ภาคที่สอง-หิมะใต้หล้า ตอนที่ 97 ใบไม้ผลิแห่งการล่า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 97 ใบไม้ผลิแห่งการล่า

ม้าดำสิบเจ็ดสิบแปดตัวเดินบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

เหนือศีรษะเป็นท้องฟ้าใส

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนมีป้ายคำสั่งยาวของดอกบัวแดนบูรพา อย่างไรก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะ หยิ่งยโสเพราะถือว่ามีความสามารถ และยังเป็นแขกผู้ทรงเกียรติขององค์ชายรอง…แต่พวกเจ้าจงจำไว้ ที่นี่ไม่ใช่เขาศักดิ์สิทธิ์ และไม่ใช่ใต้ฟ้าต้าสุย แต่เป็นเขตแดนที่ราบสูงเทพสวรรค์นอกแดนอุดร” บุรุษขี่ม้าดำอยู่หน้าสุดมีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเขาไร้ความรู้สึก จอนผมถูกพายุคลั่งบนที่ราบสูงเทพสวรรค์พัด เสื้อคลุมใหญ่ส่งเสียงดัง

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเตรียมบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาศักดิ์สิทธิ์ต้าสุยหรือศิษย์รักของคนใหญ่คนโตใด ฐานะสูงเพียงใด พกสมบัติติดตัวมาเท่าไร…ก็ไม่มีประโยชน์” ในน้ำเสียงบุรุษสูงใหญ่ไม่มีความรู้สึกใดๆ ปะปนเลย เอ่ยอย่างเย็นชา “นี่เป็นเขตแดนสันติของเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์ ทุกที่มีแต่เขตต้องห้าม ก่อนไปถึงอาณานิคมแดนบูรพา ไม่อยากเข้าเขตต้องห้ามก็ชิดหลังข้าไว้”

ข้างหลังเขาเป็นใบหน้าที่มีสีหน้าต่างกันหลายสิบคนซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมใหญ่สีดำ

คนที่รับผิดชอบพาผู้บีบป้ายคำสั่งดอกบัวแดนบูรพามาเขตต้องห้ามการล่าที่นี่ เป็นกองกำลังของกรมปราบปีศาจ

เจ้ากรมใหญ่ เจ้ากรมน้อย ผู้ถือคำสั่ง คนที่กล้าพูดเช่นนี้กับศิษย์เขาศักดิ์สิทธิ์ มีฐานะอย่างน้อยเจ้ากรมน้อยระดับสูง หรือเจ้ากรมใหญ่ที่เป็นดั่งขนหงส์เขากิเลน เป็นคนใหญ่โตในกรมปราบปีศาจต้าสุย

“เขตทะเลพลิกผัน นอกจาก ‘โลกเทา’ ที่ต้องใช้กำลังแดนอุดรกำราบ มีทางเข้าที่เล็กแคบยิ่งและอนุญาตให้ยอดผู้บำเพ็ญไม่กดพลังบำเพ็ญเข้าไปได้แล้ว เขตแดนอื่นๆ ข้ามผ่านทะเลพลิกผันมาแผ่นดินใหญ่เก่าแก่แห่งนี้ เหนือกว่าสิบขอบเขต ต่ำกว่าราชันดารา จะได้รับการจำกัดอย่างยิ่ง…เข้มงวดกว่ากฎเหล็กนั้นบนยอดเมืองหลวงต้าสุย”

ผู้มีอิทธิพลของกรมปราบปีศาจเอ่ยเนิบนาบ “ใต้เวทีสูงของแดนอุดรเผ่ามนุษย์ ภูมิประเทศลดต่ำลง เขตสันติที่มีน้อยยิ่ง ที่ราบสูงเทพสวรรค์คือหนึ่งในนั้น องค์ชายรองกับองค์ชายสามจะตัดสินกันอย่างยุติธรรมที่นี่ ทุกท่านถือดอกบัวแดนบูรพา องค์ชายรองก็คงจะมอบหมายงานให้แล้ว วันล่าเหยื่อครั้งนี้ จะใช้จำนวนและระดับของเผ่าปีศาจบุพกาลมาตัดสิน”

หนิงอี้ที่ซ่อนใต้ผ้าคลุมดำฟังคำพูดของผู้มีอิทธิพลกรมปราบปีศาจคนนี้เงียบๆ

เพื่ออำพรางตัวตน หนิงอี้เปลี่ยนหนังหน้า ผูกผ้าม่วงคาดหน้าผาก ห้อยร่มกระดาษมันตรงเอว ห่อด้วยผ้าดำ กระบี่ตารางหนานั้นแบกขึ้นหลัง เสื้อคลุมดำตัวใหญ่สะบัดไปตามสายลม เข็มขัดหนังแกะรัดเอว ตรงกลางฝังกะโหลกสัตว์ที่มีกลิ่นอายของแดนทักษิณ

ดูเหมือนนักกระบี่ของแดนทักษิณ

เขาย่อยคำพูดของอีกฝ่ายช้าๆ

แดนบูรพากับแดนประจิมจะประชันกันในวันล่าเหยื่อ

ตนไม่เกี่ยวกับกลุ่มคนข้างกายพวกนี้ รับหน้าที่แค่งานค้อนเดียว ช่วยแดนบูรพาปล้นสินค้าสำคัญของหลี่ไป๋หลิน ดังนั้นคำพูดพวกนี้ก็แค่ฟังไปอย่างนั้น

การประชันกันครั้งนี้ของแดนบูรพากับแดนประจิมพัวพันไปถึงเขตแดนที่กว้างมาก…ที่ราบสูงเทพสวรรค์น่าจะเป็นมุมหนึ่งในนั้น อาณานิคมเผ่าปีศาจห่างจากที่นี่อีกเป็นพันลี้ นี่เป็นเขตแดนสันติ โดยรอบในระยะแปดร้อยลี้ รวมเขตต้องห้ามอย่าง ‘ที่ราบสูงเทพสวรรค์’ ‘หุบเขาวิญญาณร่วงหล่น’ รวมกันแล้วถูกเรียกว่า ‘เขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ’

“ผู้บำเพ็ญเผ่าปีศาจที่แท้จริง พวกที่เปิดสติปัญญาต่างจากเผ่าปีศาจบุพกาลขอบเขตนี้…ไปทางเหนืออีกสามพันลี้ ก็เป็นเมืองของเผ่าปีศาจ” ผู้มีอิทธิพลของกรมปราบปีศาจเลิกคิ้วขึ้น พูดเย้ยเยาะ “หากมั่นใจในวิชาอำพรางของตัวเอง และยังมั่นใจในคุณธรรมและเสน่ห์ ก็ลองไปเขตเผ่าปีศาจดูได้ ดูว่าจะแต่งองค์หญิงเผ่าปีศาจเข้ามาต้าสุยได้สักคนหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ ผู้บำเพ็ญแดนบูรพาสิบเจ็ดสิบแปดคนที่ขี่ม้าบนทุ่งหญ้าก็หัวเราะเสียงดัง

หนิงอี้จดจำไว้เงียบๆ

ระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจมีทะเลที่มีไอวิญญาณเหือดแห้งมหึมาขวางอยู่ จำกัดผู้บำเพ็ญที่เหนือกว่าสิบขอบเขตขึ้นไปข้ามผ่านปราการสองเผ่าโดยเฉพาะ มีชื่อว่า ‘ทะเลพลิกผัน’

ตอนนี้เงยหน้าขึ้นไป มองท้องฟ้าใสนั้นข้างบน ก็คือทะเลพลิกผันที่ว่า

มีเพียงทางเชื่อมเดียวที่ทำให้เสาเอกกำลังรบหลักของสองฝ่ายผ่านไปได้อย่างอิสระ ก็คือทางเชื่อม ‘โลกเทา’ สองฝ่ายต่างส่งกองกำลังไปเฝ้าไว้ที่นั่นอย่างแน่นหนา ไม่อาจข้ามได้แม้แต่ก้าวเดียว โลกเทาถือว่าเป็นทางหนึ่ง และยังถือว่าเป็นสนามรบ เกิดการต่อสู้กันตลอดทั้งปี เป็นตายไม่เลิกรา

โจวโหยวเคยบอกว่าหากตนยินดีเข้าสำนักเต๋า เขาก็จะไปทะเลพลิกผันแดนอุดรด้วยตนเอง หาไข่มุกตะวันคร้านของยอดปีศาจพันปีมาให้ตน

อาจารย์ขององค์ชายรอง คุณชายน้ำค้างหานเยวีย ที่กลับมาจากแดนอุดรและมีอำนาจเหนือกว่าเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในแดนบูรพาได้ก็เพราะสังหารยอดปีศาจไปมากมายในโลกเทา

สามขอบเขตแรก สามขอบเขตกลางและสามขอบเขตหลังของเผ่ามนุษย์ หนึ่งขั้นพลังบำเพ็ญจะเท่ากับพลังบำเพ็ญร้อยปีของปีศาจบุพกาล พลังบำเพ็ญพันปีก็คือผู้บำเพ็ญดาราชะตาของเผ่ามนุษย์ ราชันปีศาจเผ่าปีศาจสามพันปีก็เท่ากับราชันดาราของเผ่ามนุษย์ ส่วนเหนือกว่านั้น ห้าพันปีคือหนึ่งด่าน แปดพันปีเป็นอีกด่าน…ส่วนพลังบำเพ็ญใดในนั้นสอดคล้องกับขอบเขตนิพพานเผ่ามนุษย์ หนิงอี้ไม่รู้ได้ นี่ไม่เกี่ยวกับเวลาการฝึกบำเพ็ญแล้ว

ปีศาจบุพกาลยังไม่เปิดสติปัญญา เลอะเลือน ต่อให้ผ่านกาลเวลาไปนาน แต่การฝึกบำเพ็ญก็ช้า หากเปิดสติปัญญาก็จะเปลี่ยนเป็นร่างสิ่งมีชีวิตได้ เช่นนั้นพลังบำเพ็ญก็จะแบ่งเหมือนกับเผ่ามนุษย์ใต้ฟ้าต้าสุย

ชายแดนของเขตเผ่าปีศาจกว้างใหญ่มาก ผู้แข็งแกร่งในนั้นมีไม่ขาดสาย โดยเฉพาะทายาทที่สืบทอดสายเลือดผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจบุพกาล เสริมจากวิชาลับสายเลือด ทำให้มีกำลังรบน่าตกใจยิ่ง

……

“ทุกท่าน ข้างหน้าคือค่ายดอกบัวแดนบูรพา ข้าแค่รับผิดชอบพาทุกท่านมาเท่านั้น” ผู้มีอิทธิพลกรมปราบปีศาจดึงบังเหียนม้าหยุดลง ชี้ไปยัง ‘หอสูง’ ไกลๆ น้ำเสียงไม่มีระลอกคลื่น “สมบัตินิพพานของราชวงศ์แดนบูรพา ‘หอศักดิ์สิทธิ์ทะเลสึกกร่อน’ องค์ชายรองย้ายมาที่ราบสูงเทพสวรรค์ เล่าลือว่าเพื่อการล่าครั้งนี้ องค์ชายหว่านผู้บำเพ็ญชายแดนใต้แดนบูรพามาเป็นพันคน…พูดในสิ่งที่ควรแล้ว ทุกท่านใช้ป้ายคำสั่งติดต่อกันเองเถอะ”

หนิงอี้หยุดม้าเช่นกัน เขามองไปสุดทางไกลลิบ หอสูงทองอร่ามเชื่อมฟ้าลอยอยู่ เขาเคยได้ยินนาม ‘หอศักดิ์สิทธิ์ทะเลสึกกร่อน’…นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ยอดฝีมือขอบเขตนิพพานคนหนึ่งของแดนบูรพาใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดหลอมมันขึ้น ไม่ใช่อาวุธรูปแบบสังหาร แต่เป็นของวิเศษที่ใหญ่ได้เล็กได้ มีประโยชน์หลากหลาย เป็นสมบัติที่ไม่สืบทอดของแดนบูรพา

วันล่าเหยื่อครั้งนี้ ดูท่าคงค่อนข้างสำคัญกับแดนบูรพาและแดนประจิม หลี่ไป๋จิงเล่นใหญ่ขนาดนี้…

องค์ชายรองหว่านผู้บำเพ็ญมาเป็นพันคน หนิงอี้คำนวณเงียบๆ ในใจ แค่ผู้บำเพ็ญดั้งเดิมออกเดินทาง ล่าเผ่าปีศาจบุพกาลในที่ราบสูงเทพสวรรค์ ก็ต้องมีจำนวนนี้จริงๆ ผู้บำเพ็ญดั้งเดิมของเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ยังเป็นจำนวนน้อย ที่มากกว่านั้นคงจะเป็นผู้บำเพ็ญป่าเขาชายแดนใต้แดนบูรพา

ส่วนนอกเมืองหลวง กองกำลังแดนบูรพาพวกนั้นที่มี ‘ช่องทาง’ อาจจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว หากถูกดอกบัวแดนบูรพาเลือก เช่นนั้นสิ่งที่ต้องทำในการเดิมพันครั้งนี้ จะไม่ใช่การล่าที่ว่านั่น

“ที่ราบสูงเทพสวรรค์ถูกแบ่งเป็นสองเขต แดนประจิมกับแดนบูรพาคนละครึ่ง…ขอเตือนทุกท่านหน่อย ต่อสู้อย่างยุติธรรม ตัดสินอย่างยุติธรรม เป็นผู้บำเพ็ญใต้ฟ้าต้าสุยเหมือนกัน แค่ล่าในเขตแดนของตนก็พอ” ผู้มีอิทธิพลของกรมปราบปีศาจชำเลืองตามองผู้บำเพ็ญแดนบูรพาข้างหลังทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยเมย “หากถูกสามกรมพบ จะมีบางคนรออยู่ ข้ามเขตแดนก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง”

เมื่อเอ่ยจบ หนิงอี้อดยิ้มเยาะในใจไม่ได้

สามกรมยังแสดงภาพลักษณ์ของผู้คุมกฎในวันล่าเหยื่อเช่นนี้อีก การประชันกันของแดนบูรพาและประจิม คนที่เฝ้ามองดูอยู่เงียบๆ น่าจะเป็นไท่จงในวัง

เขาอยากเห็นศักยภาพของบุตรชายสองคนของตนในทางสว่าง รวมถึงกลอุบายที่จะใช้ลับหลัง

หากแดนบูรพาแดนประจิมเป็นน้ำบ่อไม่รุกล้ำแม่น้ำจริงๆ ไม่มีใครข้ามเขตใคร คนที่ผิดหวังมากที่สุดคงจะเป็นไท่จงท่านนั้น

องค์ชายรองจะปล้นสินค้าของหลี่ไป๋หลิน แดนประจิมจะไม่อยู่เฉยแน่

สี่หมื่นลี้ใต้ฟ้าต้าสุยใหญ่เพียงใด หากจะต้องได้ตำแหน่งนั้น ก็ลองใช้ที่ราบสูงเทพสวรรค์ของแดนอุดรเป็นกระดานหมากก่อน ดูว่ากำลังหมากของใครจะเหนือกว่ากัน

…….

หนิงอี้ไม่ร่วมเดินทางกับคนพวกนั้นอีก แต่ถือป้ายคำสั่งดอกบัวแดนบูรพาของตนไป ‘หอศักดิ์สิทธิ์ทะเลสึกกร่อน’ ระหว่างทาง เห็นแต่กองกำลังของแดนบูรพาไปๆ มาๆ จำนวนมาก แต่เป็นระเบียบเรียบร้อย

ผู้บำเพ็ญพวกนี้เลือกค่ายผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ติดตามสององค์ชาย มาถึงวันล่าเหยื่อนี้ สัตว์ปีศาจบุพกาลที่ล่าได้จะมีรางวัลของตนส่วนหนึ่ง เพียงแต่รางวัลนี้จะไม่ได้สูงมาก ทรัพยากรบำเพ็ญส่วนใหญ่ใต้ฟ้าต้าสุยจะอยู่ในมือเขาศักดิ์สิทธิ์กับราชวงศ์ หากผู้บำเพ็ญป่าเขามีพรสวรรค์โดดเด่น ไม่เข้าตาสำนักใหญ่ ก็อยู่คนเดียวต่อไป

คนที่จะอาศัยศักยภาพของตนก้าวต่อไป ประทับรอยเท้าทีละก้าว เดินออกมาได้มีจำนวนน้อยมาก

วันล่าเหยื่อเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

คนร่วมสำนักที่ไว้ใจได้จะเดินทางด้วยกัน อย่างน้อยในเขตที่ราบสูงเทพสวรรค์ ในพื้นที่ล่าเหยื่อที่ปลอดภัยก็มี ‘ผู้มีอิทธิพล’ ของสามกรมอยู่ ขอแค่ไม่ข้ามเขตแดน ก็ไม่ต้องกังวลว่าค่ายอื่นจะมาลอบสังหาร และไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่อง ‘ฆ่าคนปล้นชิง’ การประชันของสองแดนประจิมบูรพา ตัวตนพวกเขาเล็กจ้อย ที่พึ่งพิงข้างหลังตอนนี้คือองค์ชายต้าสุย ไม่ว่าความกระทบกระทั่งใดก็จะกลายเป็นเรื่องอ่อนไหว

วันล่าเหยื่อที่ต้าสุยเพ่งเป้าไปที่เผ่าปีศาจบุพกาลบนที่ราบสูงเทพสวรรค์กำหนดไว้รวมสิบห้าวัน ช่วงเวลานี้จะว่านานก็ไม่ จะว่าเร็วก็ไม่ ทั้งเขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ ความจริงเป็นเขตต้องห้ามที่เผ่ามนุษย์ได้ทำการสำรวจมาค่อนข้างดีแล้ว ในที่ราบสูงเทพสวรรค์แทบจะไม่มียอดปีศาจระดับพันปีเลย ผู้บำเพ็ญจุดสูงสุดขอบเขตที่สิบผนวกกับสมบัติทรงพลังยิ่ง ก็กำราบหนึ่งทิศได้ง่ายดาย

สิบห้าวัน…แต่นี่เป็นเพียงวันแรก ยากจะจินตนาการได้ว่าจะมีผู้บำเพ็ญอีกเท่าไรหลั่งไหลมายังที่ราบสูงแห่งนี้

หนิงอี้ได้พักห้องเดี่ยวในหอศักดิ์สิทธิ์ทะเลสึกกร่อน เขาเอาสองมือซ้อนกันไว้ท้ายทอย หลับตาพักผ่อน

หนิงอี้รู้ว่าความคึกคักข้างนอกไม่เกี่ยวกับตน

เขามาที่ราบสูงเทพสวรรค์ไม่ใช่เพื่อล่า เขาไม่สนใจทรัพยากรที่นี่

ในมือเขา ตอนนี้กำป้ายคำสั่งยาวที่แกะสลักดอกบัวสีดำไว้

เวลานี้ เขาแค่รอคำสั่งจากองค์ชายรองเท่านั้น