คำพูดของหลี่รูยาทำให้ความโกรธของฮั่วเทียนเริ่มปะทุขึ้นมาในใจ

คุณแม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ ต้องเป็นเพราะโดนอันหรันเป่าหูมาแน่ๆ

ผู้หญิงคนนี้นี่มันสุดยอดจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะแอบรายงานเรื่องนี้ให้คุณแม่ทราบ ที่เตือนไปเมื่อวาน เธอลืมไปจากสมองแล้วหรือไงกัน

“เรื่องนี้ผมจะพิจารณาดูนะครับ แต่คุณแม่ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน คุณแม่ได้โปรดอย่าเข้ามายุ่งอีกเลยได้ไหม” เสียงของฮั่วเทียนหลันเย็นชาเล็กน้อย

ทำให้หลี่รูยาที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์รู้สึกโกรธจนตัวสั่นขึ้นมา เธอเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม : “เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือแกหรอก มาใช้ชีวิตอยู่กับอันหรันดีๆ แล้วมีหลานชายตัวอ้วนให้ฉันได้แล้ว แกต้องทำตามที่ฉันบอก เข้าใจไหม”

ความกดดันจากหลี่รูยาไม่ได้ทำให้ฮั่วเทียนหลันเกิดความประนีประนอมใดๆเลย เขากลับพูดขึ้นว่า : “คุณแม่ครับ ตอนนี้ผมยุ่งอยู่ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะครับ!”

พูดจบ ฮั่วเทียนหลันก็กดวางสายทันที

เขาเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมองไปทั่วร่างของโจวหยวน แล้วเอ่ยขึ้น : “นายยืนทำบื้ออะไรอยู่ตรงนี่”

โจวหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ : “ท่านประธานฮั่วครับ จริงๆแล้วผมคิดว่านายหญิงเป็นคนดีมากคนหนึ่งเลยนะครับ… ”

ฮั่วเทียนหลันหน้านิ่ง ก่อนจะยกมุมปากขึ้น แล้วกล่าวว่า : “ไหนลองบอกมาซิว่าเธอทำอะไรให้นายบ้างเหรอ ถึงทำให้นายพูดถึงเธอในทางที่ดีแบบนี้”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ท่านประธานฮั่ว ก็แค่… ” โจวหยวนยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกสายตาพิฆาตของฮั่วเทียนหลันมองมา

“โจวหยวน นายอยู่เคียงข้างฉันมาก็หลายปีแล้ว นายไม่เข้าใจกฎของฉันเหรอ” หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ของฮั่วเทียนหลัน ใบหน้าของโจวหยวนก็หม่นหมองลงทันที

อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด นี่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ฮั่วเทียนหลันใช้มาตลอด

เขาก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยขึ้น : “เข้าใจแล้วครับ”

“งั้นก็ดี ลงไปสำนึกผิดด้วยตัวเองไป!”

บอกจบฮั่วเทียนหลันก็กลับมาสนใจเอกสารตรงหน้า ไม่ได้ใส่ใจโจวหยวนอีกต่อไป

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อฮัวเทียนหลันเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว

เขาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่ามู่เหว่ยส่งข้อความมามากมายใน WeChat ถามว่าเขาจะกลับมากี่โมง

ฮั่วเทียนหลันกำลังจะตอบกลับไปว่าอีกสักพัก แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของแม่แล้ว เขาก็เกิดความลังเลขึ้นมา

เขาจึงตอบกลับไปว่า: “คืนนี้ฉันมีธุระนิดหน่อย คงจะไม่ได้ไปแล้ว”

เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปที่ลานจอดรถใต้ดิน ก่อนจะขับรถกลับไปยังบ้านพัก

เขาจอดรถเสร็จ ก็พบว่าตอนนี้ภายในบ้านมืดสนิด

เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน เมื่อเปิดไฟขึ้นก็เห็นอันหรันนอนขดตัวอยู่บนโซฟา เธอหลับไปแล้ว

อันหรันนอนกระสับกระส่ายเล็กน้อย หลังจากรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวรอบตัว เธอก็ลืมตาขึ้นทันที

แต่แสงสว่างจ้าทำให้เธอต้องหลับตาลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน : “ทำไมไม่ไปนอนบนเตียงดีๆ”

อันหรันชะงักไปชั่วขณะ ฮั่วเทียนหลัน ทำไมคืนนี้เขาถึงกลับมาล่ะ

เขาเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ แล้วยังจะกลับมาอีกทำไม

เธอเอ่ยตอบเสียงเบา : “เตียงเป็นของคุณชายฮั่วค่ะ คุณชายฮั่วไม่ชอบให้ฉันขึ้นไปบนนั้น”

คำพูดของเธอทำให้ฮั่วเทียนหลันหน้าขลึมยิ่งกว่าเดิม เขาเกือบจะหัวเราะเยาะออกมาแล้ว

ถ้าอันหรันเชื่อฟังอย่างนี้จริงๆ ก็คงจะไม่มีเรื่องอย่าว่ากับหยางจื่อหยินหรอก

“เธอเชื่อฟังขนาดนี้เลยเหรอ” ฮั่วเทียนหลันถามขึ้นอย่างเย็นชา

อันหรันตอบรับแค่อืม เธอลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตา จากนั้นมองไปที่ฮั่วเทียนหลันที่อยู่ใต้แสงไฟ ร่างกายของเขาเปล่งแสงแพรวพราว

เขากลับมาทำไม มู่เหว่ยเพิ่งประสบอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ

ตามนิสัยของมู่เหว่ยแล้ว คงจะรั้งฮั่วเทียนหลันไว้กับตัวเองที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน ให้เขาคอยอยู่ดูแล และพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่

“ขึ้นไปบนเตียง” ฮั่วเทียนหลันออกคำสั่งเสียงแข็ง

อันหรันลังเลเล็กน้อย เธออยากจะเอ่ยปฏิเสธไป แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของฮั่วเทียนหลันแล้ว เธอจึงรีบกลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับเข้าไปไว้ที่เดิม

เธอยังไม่มีความกล้าถึงขนาดที่จะไปพูดต่อกรกับฮั่วเทียนหลันหรอก

แต่การที่ต้องเชื่อฟังคำพูดของฮั่วเทียนหลันอย่างเช่นเมื่อก่อนนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากจะทำนัก

ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่องพูด : “คุณชายฮั่วคะ มู่เหว่ยต้องเข้าโรงพยาบาลก็เพราะปกป้องคุณ คุณก็ควรไปอยู่ดูแลเธอไม่ใช่เหรอ”

“เรื่องของฉันเธอยุ่งอะไรด้วย อันหรัน ถ้าต่อไปเธอยังกล้าที่จะแอบรายงานให้คุณแม่ทราบเรื่องอยู่อีก ก็อย่าหาว่าฉันทำเกินไปแล้วกัน!” คำพูดของอันหรันทำให้ฮั่วเทียนหลันนึกถึงเรื่องที่คุณแม่โทรมาหาเขาในวันนี้ น้ำเสียงที่ดุดันในคำพูดนั้น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามองอันหรันเป็นผู้ร้ายในเรื่องนี้ไปแล้ว

อันหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบรายงานอะไร ตัวเธอเองไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

ฮั่วเทียนหลันไม่ชอบเธอ เธอก็พยายามใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังที่สุดแล้ว เธอไม่ได้อยากจะหาเรื่องใส่ตัวสักนิด

“ขอโทษนะคะคุณชายฮั่ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร เรื่องระหว่างคุณกับมู่เหว่ยฉันไม่เคยพูดต่อหน้าคุณแม่เลยสักครั้ง” อันหรันอธิบายด้วยน้ำเสียงเย็น เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด

“ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนพูด แล้วคุณแม่จะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เพราะแค่เห็นฉันเฝ้าป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วท่านก็รู้เองทุกอย่างยังงั้นเหรอ อันหรัน จะโกหกทั้งทีก็หาข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้หน่อย” ฮั่วเทียนหลันเม้มริมฝีปากและพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์

ใจของอันหรันยิ่งรู้สึกเจ็บปวด สำหรับเขาแล้วเธอมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ

แต่เธอไม่อยากดูขี้แพ้ จึงต้องแกล้งแสดงท่าทีสงบ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณชายฮั่ว ฉันคิดว่าคุณน่าจะคิดเยอะไปหน่อยนะคะ ระหว่างเรามันเป็นแค่การแต่งงานตามสัญญาเท่านั้น พอหมดสัญญาแล้ว เราสองคนก็ต้องหย่าตามที่เคยตกลงกันไว้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่กับใคร มีลูกกับใคร หรือมอบทรัพย์สมบัติอะไรให้ใครก็ตาม มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ฉันแค่ทำหน้าที่ของฉันในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่หมดสัญญาก็แค่นั้น”

ท่าทางเย่อหยิ่งไม่สนใจใครของอันหรัน ทำให้ฮั่วเทียนหลันโมโหจนเกือบจะคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเดินไปข้างหน้าและดึงอันหรันเข้ามาหาตัว

ร่างกายอ่อนแรงของอันหรันเอนตัวพิงฮั่วเทียนหลันอย่างกับคนอ่อนแอ ทำให้ความประหลาดใจฉายเข้ามาในตาของเขา

“อันหรัน ในเมื่อเธอพูดอย่างนั้นแล้ว ต่อไปก็อย่าให้ฉันได้ยินอะไรเกี่ยวกับตัวฉันและมู่เหว่ยจากปากของคุณแม่อีก ไม่งั้นเธอได้เห็นดีแน่!”

พูดจบ ฮั่วเทียนหลันก็สลัดอันหรันออกไป อันหรันถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะล้มลงบนเตียง

เพราะเตียงนอนที่นุ่มมาก จึงทำให้อันหรันไม่รู้สึกเจ็บตัวอะไร

แต่ความเศร้าภายในใจที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำหลังจากได้รับการรักษาอย่างหยาบกระด้างนั้น กลับไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยความรู้สึกทางกายได้เลย

“คุณชายฮั่วคะ แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อฉันก็ตาม แต่ฉันก็ยังอยากบอกคุณเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ ฉันก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคุณทั้งนั้น”

น้ำเสียงของอันหรันที่เอ่ยขึ้นเผยให้เห็นถึงความรู้สึกสิ้นหวัง ทำให้ฮั่วเทียนหลันรู้สึกใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

ในตอนนี้ เขามีความคิดที่อยากจะดึงอันหรันขึ้นมาจากพื้น แล้วโอบกอดเธอด้วยความรู้สึกรักใคร่

แต่เขาก็คิดได้ว่าอันหรันเป็นพวกผู้หญิงตีสองหน้า ดังนั้นเขาจึงยับยั้งตัวเองไม่ให้ยื่นมือออกไป เดิมทีเขาอยากจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนคลี่คลายลง แต่หลังจากพูดออกมาแล้วก็กลับเปลี่ยนใจ : “ฉันจะบอกว่าฉันเชื่อเธอก็ได้ แต่ฉันรู้ว่าไม่นานเธอก็คงจะแอบไปรายงานเรื่องให้คุณแม่ทราบอยู่ดีนั่นแหละ อันหรัน ฉันรู้จักเธอเป็นอย่างดี การแสดงปลอมๆแบบนี้ ในสายตาของฉันมันเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนสิ้นดี! ”

พูดจบ ฮั่วเทียนหลันก็สะบัดมือ เตรียมต่อจะเดินจากไป

อันหรันลุกขึ้นจากเตียง แม้ว่าเตียงจะหนุ่มแค่ไหน แต่ตอนนี้กลับเป็นเรื่องยากที่เธอจะนั่งลงไปได้อีก : “คุณชายฮั่ว ดึกขนาดนี้แล้วคุณจะไปไหนคะ”

ฮั่วเทียนหลันชะงักฝีเท้าอยู่ครูหนึ่ง เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา สักพักจึงกระแทกปิดประตูเสียงดัง เหลือไว้เพียงประโยคเย้ยหยันที่ยังคงดังกึกก้องอยู่ภายในห้อง : “ฉันจะไปที่ไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนแปลกหน้าอย่างเธอ”