บทที่ 115 ประตูวัฏจักร ผลลัพธ์คืออายุขัยลดลง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 115 ประตูวัฏจักร ผลลัพธ์คืออายุขัยลดลง
“ศิษย์ของประมุขมาร?”

ตู้ขู่มองซูฉีอย่างตะลึงงัน สีหน้าท่าทางแปลกประหลาด

ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหมอนี่จะไม่ตอบตกลงเขา เขายังคงสงสัยว่าอาจารย์ของซูฉีจะเก่งกาจกว่าเขาได้อย่างไร

ซูฉีขมวดคิ้ว ภายในใจเขาเองก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ประมุขมารถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้เขาแล้วจากไป ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีก แม้กระทั่งเขายังสงสัยว่าประมุขมารตายไปแล้วเสียด้วยซ้ำ

ซูฉีสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปทางมารหลัวฉิว เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านตามหาข้าด้วยเหตุใด”

มารหลัวฉิวเอ่ยเย้าแหย่ขึ้นว่า “มอบโอกาสวาสนาให้เจ้า โอกาสวาสนาครั้งใหญ่!”

ดวงตาของซูฉีเป็นประกาย กำลังชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีและผลเสีย

ตู้ขู่ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรจะเลือกเช่นไรดี

“ผู้อาวุโส ท่านไปเถิด ขอบคุณท่านที่ดูแลข้าในช่วงเวลาที่ผ่านมา” ซูฉีมองตู้ขู่ เอ่ยขึ้นด้วยความจริงจัง

เขามองออกว่าตู้ขู่หวาดกลัวมารหลัวฉิวมาก ท่าทางกลับไม่ได้แข็งกร้าว เพราะอย่างนั้นจึงไม่อยากสร้างความลำบากให้กับตู้ขู่

ตู้ขู่รู้สึกลังเล

ซูฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “หากท่านต้องการแก้ปมที่ผูกมัดท่านไว้กับสำนักมารปีศาจจริงๆ เช่นนั้นท่านจงเดินทางไปยังต้าเยี่ยน ทำประโยชน์ให้กับสำนักหยกพิสุทธิ์สักระยะ ข้ามาจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ต่อไปถึงเข้าร่วมกับสำนักมารปีศาจ สำนักหยกพิสุทธิ์ก็เปรียบเสมือนภูมิลำเนาเดิมของข้า”

ตู้ขู่ทอดถอนใจ

กว่าจะขึ้นสวรรค์ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจละทิ้งอนาคตอันยิ่งใหญ่ของตนเพื่อผู้เยาว์เพียงคนเดียว

“หืม? สำนักหยกพิสุทธิ์?” มารหลัวฉิวครุ่นคิดด้วยความประหลาดใจ

‘ผู้ที่สังหารสัตว์เลี้ยงปีศาจของอาจารย์เขาก็มาจากสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ใช่หรือ’

นี่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือโชคชะตาฟ้าลิขิตกันแน่

ซูฉีมองมารหลัวฉิว กล่าวว่า “นำข้าไปเถอะ”

ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด

เมื่อดวงตาของมารหลัวฉิวสบเข้ากับซูฉีแล้ว จิตใจของเขากลับว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก

…..

ปีที่สามหลังจากที่ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กลับมา

หานเจวี๋ยฝึกฝนขั้นแปดของวิชาวัฏจักรหกวิถีฝึกจนสำเร็จในที่สุด พลังภายในขั้นแปดนั้นลึกซึ้งอย่างยิ่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับความหมายที่แท้จริงของหยินและหยางอยู่ไม่น้อย หลายปีมานี้เขาทั้งฝึกฝนหลอมปราณ ทั้งเรียนรู้พลังภายในขั้นแปดไปด้วย

หลังจากฝึกฝนพลังภายในขั้นแปดสำเร็จ ความทรงจำมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของหานเจวี๋ย

พลังพิเศษ!

ขอบเขตเฉพาะของวิชาวัฏจักรหกวิถีมักจะมาพร้อมกับพลังพิเศษเสมอ พลังดูดวิญญาณหกสายและตราประทับหกวิถีก่อนหน้านี้ ทำให้หานเจวี๋ยได้รับประโยชน์อย่างไร้ขอบเขต เขารอคอยเป็นอย่างมากว่าพลังพิเศษในครั้งนี้จะเป็นอะไร

หานเจวี๋ยเข้าสู่สภาวะตรัสรู้ที่ล้ำลึกทันที

หญ้าโลกาสวรรค์สั่นไหวเล็กน้อย

หลายวันต่อมา

หานเจวี๋ยเข้าใจพลังพิเศษใหม่

ประตูวัฏจักร!

ความหมายก็ตามตัว สามารถก้าวเข้าไปในประตูของวิชาวัฏจักรหกวิถี เขาสามารถนำวิญญาณเข้าไปในวิชาวัฏจักรหกวิถีได้ทันที อีกทั้งยังสามารถก้าวเข้าสู่ยมโลกโดยผ่านประตูวัฏจักร

พลังวิเศษนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยรู้สึกปีติเป็นอย่างมาก มีพลังวิเศษนี้ หากในอนาคตไม่สามารถเอาชนะได้ก็ยังสามารถหลบหนีไปยังยมโลกได้

เขาชอบวิธีการที่เกี่ยวกับการป้องกันและหลบหนีมากที่สุด

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาหลังจากนั้น ก่อนจะเริ่มสาปแช่งมารหลัวฉิว

หลังจากนั้นก็เป็นนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน จูเชวี่ยและโม่โยวหลิง ตามลำดับ

หานเจวี๋ยสาปแช่งไปพลางตรวจสอบจดหมาย

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x10023

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านพลัดหลงเข้าไปในแดนต้องห้ามบรรพกาล ถูกพลังไม่ดีก่อกวนไม่หยุด]

[โจวฝานสหายของท่านถูกศัตรูสามกลุ่มสำนักไล่สังหาร แผดเผาเลือดบริสุทธิ์ ก่อเกิดจิตใจชั่วร้าย]

[สิงหงเสวียนคู่บำเพ็ญเพียรของท่านตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของแดนผาสุก ความเข้าใจพุ่งสูงขึ้น]

[นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนศัตรูของท่าน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน ดวงชะตาถดถอย โอกาสเผชิญมารในใจสูงขึ้น]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย เมื่อรวมกับคำสาปแช่งของท่าน อายุขัยของมารหลัวฉิวลดลงพันปี และผลลัพธ์นี้จะส่งผลสืบไป]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านสร้างพลังวิเศษของตนเอง ดวงชะตาพุ่งทะยาน]

…..

เอ๋?

ใช้ได้เลยนี่!

ไม่ได้มีแค่การถูกตีเพียงอย่างเดียว กลับมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มมาบ้างแล้ว

พลังที่ไม่ดีหมายถึงอะไรกัน

สิ่งชั่วร้ายหรือ

หานเจวี๋ยอดไว้ทุกข์ให้กับพี่ชายภรรยาไม่ได้

ความเข้าใจของสิงหงเสวียนเพิ่มสูงขึ้น ดูเหมือนว่าแดนผาสุกที่นางเข้าไปนั้นจะไม่ธรรมดา

เมื่อเห็นผลสำเร็จของการที่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและมารหลัวฉิวถูกคำสาปแช่งของเขาแล้ว หานเจวี๋ยก็ดีใจจนอยากจะปรบมือ

เดี๋ยวก่อน!

ซูฉีแพร่กระจายความโชคร้ายให้มารหลัวฉิวหรือ

บังเอิญขนาดนี้เชียว?

หรือทั้งคู่ปะทะกันแล้ว

หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด

ในบรรดาเป้าหมายประจำวันทั้งสี่ เขาลงมือกับมารหลัวฉิวรุนแรงที่สุด เขาก็ไม่กลัวว่าจะสาปแช่งผิดพลาด เพราะในกระบวนการสาปแช่งนั้น เขาถ่ายทอดจิตรับรู้ของตนลงในหนังสือแห่งความโชคร้ายอย่างต่อเนื่อง

มารหลัวฉิวที่มีความสัมพันธ์ในเชิงผลกรรมกับเซวียนฉิงจวิน!

หานเจวี๋ยพลันมีความคิดอุกอาจผุดขึ้นมาอย่างหนึ่ง

เป็นไปได้หรือไม่ เพราะคำสาปแช่งของหนังสือแห่งความโชคร้าย มารหลัวฉิวถึงได้พบกับซูฉี?

พลังแห่งผลกรรม เป็นวิถีแห่งกฎเกณฑ์ที่แปลกประหลาดและลึกลับที่สุดในจักรวาล

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอีก ทางที่ดีมารหลัวฉิวควรตกตายไปด้วยความโชคร้าย เช่นนี้ถึงจะตัดความเป็นไปได้ที่เขาจะตามหาตนเพื่อแก้แค้นอย่างสมบูรณ์

แม้เซวียนฉิงจวินจะเคยรับปากอย่างหนักแน่น ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาหานเจวี๋ยก็ไม่เคยฝากฝังความหวังไว้กับคนอื่น

ทางที่ดีศัตรูควรจะตกตายไปเสีย ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ!

…..

หนึ่งเดือนต่อมา หานเจวี๋ยเรียกเหล่าศิษย์เข้าไปในถ้ำเทวา

ไก่คุกรัตติกาลก็ตามมาด้วย

หานเจวี๋ยให้พวกเขาหาที่นั่งด้วยตัวเอง ฟางเหลียงเกือบเหยียบเข้ากับหญ้าโลกาสวรรค์ จนหญ้าโลกาสวรรค์ต้องตะโกนร้องด้วยความตกใจ และทำให้ฟางเหลียงกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา

“นี่คือหญ้าเซียนที่ข้าปลูกไว้ พวกเจ้าระวังหน่อย” หานเจวี๋ยขมวดคิ้วกล่าว

ฟางเหลียงตกใจจนหน้าซีดขาว ด้วยกลัวว่าหานเจวี๋ยจะขุ่นเคือง

ไก่คุกรัตติกาลเดินมาตรงหน้าหญ้าโลกาสวรรค์ เอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “นายท่าน ท่านปลูกไว้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ลืมแล้ว วันนี้ที่เรียกพวกเจ้ามา เพราะอาจารย์ประสงค์จะให้โอวาทแก่พวกเจ้า หากพวกเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญ สามารถเอ่ยถามได้”

หลังจากทะลวงถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้ว ระดับความรวดเร็วของตบะก็ช้าลง เขาจึงสามารถเจียดเวลาเล็กๆ น้อยๆ มาชี้แนะลูกศิษย์ของตนได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ประหลาดใจ ต่างพากันคาราวะขอบคุณหานเจวี๋ย

ในตอนต้นของการให้โอวาท หานเจวี๋ยก็บรรยายถึงมรรคกระบี่ของตนให้เหล่าศิษย์ได้ฟัง

แม้ผู้ฝึกสายกระบี่อย่างแท้จริงจะมีไม่กี่คน แต่ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ต่างก็ฝึกฝนกระบี่ กระบี่ถือเป็นราชาแห่งศาสตราวุธนับร้อย คู่ควรกับผู้บำเพ็ญเซียนเป็นอย่างมาก

ผ่านไปเจ็ดวัน หานเจวี๋ยหยุดการให้โอวาท

เหล่าศิษย์ล้วนเข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่าง รวมถึงไก่คุกรัตติกาลด้วย

หานเจวี๋ยเริ่มแก้ไขข้อสงสัยให้พวกเขาทีละคน

หลังจากนั้นสิบวัน เหล่าศิษย์ถึงได้ออกจากถ้ำเทวาไป

“พลังมรรคของอาจารย์ปู่ช่างลึกล้ำยิ่งนัก” มู่หรงฉี่เอ่ยด้วยความทอดถอนใจ ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

ฟางเหลียงพยักหน้าเห็นพ้อง

หยางเทียนตงประสานหมัดแน่น ตัดสินใจแน่วแน่ หลังจากนี้ไม่อาจเกิดความคิดวอกแวกที่จะออกไปข้างนอกอีก เขาจะตั้งใจฝึกฝนตามแนวทางของหานเจวี๋ย

ฟังโอวาทของหานเจวี๋ย ดีกว่าร่อนเร่อยู่ข้างนอกเป็นร้อยปี!

สวินฉางอันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาเพียงเดินมาที่ขอบหน้าผา เริ่มฝึกวิชากระบี่บินไร้หัวใจ

ภายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยนำโอสถที่เซวียนฉิงจวินมอบให้เขาออกมา หลังจากกินเข้าไปแล้วจึงเริ่มดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน

จู่ๆ หญ้าโลกาสวรรค์พลันเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน หลังจากนี้ข้าจะเป็นผู้ฝึกสายกระบี่ เป็นอย่างไร”

หญ้าสายกระบี่หรือ

“ย่อมได้ บางทีเจ้าอาจจะกลายเป็นกระบี่เล่มแรกในหกแดนก็เป็นได้” หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นดูค่อนข้างอ่อนโยนนัก

เมื่อหญ้าโลกาสวรรค์ได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น แทบจะแปลงกายในทันที

หานเจวี๋ยคาดคะเนไว้ว่า อย่างมากที่สุดห้าสิบปี หญ้าโลกาสวรรค์ก็จะสามารถแปลงกายได้ ด้วยความดีความชอบของพลังวิญญาณของเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

เหล่าศิษย์ทุกคนล้วนกำลังมุ่งมั่นฝึกฝน เจริญเติบโตงดงาม สิ่งนี้ทำให้หานเจวี๋ยพอใจยิ่งนัก

นี่ถึงจะเป็นชีวิตการบำเพ็ญเซียนที่เขาปรารถนา

วันคืนที่เงียบสงบ

อ้อ

เว้นแต่สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นที่ยังคงไม่กลับมา

ทางที่ดีไม่ต้องกลับมาเสียจะดีกว่า!

…..

ภูเขาโอบล้อม ระหว่างพื้นที่ราบมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนอนหมอบอยู่บนแท่นบูชานั้น ถูกปกคลุมไปด้วยเครือเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมคมพันมัดไว้ ขนสีขาวเงินถูกอาบย้อมไปด้วยสีแดงฉานขนานใหญ่

บริเวณแท่นบูชารายล้อมไปด้วยผู้บำเพ็ญสายมารวงแล้ววงเล่า

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตสีดำผู้หนึ่งชักดึงกระบี่ตรงหว่างเอวออกมา ปลายกระบี่ชี้ไปยังสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น กล่าวว่า “เวลาอันเป็นมงคลกำลังมาถึง ด้วยเลือดของเทพเจ้า อัญเชิญจิตแห่งมาร พวกเจ้าพร้อมสำหรับการมาถึงของจักรพรรดิมารหรือยัง”

“รอคอยการมาถึงของจักรพรรดิมาร!”

ผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหลายโห่ร้องตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นบ้าคลั่ง

…………………………………………………………………………..