บทที่ 157 สยบในหนึ่งการเคลื่อนไหว

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 157 สยบในหนึ่งการเคลื่อนไหว

บทที่ 157 สยบในหนึ่งการเคลื่อนไหว

หลี่ว์ปินเป็นสมาชิกหน่วยของอู๋ฝาน ปีนี้อายุสามสิบปี นับได้ว่ามีอายุมากที่สุดในหน่วย เป็นคนค่อนข้างเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา แม้เช่นนั้นก็ไม่เคยปฏิเสธคำสั่งของเขา ทั้งยังตอบรับโดยไร้ซึ่งความลังเล

พละกำลังของหลี่ว์ปินไม่ได้ยอดเยี่ยมเช่นอู๋ฝานหรือหนิวเอ้อ และไม่ได้ปราดเปรียวเหมือนเจิ้งเสี่ยวลิ่ว เพียงแต่เขาแข็งแรงกว่าและมีความมั่นคงยิ่งกว่า ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เมื่อคิดทำการใหญ่ก็จะไม่ผิดพลาด อีกทั้งยังรับการฝึกอย่างจริงจังตั้งใจ เรียกได้ว่าความสามารถทางการต่อสู้ในหน่วยนั้น เป็นรองก็เพียงอู๋ฝานและหนิวเอ้อ

คนทั้งสามยืนนิ่ง เผชิญหน้ากับศัตรูทั้งหลายในสถานการณ์อันตรายถึงที่สุด อู๋ฝานจะคอยช่วยหนิวเอ้อและหลี่ว์ปินที่อยู่ข้างเคียง เพื่อเป็นการลดแรงกดดันที่พวกเขาต้องแบกรับ

“ถอยไป ข้าเอง!”

ขณะนี้เอง ที่หยางจื้อหู่บุกเข้ามาจากทางด้านหลัง ยามพบอู๋ฝาน อีกฝ่ายถึงกับเผยดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะ

หยางจื้อหู่อยู่กองทัพกบฏมายาวนานเกินกว่าหนึ่งปี เคยต่อสู้กับกองทัพราชสำนักมาแล้วหลายครั้งหลายครา เพียงแต่ไม่เคยได้รับบาดเจ็บแม้สักครั้ง

แต่แล้ววันนี้ตนกลับได้รับบาดเจ็บยามเผชิญหน้ากับกองทัพสำรองไร้ค่า มันทำให้เขาไม่อาจอดรนทนได้ไหว ไม่แปลกหากโทสะจะพลุ่งพล่านเลือดร้อน ทั้งยังปรารถนาสังหารอีกฝ่ายให้ตกตายคาที่

ตอนนี้ความเกลียดชังต่ออู๋ฝานของเขายิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้น

เพราะตัวตนของชายหนุ่ม คนของเขาจึงไม่อาจทำลายวงล้อมป้องกันของกองทัพสำรองตรงหน้าได้ ไม่มีหนทางขยับขยายผลลัพธ์การศึก มันจึงยิ่งทำให้ตนนั้นอยากสังหารอู๋ฝานแรงกล้ามากขึ้นไปอีก

“ตายเสียเถอะ!” หยางจื้อหู่บุกเข้าหาอู๋ฝานซึ่งหน้า สายลมรุนแรงพัดผ่านมือของเขา ฟันอาวุธใส่ชายหนุ่มด้วยพลังแข็งแกร่งเปี่ยมล้น ประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายทะยานลงจากขุนเขา

อู๋ฝานเองก็ได้ตระหนักถึงตัวตนหยางจื้อหู่ และทราบดีว่าอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าของกองทัพกบฏ ตราบเท่าที่สังหารอีกฝ่าย แม้อาจไม่ถึงขั้นคลี่คลายวิกฤตที่กำลังเผชิญโดยทันที แต่อย่างน้อยจะเป็นการคลายแรงกดดันลงได้มาก ก่อนหน้านี้เขาคิดสังหารอีกฝ่ายแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่พลาดไป ขณะนี้โอกาสมาเยือนตรงหน้าหมายสังหารตนเอง ชายหนุ่มย่อมไม่มีทางหลบเลี่ยงหลีกหนี

กระบี่ยาวศิลาดำในมือของเขาพลันวาดเป็นจันทราครึ่งเสี้ยวกลางอากาศ ต้านรับการโจมตีที่พุ่งเข้าหาตรงหน้าเอาไว้

“ตึง!”

หนึ่งกระบี่และหนึ่งมีดยักษ์ปะทะกัน ขณะนี้เกิดเป็นประกายไฟจากแรงเสียดสีในชั่วพริบตา

“จงตายซะ!” หยางจื้อหู่ไม่อาจชิงความได้เปรียบ จึงได้แต่ถอนมีดยักษ์ของตน ทว่ายังคงรุกคืบต่ออีกครั้งด้วยพละกำลังจากทั้งกาย ราวคิดใช้พละกำลังของตนเองที่เหนือกว่าสยบอู๋ฝาน

หยางจื้อหู่มีความมั่นใจในพละกำลังจนเปี่ยมล้น ก่อนหน้านี้บ่อยครั้งยังขันแข่งประชันกำลังกับผู้อื่น ตัวเขาแทบไม่เคยแพ้ ดังนั้นยามพบเห็นคนร่างบางเช่นอู๋ฝานที่ดูไร้เรี่ยวแรง จึงคิดไปว่าพละกำลังของตนเหนือกว่าเป็นล้นพ้น

เพียงแต่เห็นได้ชัด ว่าหยางจื้อหู่ปรามาสพละกำลังของอีกฝ่ายเกินไป เพราะสวมใส่อุปกรณ์ครบเต็มที่ พละกำลังของอู๋ฝานจึงสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกหน่วย มันเป็นพละกำลังระดับที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางครอบครองได้

ดังนั้นแล้ว แม้ว่าหยางจื้อหู่จะทุ่มเทกำลังสุดตัว แต่เขาก็ยังไม่อาจกดดันเล่นงานอู๋ฝานลงได้ ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ขยับเคลื่อนไหวจากรูปขบวน แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ตัวหยางจื้อหู่ สีหน้าเวลานี้แดงก่ำเพราะรีดเร้นพละกำลังออกมาอย่างสุดตัว

เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

หยางจื้อหู่มองอู๋ฝานที่สีหน้าสงบนิ่ง ร่างกายไม่ไหวติงสั่นเทาเลยแม้แต่น้อย ในใจเวลานี้จึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเปี่ยมล้นขึ้นมา

ไฉนอีกฝ่ายมีพละกำลังเลิศล้ำเพียงนี้ได้? ถึงขนาดตัวเราไม่อาจเทียบเปรียบเลยงั้นหรือ?

หยางจื้อหู่ผู้ซึ่งมั่นใจในพละกำลังของตนเองเป็นล้นพ้น ขณะนี้เกิดรู้สึกเหน็บชาขึ้นเป็นครั้งแรก

“ถึงคราวข้าแล้ว”

ขณะหยางจื้อหู่แตกตื่นกับพละกำลังราวเทพประทานของอู๋ฝาน ชายหนุ่มกลับเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาถึงกับสะดุ้งถอยกลับ พร้อมเกิดรู้สึกได้ว่าขาซ้ายของตนเองถูกเล่นงานอย่างหนัก ราวกับมันถูกรถลากหนักอึ้งพุ่งทะยานเข้าชนก็ไม่ปาน

“กึก!”

อู๋ฝานยื่นเท้าขวาของตนตวัดกวาดออกไป เตะตรงเข้าใส่ขาซ้ายของหยางจื้อหู่ด้วยพละกำลังอันรุนแรง ทั้งชายหนุ่มและอีกฝ่ายจึงต่างได้ยินเสียงกระดูกหักดังกึกออกมาโดยพร้อมกัน

“อ๊าก!”

หยางจื้อหู่แผดร้องเสียงดัง สีหน้าขาวซีดในชั่วพริบตา เม็ดเหงื่อผุดปรากฏเต็มหน้าผาก ทั้งใบหน้าบิดเบี้ยวรุนแรงเพราะอาการเจ็บปวด

เพียงแต่ เรื่องราวไม่ได้สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้!

อู๋ฝานเตะออกไปอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ไม่ได้ออกแรงมากนัก แม้กระนั้นก็ยังแข็งแกร่ง หลังทำขาซ้ายหยางจื้อหู่หักได้แล้ว ลูกเตะถัดไปจึงตรงเข้าหาขาข้างขวาที่ยังเหลือของอีกฝ่าย

“อ๊าก!!”

“เจ็บแทบตายแล้วโว้ย!”

หยางจื้อหู่ที่ตามปกติสมควรอดกลั้นต่อความเจ็บปวดได้ ทว่าครั้งนี้ขาทั้งสองข้างถูกเตะจนกระดูกหน้าแข้งหัก ความเจ็บปวดนั้นมากล้นจนเกินไป มันเกินกว่าที่ขีดจำกัดของตัวเขาจะทนรับไหว ไม่แปลกหากจะส่งเสียงร้องออกมาประหนึ่งหมูถูกเชือด

กล่าวได้ว่าการที่เขาไม่เจ็บปวดจนสลบคาที่ ก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว

เพราะขาทั้งสองข้างถูกลูกเตะเล่นงานจนหักเดี้ยง ร่างกายของหยางจื้อหู่จึงเกิดเสียสมดุล พลังทั้งร่างกายเลือนหายวับไปในชั่วพริบตา สุดท้ายจึงทิ้งร่างล้มลงไปกองกับพื้น

อู๋ฝานคว้าข้อมือของอีกฝ่ายด้วยมือซ้ายของตน ก่อนที่เสียง “กึก” จะดังตามขึ้นมาอีกครั้ง ข้อมือของหยางจื้อหู่หักบิดเบี้ยว มีดยักษ์ที่เคยถือด้วยมือข้างนั้นจึงร่วงหล่นกับพื้น

“มาสังหารข้ามิใช่หรือ?” อู๋ฝานพาดกระบี่เล่มยาวของตนกับลำคอของหยางจื้อหู่ พลางเอ่ยคำถามเสียงเบาทว่าเย็นยะเยือก

เวลานี้หยางจื้อหู่แน่นิ่งไม่ไหวติง สีหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออกจากเบ้า

หยางจื้อหู่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตอนที่เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับอีกฝ่าย ตนจะกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยง่ายดายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นความพ่ายแพ้อันน่าอนาถ เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำก็กลายเป็นคนพิการ กระทั่งว่าวันนี้สามารถหลบหนีพ้นจากความตายไปได้ วันหน้าก็เป็นได้เพียงคนที่ไม่อาจใช้การได้อีก

คนพิการนับได้ว่ามีชีวิตเทียบเท่าคนตาย หรือไม่ก็เลวร้ายยิ่งกว่าคนตาย

เห็นอีกฝ่ายมึนงงไม่อาจตอบโต้ อู๋ฝานจึงโค้งกายเล็กน้อย คว้าคอเสื้ออีกฝ่าย ก่อนจะจับร่างนั้นยกขึ้น

“หัวหน้าของพวกแกถูกจับตัวได้แล้ว หากยังไม่คิดอยากตาย จงวางอาวุธลงเดี๋ยวนี้!” อู๋ฝานตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมกับดึงร่างหยางจื้อหู่ด้วยมือข้างเดียวให้ได้เห็นต่อหน้ากองทัพกบฏนับพันคน เขายังคงมีท่าทีสงบนิ่งไร้ซึ่งความกลัวเกรง

ทัพกบฏบางคนยังคงต่อสู้ ขณะที่ผู้อื่นจับจ้องคนในมือของอู๋ฝานอย่างเหม่อลอย หยางจื้อหู่กลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง ไม่แปลกหากว่าพวกเขาจะเกิดรู้สึกรับไม่ได้กันชั่วขณะ

เมื่อครู่หยางจื้อหู่เพิ่งเด็ดหัวขุนพลของอีกฝ่ายอย่างอาจหาญ แต่แล้วเพียงชั่วอึดใจ หยางจื้อหู่กลับเป็นฝ่ายถูกจับกุมตัวทั้งเป็นในสภาพพิการไม่อาจใช้งานได้อีก เรื่องราวพลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเร็วจนเกินไป ทหารกองทัพกบฏที่เดิมขวัญกำลังใจเปี่ยมล้น ไม่แปลกหากตอนนี้จะมิอาจทำใจยอมรับได้

“หัวหน้าพวกแกถูกจับตัวเอาไว้แล้ว ถ้ายังไม่อยากตาย จงวางอาวุธลง!” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้อีกหลายคนจะได้ตระหนักว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ไม่ว่าทัพกบฏหรือคณะขนส่งเสบียง พวกเขาถึงกับต้องชะงักงันเพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

จากศึกที่ดุเดือดเมื่อครู่กับภาพที่เห็นตอนนี้ ทำให้รู้สึกราวกับมนตร์ที่สะกดเอาไว้เสื่อมคลายลงอย่างกะทันหัน แต่ละคนเริ่มหยุดการต่อสู้ กระทั่งว่าคนที่อยู่ไกลห่างจากอู๋ฝานจนไม่ได้ยินถ้อยคำ แต่ได้เห็นหยางจื้อหู่ในกำมือของอีกฝ่าย พวกเขายังถึงกับต้องยืนชะงักนิ่งงัน

มันเกิดอะไรขึ้น?

เหตุใดหัวหน้าของพวกเขาถูกจับกุมตัว? อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถต่อกรได้แม้แต่น้อย มันเกิดเรื่องราวใดขึ้นกันแน่

ทหารกองทัพกบฏต่างมองหยางจื้อหู่ในกำมือของอู๋ฝานด้วยอาการตื่นตระหนก!