเหม่ยได้เลยหรือ?” ชิวเยวี่ยถงถามขึ้นมาทันทีเพราะนางก็รู้ดีว่าซุนยี่กำลังคิดอะไรอยู่

“แน่นอนว่าย่อมมี โลกใบนี้กว้างใหญ่ยิ่งนักย่อมมีคนที่แปลกประหลาดมากมายอาศัยอยู่ แต่คงไม่ง่ายหรอกที่พวกเราจะหาคนเหล่านั้นได้เจอและเชิญตัวพวกเขามาที่นี่ อีกอย่างหนึ่งชิวเหม่ยน่าจะเหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้ว” ซุนยี่ตอบกลับมาอย่างชัดเจน คำพูดของเขาอธิบายทุกสิ่งได้เป็นอย่างดี

อย่างน้อยในตอนนี้มีเพียงแค่มู่อี้เท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือชิวเหม่ยได้

“เช่นนั้นเราควรทำยังไงดี?” สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของของชิวจูรีบหันมามองที่ชิวเยวี่ยถงทันที

เพราะนางย่อมรู้ดีว่ามู่อี้นั้นต้องการตัวหลีหู่ ถ้าหากพวกนางยอมส่งมอบตัวหลีหู่ให้กับเขาและจ่ายค่าเสียหายต่างๆบางทีมู่อี้อาจจะยอมช่วยน้องสาวของนางก็เป็นได้ แต่ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชิวเยวี่ยถงเท่านั้น

ชิวเยวี่ยถงก็เข้าใจดีถึงสิ่งที่ชิวจูต้องการจะสื่อและแม้ว่านางจะรู้สึกเสียใจกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้แม้ว่านางจะสงบสติลงและคิดเรื่องการส่งมอบตัวหลีหู่ให้นักพรตเต๋าผู้นั้นอีกครั้งหนึ่ง นางก็ยังไม่อาจทำได้เพราะนั่นคือการหักหลังพี่น้องของตนเอง

ดังนั้นชิวเยวี่ยถงจึงทำได้เพียงปิดตาลงด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดเท่านั้น

ในตอนนี้สมองของนางฉายภาพย้อนกลับมาอีกครั้ง ชิวจูกำลังยืนขวางหน้านางเอาไว้โดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองแม้แต่น้อย ชิวเหม่ยก็รีบวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือนางจึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ยังมีพี่น้องอีกหลายคนที่ต้องตายไป และทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลีหู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่ถ้าหากจะโทษว่าทุกอย่างเป็นเพราะหลีหู่เพียงคนเดียวนางก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา เพราะเมื่อเรื่องราวทุกอย่างมาถึงขั้นนี้แล้วก็ถือว่านางมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

เพราะว่านางมั่นใจในตนเองจนเกินไปและไม่ได้สนใจคำเตือนของซูจินหลุน แม้ว่าเขาจะพยายามบอกกล่าวสักแค่ไหนแต่นางก็ยังคงเลือกที่จะไม่สนใจอยู่ดี

แต่ถ้าหากว่านางเชื่อที่เขาพูดแล้วผลลัพธ์ที่ตามมามันจะแตกต่างจากตอนนี้หรือเปล่า?

ชิวเยวี่ยถงก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ในตอนนี้นางรู้สึกได้ว่าหัวใจของนางนั้นกำลังแบกรับแรงกดดันอันมหาศาลเอาไว้และความมั่นใจของนางที่นางได้สร้างขึ้นมาก็พังทลายไปแล้ว นางจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง

ครั้งหนึ่งนั้นนางเคยเป็นเด็กสาวตัวเล็กที่ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม

ครั้งหนึ่งนั้นนางเคยต้องการสนับสนุนทุกๆคนที่อยู่รอบตัวของนาง เพื่อให้นางสามารถทำอะไรได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ครั้งหนึ่งนั้นนางเคยทำได้เพียงกัดฟันและบอกกับตัวเองว่านางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

แต่ในใจของนางนั้นไม่ได้ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นเลย

เป็นเพราะเขางั้นหรือ? ชายคนนั้นที่นางหวังจะเอาชนะ

ชิวเยวี่ยถงไม่เคยปิดบังความโกรธแค้นที่นางมีต่อชายคนนั้นและแม้ว่าเขาจะตายไปแล้วนางก็ยังไม่ให้อภัยเขาอยู่ดี แต่นางเลือกที่จะดำเนินชีวิตต่อไปด้วยตนเองและทำตามตำแหน่งที่นางได้รับมาอย่างไม่มีทางเลือก

แต่เมื่อทุกๆอย่างกลับมารวมกันอีกครั้งนางก็เริ่มตระหนักได้ว่านางไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ตัวเองคิด อย่างน้อยที่สุดในตอนที่นางต้องเลือกระหว่างชิวเหม่ยและคุณธรรมในใจ นางก็ยังไม่รู้ว่าควรเลือกใครดี

ชิวเหม่ยนั้นเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งของนาง สำหรับหญิงสาวผู้นี้แล้วให้นางเสียสละชีวิตของตนเองก็ยังได้

แต่นางก็ไม่สามารถส่งมอบตัวหลีหู่ออกไปได้ เขาถือเป็นน้องชายคนหนึ่งของนางและยังเป็นหัวหน้าคนที่ 2 ของหมู่บ้านแห่งนี้เพราะเรื่องของคุณธรรมและการที่นางเองเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ ตั้งแต่วันที่นางเข้ารับตำแหน่งก็หมายความว่านางต้องรับผิดชอบชีวิตของทุกๆคนที่อยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

“เยวี่ยถง” ซุนยี่พูดออกมาทันที

“ท่านหมอซุน ข้าควรทำเช่นไรดี?” ชิวเยวี่ยถงลืมตาของนางขึ้นมาอีกครั้งและความอ่อนแอที่อยู่ในสายตาของนางนั้นก็ได้หายไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดนางก็ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอของตนเองให้คนอื่นได้เห็น

นางเคารพซุนยี่อยู่เสมอ ตั้งแต่นางเติบโตขึ้นมานั้นซุนยี่ก็ให้ความช่วยเหลือนางมากมาย เขาเป็นเหมือนอาจารย์และเพื่อนของนาง

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ ทำไมไม่ลองให้คนอื่นๆตัดสินใจเรื่องนี้แทนล่ะ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซุนยี่

“คนอื่นๆหรือ?” ชิวเยวี่ยถงขมวดคิ้วขึ้นมาและทันใดนั้นนางก็นึกถึงหลีหู่ขึ้นมาทันที

“ท่านหมอซุนหมายความว่ายังไงกัน?” ชิวเยวี่ยถงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

“ตัวเจ้าเองก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว อีก 2 วันหลังจากนี้เจ้าไม่ต้องปรากฏตัวออกไปแค่ซ่อนตัวอยู่เงียบๆก็พอ” ซุนยี่พูดออกมาเบาๆ

“แต่ …” ชิวเยวี่ยถงอยากจะปฏิเสธ แต่จากนั้นนางก็เงียบไปทันที

“ตั้งแต่เจ้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้เจ้าก็ดูแลทุกๆคนภายในหมู่บ้านได้ดีไม่ต่างไปจากท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนเลย แต่ธรรมชาติของจิตใจมนุษย์นั้นย่อมมีความเห็นแก่ตัวและความกลับกลอกไม่แน่นอนตัวอยู่เสมอ บางครั้งสิ่งที่เจ้าพยายามปกป้องอยู่นั้นมันอาจจะไม่คุ้มค่ากับความพยายามของเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ทำไมไม่ลองให้คนอื่นตัดสินใจเรื่องนี้แทนล่ะ? “ซุนยี่พูดออกมาอย่างจริงจัง

หลังจากได้ฟังคำพูดของซุนยี่ ชิวเยวี่ยถงก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่นั่งลงบนเก้าอี้เท่านั้น