หยวนชิงหลิงถือเครื่องวัดหัวใจออกมา “ไม่พูดเรื่องเขาแล้ว ตรวจให้พระองค์ดีกว่า”
ไท่ซ่างหวงนอนลงไปอย่างเคยชิน พลันเปิดเสื้อออก แล้วรอให้ของเย็นๆ แนบลงไปบนตำแหน่งหัวใจ พร้อมกับหันหน้าไปมองหยวนชิงหลิงด้านข้าง
หยวนชิงหลิงห้อยเครื่องวัดหัวใจไว้ที่หูเขา พลันยัดที่ตรวจแล้วพูดขึ้น “ตั้งใจฟังแล้วนับจำนวนนะเพคะ”
ไท่ซ่างหวงหายใจเข้า แล้วฟังเสียงหัวใจตัวเอง ช่างเป็นเสียงที่เอาไว้กล่อมเด็กจริงๆ
“เท่าไหร่แล้วเพคะ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นเพราะน่าจะถึงหนึ่งนาทีแล้ว
“ห้าสิบหกสิบ” ไท่ซ่างยิ้มออกมาจนเห็นฟันสีเหลือง
หยวนชิงหลิงจึงเอาไปฟัง “ไม่ถึงกับว่าได้มาตรฐาน แต่อาการก็ดีขึ้น”
ฉางกงกงอยากรู้จึงขยับหัวเข้ามา “เจ้านี้สนุกหรือ?ให้ข้าน้อยลองบ้างได้หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วยื่นให้เขา “ได้ ห้อยไว้ที่หู แล้วเอาส่วนนี้แนบตรงหัวใจ ก็จะสามารถได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น”
ฉางกงกงถามตามที่หยวนชิงหลิงบอก แล้วก็เอาแต่ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจ “แปลกประหลาดมาก เหมือนเสียงตีกลองเลย ตึกตึก ตึกตึก”
เขาไม่อยากคืนเครื่องวัดหัวใจให้นาง “ของสิ่งนี่ซื้อจากที่ไหน?ข้าน้อยก็อยากได้อันหนึ่ง”
“ข้ากลับไปถามก่อน ถ้าหากว่ายังมีข้าจะเอามาให้ช่วยตรวจให้ไท่ซ่างหวงทุกวัน” หยวนชิงหลิงพูด
“ได้สิ!” ฉางกงกงตอบรับด้วยความยินดี
ฝูเป่าวิ่งเข้ามาด้านใน พร้อมกับหมอบลงที่เท้าของหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมา ฝูเป่าจึงแลบลิ้นเลียมือของนาง ดูทะเล้นมาก หยวนชิงหลิงจึงจับลิ้นมันไว้ “ซุกซน!”
ฝูเป่าน้ำลายย้อยออกมา ดูแล้วชอบมากๆ เลย
“ยากมากที่ฝูเป่าจะใกล้ชิดคน” ฉางกงกงพูดขึ้น
“สุนัขเองก็มีความฉลาด และแยกแยะได้” หยวนชิงหลิงลูบหัวมัน “ใช่หรือไม่ฝูเป่า?”
ฝู่เป่าร้องขึ้นสองครั้ง หมายถึงยอมรับแล้ว
“โอ้” ฉางกงกงมองฝูเป่าแล้วหัวเราะ “ทำไมเหมือนกับว่าเข้าใจคำพูดของพระชายา?”
“เข้าใจแน่นอน ฝูเป่าเป็นเด็กฉลาด” หยวนชิงหลิงวงมันลง “ไป ไปเอาเสื้อคลุมไท่ซ่างหวงมา พวกเราจะออกไปเดินเล่นกับไท่ซ่างหวง”
ฝูเป่าวิ่งไปพร้อมกับชูหาง
ฉางกงกงหัวเราะออกมาพลางพูดขึ้น “พระชายาทำเหมือนมันเป็นคนอย่างนั้นหรือ?มันจะรู้จักไปหยิบของได้อย่างไร?และยิ่งไม่น่ารู้จักเสื้อคลุม”
หยวนชิงหลิงเพียงแค่ยิ้มออกมา
สักพัก ฝูเป่าก็คาบเสื้อคลุมของไท่ซ่างหวงออกมา เสื่อคลุมลากมาตามพื้น แต่เท้ามันวิ่งว่องไวมาก มันจึงไม่ได้เหยียบเสื้อคลุม และลากมาตลอดทาง โชคดีที่ในตำหนักสะอาด ไม่มีฝุ่นอะไร
ไท่ซ่างหวงเบิกตากว้างทันที “ฟังภาษาคนออกจริงหรือ?”
ฉางกงกงเองก็นิ่งไปเลย “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะออกมา พลางยื่นมือไปหาฝูเป่า “มือ!”
ฝูเป่านั่งลง พลางยื่นมือมาให้หยวนชิงหลิง พร้อมกับแลบลิ้นอมยิ้ม
รอยยิ้มของสุนัขนั้นช่วยรักษาความรู้สึกได้อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มครั้งนี้ ทำให้ไท่ซ่างหวงหัวใจเต้นแรงเลย
“อีกข้างหนึ่ง!” หยวนชิงหลิงพูด
ฝูเป่ารีบเอาลง และก็ยื่นอีกข้างไปตรงกลางมือของนาง
“ดีมาก!” หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วลูบหัวมัน ฝูเป่ามีความสุขจนวิ่งอ้อมหยวนชิงหลิงไปมา
“ฝู่เป่ามานี่!” ไท่ซ่างหวงเรียกมัน
ฝูเป่าจึงวิ่งเข้าไปหาเขา แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนขาของไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงจึงอุ้มมันไว้ “โอ้ ไม่นึกเลยว่าเจ้าตัวเล็กก็รู้จักเอาใจคนด้วย สุดยอดมากเลย”
ในตำหนักฉินคุน มีเสียงหัวเราะดังออกมา จนได้ยินกันหมด
เรื่องในตำหนักฉินคุนนั้น ทุกอย่างก็ได้เข้าหูฮ่องเต้หมิงหยวน
“พระชายาหยอกล้อฝูเป่า ฝูเป่าเองก็เชื่อฟัง ไท่ซ่างหวงก็ดูมีความสุขมาก”
“พระชายาบอกว่าจะพาไท่ซ่างหวงออกไปเดินเล่น ไท่ซ่างหวงก็รับปากแล้ว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินรายงาน ก็พลันรู้สึกสบาย ไท่ซ่างหวงไม่ยอมออกมาเดินข้างนอกนานแล้ว ตอนกลับยอมออกมา ดีจริงๆ เลย
ดูแล้ว พระองค์คงจะพอใจกับหลานสะใภ้คนนี้มาก
ลูกห้าเอง ไม่นึกเลยว่า จะได้ชายาที่ล่ำค่ามา
วันที่ท้องฟ้าโปร่งใส
หยวนชิงหลิงพยุงไท่ซ่างหวง เขายกมือขึ้นมาบังแดด พลางพูดขึ้น “โลกนี้ ช่างสวยงามจริงๆ ”
หยวนชิงหลิงยิ้ม “พระองค์ต้องออกมาเดินเล่นบ่อยๆ นะเพคะ ร่างกายคนเราก็เหมือนเครื่องจักร ถ้าหากว่าไม่ให้ขยับบ้าง เครื่องมันก็จะแก่ลง”
ไม่ซ่างหวงได้ยินดังนั้น ก็พลันครุ่นคิด “คำพูดของเจ้า ข้าเคยได้ยิน”
ตอนที่หยวนชิงหลิงพูดออกมาอย่างลืมตัว พอได้สติคำพูดก็ได้พูดออกไปแล้ว เอากลับมาไม่ทันแล้ว
ในจังหวะที่อารมณ์เสียอยู่นั้น ก็ได้ยินไท่ซ่างหวงพูดแบบนี้ จึงทำให้นางชะงักไป “ไท่ซ่างหวงเคยได้ยินหรือเพคะ?”
“ใครเป็นคนพูดกันนะ?” ไท่ซ่างหวงหันไปถามฉางกงกง
ฉางกงกงส่ายหัว “ข้าน้อยไม่เคยได้ยิน”
“ทำไมจะไม่เคยได้ยิน?ประโยคนี้คุ้นหูมาก” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นเสียงแข็ง “ความจำเจ้านี่มันไม่ดีเลย”
“ข้าน้อยแก่แล้ว ความจำเลยไม่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงถอนหายใจ
“ไท่ซ่างหวงลองนึกดู ว่าใครเป็นคนพูดกันแน่เพคะ?” หยวนชิงหลิงถามอย่างเร่งเร้า
ไท่ซ่างหวงหยุดเดิน แล้วใช้ความคิด “อ๋อ จำได้แล้ว เซียวหยาวกงพูด”
“เซียวหยาวกงหรือ?” ในสมองของหยวนชิงหลิงไม่มีคนชื่อนี้อยู่เลย
“เจ้าไม่รู้จักเซียวหยาวกงหรอก เขาแก่แล้ว” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นด้วยท่าทางสั่นกลัว ราวกับว่านึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมานาน “เขาแก่กว่าข้าอีกแหนะ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าป่วยหลายโรค ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไท่ซ่างหวงวางใจได้ เซียวหยาวกงยังแข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงกงพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงอยากรู้ว่าเซียวหยาวกงเป็นใคร จึงถามขึ้น “แล้วเซียวหยาวกงท่านนี้อยู่ที่ไหนหรือ?เป็นคนที่ไหนกัน?”
“อยู่ในเมืองหลวง และเป็นคนในเมืองหลวง ตอนที่ไท่ซ่างหวงอยู่ในราชสำนัก เขาเป็นฝู่ฉู่ ต่อมาเกิดล้มป่วยจึงเกษียณออกไป และตั้งแต่เกษียณออกมาก็หลายปีแล้ว” ฉางกงกงพูด
หยวนชิงหลิงค่อยๆ จำ ถ้าหากว่ามีโอกาส ต้องได้เข้าไปคารวะเซียวหยาวกงท่านนี้ให้ได้
วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง พระสนมต่างพากันออกมาเดินเล่นข้างนอก ขนาดเสียนเฟยเองก็ยังทนไม่ไหว จึงพาแม่นมออกมาเดินรับแดดข้างนอก
ดอกกุ้ยฮวาบานเต็มสวนทั้งยังส่งกลิ่นหอม ฮองเฮาเองก็ยังออกมาเดิน และนั่งพูดคุยอยู่กับกุ้ยเฟยและเสียนเฟยที่ศาลา
ท่านพ่อของกุ้ยเฟยตี๋ก็คือท่านแม่ทัพตี๋เว่ยหมิง กุ้ยเฟยมีบุตรชายหนึ่งหญิงหนึ่ง บุตรชายก็คือ หยู่เหวินอาน
กุ้ยเฟยเป็นสนมที่ได้รับการโปรดปรานอีกหนึ่งคน เกิดในตระกูลแม่ทัพ ในวังนี้ถ้าไม่เข้าร่วมก็เป็นไปไม่ได้
นางนั่งอยู่กับฮองเฮา และกำลังสำรวมอย่างสงบนิ่ง แต่ดูนางก็มีส่วนคล้ายฮองเฮาอยู่บ้าง
แต่ว่ากุ้ยเฟยไม่ค่อยคุยกับฮองเฮาและเสียนเฟยได้นานเท่าไหร่ เพราะนางเป็นคนรักความสุข ไม่ค่อยสนใจบทสนทนาของผู้หญิง วันนี้นางมาก่อนคนแรก เสียนเฟยจึงออกมา และตามมาด้วยฮองเฮา นางจึงยากที่จะออกไปตอนนี้
นางมองออกไปรอบๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็นิ่งไป พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นไท่ซ่างหวงใช่หรือไม่?ทำไมวันนี้พระองค์ถึงออกมาเดินเล่นข้างนอกได้?”
ฮองเฮาและเสียนเฟยก็พลันมองตามนาง และก็เป็นไท่ซ่างหวงที่เดินเล่นฝั่งแม่น้ำตรงโน้น
“คนที่พยุงไท่ซ่างหวง ใส่ชุดไม่เหมือนนางกำนัลในวังเลย” กุ้ยเฟยพูดขึ้น
อยู่ห่างกันมาก จึงมองเห็นไม่ชัด เสียนเฟยพยายามมอง แต่ก็ยังมองไม่ชัด
ฮองเฮานั้นรู้แล้วว่าใคร จึงพูดขึ้น “หยวนชิงหลิง”
เสียนเฟยชะงักไปทันที “เป็นนางหรือเพคะ?”
ฮองเฮายิ้มอ่อน พร้อมกับหันมามองเสียนเฟย “เสียนเฟยขนาดลูกสะใภ้ตัวเองยังดูไม่ออกอีกหรือ?”
เสียนเฟยได้ยินคำพูดประชด ก็พลันยิ้มออกมา “สายตาหม่อมฉันไม่ค่อยดี ไม่ได้มีหูทิพย์ตาทิพย์เหมือนฮองเฮาเพคะ”
เอาอีกแล้ว!กุ้ยเฟยชักสีหน้าทันที นางไม่ชอบเวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกันแล้วพูดให้กัน แอบพูดให้ร้ายต่อกัน ทำไมถึงไม่พูดออกมาตรงๆ ?
นางจึงลุกขึ้น “หม่อมฉันจะไปคารวะไท่ซ่างหวง”