*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

——————————————————————————————–

“ท่านหญิง, ท่านชายขอรับ, ถึงบ้านแล้วขอรับ!”

ผ่านไปพักหนึ่งรถมาก็ค่อยๆหยุดลงและเสียงก็ดังมาจากด้านนอก.

“ฮึ่บ!”

หลังจากสูดอากาศลึกๆแล้ว, ออเรเลียบังคับใจเธอให้ตื่นจากความกลัว.

“พระเจ้า, เท้าขาไม่รู้สึกเลย, ซาตาน, ช่วยข้ายืนที…”

พอเห็นซีซาร์วิ่งลงรถม้าไปอย่างเร็ว, ออเรเลียก็พยายามลุกขึ้น. เธอเอามือเย่เทียนออกจากหน้าตักแล้วบ่น.

ความจริงแล้วเธอไม่ได้แค่ตะคริวกินแค่ที่เท้า แต่ทั้งร่างเธอก็แทบไม่รู้สึกเพราะไม่มีแรงเลยและเธอก็โทษรถม้าที่มันแคบเกินไป.

“ได้ครับ, ท่านหญิงออเรเลียผู้ทรงเกียรติ…”

เย่เทียนยิ้มแล้วเอามือของเขาออกจากเอวของเธอแล้วช่วยเธอจัดชุดที่ไม่เป็นระเบียบแล้วก็พูดอย่างสุภาพ.

จากนั้นออเรเลียก็ถูกจูงขึ้นแล้วเดินออกจากรถม้าช้าๆ. ตามแสงไฟที่เฉิดฉายอยู่ท่ามกลางความมืด, เย่เทียนเห็นรอยเปื้อนที่เสื้อของออเรเลียแล้วอดขำออกมาไม่ได้.

“ขอบใจนะ, ลอร์ดซาตาน, คืนนี้จะเป็นคืนที่ข้าลืมไม่ลงเลย!”

ออเรเลียพูดขณะที่เดินออกจากรถม้า, ตาของเธอระยิบระยับงดงาม.

“ครับ, ข้าจะจดจำงานแต่งงานโชกเลือดที่น่ากลัวนั่นไว้, ข้าหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยนะ!”

เย่เทียนยิ้มและคำนับเบาๆ.

ออเรเลียหน้าแดงขึ้นมาแล้วหันกลับแล้วเดินไปทางบ้าน. เธอรออาบน้ำอุ่นไม่ไหวแล้ว.

“ซีซาร์, ขอให้ฝันดีนะ! แล้วก็อย่าลืมคิดถึงเรื่องชีวิตให้ดีๆ, ศิษย์ค่อนข้างจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนะ”

เย่เทียนยิ้มให้ซีซาร์.

“ขอบพระคุณครับ ท่านน้องเขย, ท่านมีอะไรจะฝากให้น้องสาวข้าหรือไม่?”

ซีซาร์ตอบอย่างสุภาพและถามเย่เทียนอย่างเป็นกันเอง.

“เจ้ารู้จักข้าหนิ ซีซาร์ตัวน้อย, ท่านบอกพี่สาวท่านเถอะ, บอกให้นางเตรียมพร้อมแต่งกับข้าไว้เสมอและข้าเองก็พร้อมที่จะทำให้นางเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลกนี้”

เย่เทียนยิ้มและพูดกับซีซาร์แล้วขึ้นรถม้าของยูเลียไป.

“ท่านหญิงยูเลีย, เป็นเกียรติของข้าที่ได้ไปส่งท่าน”

เย่เทียนพูดเบาๆในความมืด.

“ข้าเองก็เป็นเกียรติที่จะได้รับความคุ้มครองจากท่านในความมืด, ท่านลอร์ดซาตาน”

แม้ว่าเธอจะไม่เห็นเย่เทียน, แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของชายชาตรีที่ใบหน้าของเธอ.

เย่เทียนค่อยๆนั่งลงและเงียบมากๆ. เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ค่อยสนิทกับนางนักและคืนนี้ก็เป็นครั้งที่สามที่พวกเขาได้เจอกันเอง.

ในความมืดนั้นทั้งสองอยู่เงียบๆและพวกเขาทั้งสองได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้นของกันและกัน. ยูเลียกลัวว่าเย่เทียนจะทำอะไรกับเธอเพราะเธอไม่รู้เหมือนกันว่าจะยินยอมหรือปฏิเสธดี.

แต่ทว่าเย่เทียนก็ไม่ได้ทำอะไร.

….

พอเย่เทียนกับสตรีทั้งสามจากไป พวกแขกก็ค่อยๆมีความกล้าขึ้นมาและออกไปจากตระกูลแครสซัส, เหลือไว้เพียงแค่ตระกูลของแครสซัสที่กำลังเสียใจไว้ข้างหลัง.

“เจ้าบ้าแครสซัส, บอกข้ามานะ, นี่เจ้าไปหมิ่นพระเจ้าองค์ใดมา? พระองค์ถึงต้องมาลงทัณฑ์เจ้าในคืนวันแต่งงานเยี่ยงนี้! โอ้ยเวรเอ้ย, เป็นงานเลี้ยงที่โชกเลือดเสียจริง! แล้วข้าจะบอกกับตระกูลอื่นเรื่องนี้ยังไง, เจ้าสาวของเจ้าถูกสัตว์ประหลาดจับตัวไป, เจ้าทำให้ตระกูลเราเสื่อมเสีย!!”

เมื่อแขกไปหมดทุกคนแล้ว, ชายชราพุงโย้เดินมาหาแครสซัสที่กำลังเข่าทรุดอยู่บนพื้นด้วยสีหน้ายู่ยี้. ชายชราคนนั้นแทบจะหายใจไม่ทันเลยทีเดียว.

“หมิ่นพระเจ้างั้นรึ?”

แครสซัสพูดด้วยเสียงเบาๆแล้วหน้าเขาก็เริ่มเย็นชาขึ้น “ท่านก็เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยรึ!? ถ้าหากข้าถูกลักพาตัวเจ้าสาวไปเพราะหมิ่นพระเป็นเจ้า, ไอ้พวกลอร์ดหน้าเลือดในโรมันก็คงถูกฟ้าผ่าจากพระเจ้าตายไปหมดแล้ว! ข้าว่ามันต้องเป็นใครซักคนที่อยากจะใส่กับข้าแน่ๆ!!”

“เจ้าลูกชายโง่, บ้าเอ้ย, นี่เจ้ายังไม่รู้ซึ้งถึงการทำลายล้างนี่อีกหรอ, หรือจะกลัวจนบ้าไปแล้ว? นี่เจ้าคิดจริงๆหรอว่ามันจะมีใครกล้ามาก่อปัญหาให้เจ้าได้? แล้วใครมันจะมีอำนาจพอที่จะมาควบคุมสัตว์ประหลาดให้มาฆ่าเจ้าแล้วลักพาตัวเจ้าสาวเจ้าไปห้ะ? เอาล่ะ, พรุ่งนี้เจ้าไปที่วิหารเพื่อขออภัยโทษจากพระเป็นเจ้าแล้วให้บาทหลวงระดับสูงร่ายเวทย์มนต์ปัดเป่าความชั่วร้ายออกไป… ข้าจะจัดการเรื่องอื่นเอง. เวรเอ้ย! ข้าไม่เคยได้ยินอะไรไร้สาระแบบนี้มาก่อนในชีวิตข้าเลย….”

แครสซัสคนพ่อนั้นกังวลสุดขีดและรีบออกคำสั่งให้แครสซัส.

“ท่านพ่อครับ, ข้าจะไปที่วิหารก็ได้แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของข้าแน่นอน. ท่านลองคิดดูสิครับ, ดูก็รู้ว่าสัตว์ประหลาดนั่นมันไม่ได้มาเพื่อเรา มันมาเพื่อเฮร่า. เพราะยามของเราไปเจอกับเจ้าตัวบ้านั่นเข้า มันจึงมีแต่เลือดนองเต็มไปหมด!”

แครสซัสคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วค่อยๆพูด.

“บ้าเอ้ย, ก็น่าจะใช่แหละ, ใช่แน่ๆ, เจ้าตัวนั่นไม่ได้พุ่งมาหาเรา, เป้าหมายของมันคือลักพาตัวเฮร่า!! น่าจะเป็นเพราะยัยเฮร่านั่นไม่ซื่อสัตย์ต่อข้าแล้วไปคบชู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเข้า มันเลยลักพาตัวเธอไปจากงานข้า. พวกเราเป็นคนที่เสียหายที่สุด, ข้าจะถูกตีตราความอับอาย, ตระกูลของเราเป็นผู้เสียหายที่สุด, ตระกูลของเราจะถูกเย้ยหยันและกลายเป็นตัวตลกที่ดังที่สุดในโรม! ตระกูลเวิร์นเนอร์ของเฮร่าจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เราฟัง. ไม่เพียงแค่พวกนั้นจะต้องชดใช้ค่าทำขวัญที่ในสิ่งที่ข้าเสียไป, พวกนั้นจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้, พวกนั้นจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้โว้ย!!”

แครสซัสเริ่มเข้าใจมากขึ้นเมื่อคิดไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายเขาก็ตะโกนออกมา.

“เฮร่าไม่ซื่อสัตย์งั้นรึ? ลูกชายข้า, เจ้าแน่ใจรึ?”

ชายชราแครสซัสรี่ตาลงแล้วถามแครสซัส, แม้ว่าแครสซัสกับตระกูลจะไม่สามารถเลี่ยงความอับอายได้ แต่ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง พวกเขาจำเป็นจะต้องคุยกับตระกูลเวิร์นเนอร์. ในฐานะผู้เสียหายแล้ว พวกเขาสามารถบันเทาความเสียหายให้ตระกูลได้และความอับอายที่แท้จริงก็จะตกไปอยู่ที่ตระกูลเวิร์นเนอร์.

“บ้าเอ๊ย, ถ้าข้ารู้แบบนี้ล่ะก็!! พวกเรายังไม่มีโอกาสได้เซ็กส์กันก่อนแต่งเลย! แต่นั่นไม่สำคัญอีกแล้ว. มันน่าจะเป็นอย่างที่ข้าเดาแน่ๆ, มันน่าจะเป็นเฮร่าและสัตว์ประหลาดนั่นแหละ. ถึงยังไงตอนนี้เราก็ไม่มีหลักฐานเหลือด้วย. พวกเขาบอกว่านางเวอร์จิ้น, นางเป็นเวอร์จิ้นงั้นเหรอ!! ตระกูลของนางจะต้องให้คำอธิบายแก่เราและต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดเลย!!”

แครสซัสมั่นใจในความคิดตัวเองมากและเสียงของเขาเย็นชามากๆ.

เขาไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้เลย!

เขาเป็นผู้เสียหาย!

“ลูกชายเอ้ย, เจ้าเตือนสติพ่อเสียจริง! เราไม่มีหลักฐานเพราะพวกนั้นตายไปหมดแล้ว, เจ้าพูดถูก! เฮร่าไม่ซื่อสัตย์และมีความสัมพันธ์กับสัตว์ประหลาดนั่น, เหตุนี้เองสัตว์ประหลาดนั่นเลยโผล่มางานแต่งเพื่อจะแย่งตัวเธอไป แล้วงานแต่งงานของเราก็จะมีแต่เลือดเต็มไปหมด. เราจะมารับผิดชอบแทนตระกูลเวิร์นเนอร์ไม่ได้ พวกมันนั่นแหละที่จะต้องมารับผิดชอบเราและแขกของเราทั้งหมด!!”

แครสซัสผู้ชราพูดเบาๆ.

ความอัปยศนี่จะต้องมาจากเจ้าสาวและตระกูลของนางแน่ๆ!

ส่วนเรื่องจะบาดหมางกันหรือป่าว?

พวกเขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว!

ชื่อเสียงของตระกูลต้องมาก่อน!