บทที่ 130 บดขยี้หัวใจผู้คน

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

“ก็ข้าต้องการบดขยี้หัวใจของพวกนางน่ะสิ” เฮ่อเหลียนเวยเวยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่วาดอยู่บนริมฝีปากบาง ดูราวกับนางมารน้อยแสนน่ารัก…

ณ ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง

เฉิงสงเดินนำลุงจางขึ้นบันได หลังจากเห็นคนกลุ่มนั้น เขาก็หันไปหามู่หรงฉางเฟิงแล้วหัวเราะออกมา “หลานชาย เจ้าก็มาด้วยหรือ เป็นอย่างไรบ้าง อาจารย์ตู๋เทียนสบายดีหรือเปล่า เขายังหาเด็กอัจฉริยะที่อยากจะรับเป็นศิษย์อยู่หรือไม่”

“ท่านอาจารย์แข็งแรงดี” น้ำเสียงของมู่หรงฉางเฟิงราบเรียบเป็นอย่างมาก “ส่วนเรื่องอื่นนั้น ข้าไม่รู้อะไรมากนัก”

เฉิงเฉิงหน้าขึ้นสี นางยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง พร้อมกับพูดแทรกขึ้นมาว่า “ท่านพ่อ ใช่ว่าท่านจะไม่รู้ว่ามู่หรงซื่อจื่องานยุ่งเพียงใด แต่ท่านก็ยังเอาแต่ถามเรื่องพวกนั้นกับเขาอยู่ได้”

เฉิงสงมองบุตรสาวของตน เขาพอจะเข้าใจความคิดของนางอยู่บ้าง แม้ตระกูลเฉิงของพวกเขาจะถือว่ามีฐานะภายในโลกของการสร้างอาวุธ แต่การแต่งงานเข้าจวนมู่หรงอ๋องก็ยังเป็นการยกระดับทางสังคมอย่างก้าวกระโดด

ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพอใจมากทีเดียวที่บุตรสาวของตนสามารถสานสัมพันธ์กับมู่หรงซื่อจื่อได้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เขาจึงไม่ได้ถามไถ่อะไรเพิ่มอีก

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ต่อ และหันกลับไปทางลุงจาง “นี่คือลุงจาง เขาเป็นผู้ดูแลของเวยเจ๋อ ต้องขอบอกว่าเจ้านายของพวกเขายอดเยี่ยมยิ่งนัก ทั้งที่อายุยังน้อย แต่ก็สามารถสร้างอาวุธได้หลายสิบชิ้นแล้ว หากอาจารย์ตู๋เทียนเห็นเข้า เขาจะต้องเปลี่ยนใจและเลิกตามหาอัจฉริยะคนนั้นเป็นแน่”

ลุงจางยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ถ่อมตัวแต่ก็ไม่ได้แข็งกร้าว เขามีคุณสมบัติที่ผู้ดูแลควรมี ไม่ดุดันจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้อ่อนน้อมจนเกินงาม หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเฉิง เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น

“ลุงเฉิงเคยพบเจ้าของร้านเวยเจ๋อด้วยหรือเจ้าคะ” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เป็นประกาย ว่ากันว่าที่อยู่ของเจ้าของร้านนี้เป็นปริศนา และยังลึกลับยากที่จะเข้าถึงได้ แม้แต่ชื่อแซ่ก็ไม่มีผู้ใดรู้จักสักคน หากนางสามารถผูกสัมพันธ์กับเวยเจ๋อได้ เช่นนั้นการจะเอาอาวุธทุกชิ้นที่นางต้องการมาไว้ในมือก็คงจะง่ายแค่เอื้อม

ต่อให้นังคนชั้นต่ำนั่นได้อาวุธที่คุณชายอู๋ซวงสร้างไป แล้วอย่างไรหรือ

นังคนชั้นต่ำนั่นก็ยังเทียบกับนางไม่ได้เหมือนอย่างเคย!

ยิ่งเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น นางเชื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ด้วยอิทธิพลของคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ เจ้าของเวยเจ๋อย่อมไม่อาจปฏิเสธนางได้

ตอนนี้ นางแค่ต้องทำให้ลุงเฉิงช่วยแนะนำนางเท่านั้น…

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางเฉิงสง

เฉิงสงลูบเคราของตน แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ “ข้าเคยพบนางแล้ว เด็กสาวอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าเหลือเชื่อคนนั้นจะต้องมีอนาคตอันสดใสอย่างแน่นอน”

“เด็กสาวรึ” สีหน้าหล่อเหลาของมู่หรงฉางเฟิงเปลี่ยนไป มือที่ถือถ้วยชาอยู่ชะงักเล็กน้อย “เจ้าของเวยเจ๋อเป็นเด็กผู้หญิงอย่างนั้นหรือ”

ไม่ใช่แค่มู่หรงฉางเฟิง แต่กระทั่งบรรดาคุณชายจากตระกูลขุนนางคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเช่นกัน

พวกเขารู้ถึงอิทธิพลของเวยเจ๋อเป็นอย่างดี

ในความคิดของพวกเขา เจ้าของเวยเจ๋อจะต้องเป็นชายแก่ที่มีความสามารถสูงส่ง อย่างน้อยก็น่าจะเป็นถึงปรมาจารย์

แต่พวกเขากลับคาดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วเจ้าของเวยเจ๋อจะเป็นเด็กผู้หญิง น่าประหลาดใจจริงๆ!

“ท่านพ่อ คนคนนั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่าเจ้าคะ”

น้ำเสียงของเฉิงเฉิงค่อนข้างขมขื่น เดิมทีนั้นนางยกย่องเชิดชูเจ้าของเวยเจ๋ออยู่มากทีเดียว เหมือนอย่างที่นางเชิดชูคุณชายอู๋ซวง แต่เมื่อนางได้ยินว่าเจ้าของร้านเป็นเพียงเด็กสาวเหมือนกันกับนาง ในหัวใจของนางก็มีความรู้สึกอันไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้น ยิ่งกว่านั้นความสนใจของมู่หรงซื่อจื่อก็ยังถูกแย่งไปด้วย เฉิงเฉิงจึงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ และนั่นจึงทำให้นางคาดเดาอย่างมีอคติออกมา

ลุงจางได้ยินเช่นนั้นแล้ว คิ้วของเขาก็กระตุกขึ้น “ตัวปลอมหรือ หากเป็นไปตามที่คุณหนูเฉิงพูด เช่นนั้นข้าก็คงเป็นตัวปลอมด้วยเหมือนกัน”

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เฉิงเฉิงมองไปที่ลุงจางด้วยสายตาเฉยชา นางมักจะดูถูกบรรดาข้ารับใช้อยู่เป็นประจำ อีกฝ่ายเป็นแค่ผู้ดูแล ไม่ว่าจะมีฝีมือโดดเด่นเพียงใด แต่เขาก็ยังคงเป็นแค่คนใช้คนหนึ่งเท่านั้น เขากล้าทำตัวก้าวร้าวเช่นนี้ได้อย่างไร

เฉิงสงย่อมรู้จักอุปนิสัยของบุตรสาวเป็นธรรมดา เขากลัวว่านางจะทำตัวเสียมารยาทต่อลุงจาง ดังนั้นเขาจึงดุนางเบาๆ ครั้งหนึ่งว่า “เฉิงเอ๋อร์ หยุดเสียมารยาทได้แล้ว”

“ข้า…” เฉิงเฉิงยืดคอขึ้นและทำท่าจะพูดอะไรออกมา

แต่ลุงจางกลับขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “ที่เวยเจ๋อนั้น นายหญิงของพวกเราเป็นผู้ดูแลทุกสิ่งด้วยตนเอง ในเมื่อคุณหนูเฉิงสงสัยในตัวนายหญิงของพวกเราเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็คงไม่จำเป็นต้องเจรจาเรื่องการร่วมมือทางธุรกิจกันอีกต่อไป ผู้อาวุโสเฉิง ข้าคงต้องขอตัวก่อน”

“เรื่องนี้!” เฉิงสงไม่อยากเชื่อเลยว่าธุรกิจที่เขาสู้อุตส่าห์พยายามติดต่อมาตลอดสามวันเต็มจะพังลงเพราะลมปากเพียงสองคำเท่านั้น “ลุงจาง เฉิงเอ๋อร์ยังเด็กอยู่ หากนางทำเรื่องอันใดล่วงเกินให้ลุงจางไม่สบายใจ ลุงจางก็สามารถบอกนางได้โดยตรง แต่อย่า…อย่าพูดว่าจะล้มเลิกการร่วมมือกันเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลยได้หรือไม่”

ลุงจางหยุดฝีเท้าลง และทำเป็นปิดบังรอยยิ้มน้อยๆ ของตน พลางตอบไปว่า “รองประธานเฉิงพูดอะไรหรือ คุณหนูเฉิงเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเฉิง ส่วนข้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ จะเสียมารยาทได้อย่างไร เพียงแต่นายหญิงคนนี้ของข้าค่อนข้างจะแปลกอยู่สักหน่อย นางรักเงิน แต่กับคนที่เสียมารยาทต่อนางแล้ว นางจะไม่มีวันยอมร่วมธุรกิจกับพวกเขาอย่างแน่นอน”

“เสียมารยาทต่อนางหรือ” เฉิงสงไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนได้ยิน และงุนงงเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ข้าเสียมารยาทต่อนางตอนไหนกัน” เขาเพิ่งจะบังเอิญพบเด็กสาวคนนั้นวันนี้นี่เอง

เป็นอีกครั้งที่ลุงจางไม่ตอบ แต่กลับชำเลืองมองไปทางเฉิงเฉิงอย่างมีเลศนัย แล้วสาวเท้าเดินจากไป

เฉิงเฉิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางเข้าไปขวางทางเขาอย่างหยาบคาย “ข้าอยากเห็นนักว่าท่านจะกล้าไปจริงหรือเปล่า!”

ลุงจางเงยหน้าขึ้นและยิ้มออกมา “คุณหนูเฉิง ท่านตั้งใจจะทำอะไร ข่มขู่ข้ารึ”

“เป็นแค่เจ้าของร้านขายอาวุธ แต่กลับยโสโอหังเสียเหลือเกิน เจ้านายของเจ้าไม่อยากร่วมงานกับพวกข้าใช่ไหม เช่นนั้นข้าจะถอดเขี้ยวเล็บของสุนัขที่นางเลี้ยงแล้วตีมันให้สาสม!”

พอพูดจบ เฉิงเฉิงก็ตั้งใจว่าจะเรียกคนของตนเข้ามา

ลุงจางมองเฉิงสงอย่างสุขุม “รองประธานเฉิง ก่อนที่นายหญิงของข้าจะออกไป นางบอกให้ข้านำคำพูดพวกนี้มามอบให้ท่าน การร่วมมือกันระหว่างร้านค้าอาวุธนั้นขึ้นอยู่กับความสมัครใจ นี่เป็นกฎที่ประธานจิ่งผู้เป็นประธานของสมาคมเจ้ายุทธ์บัญญัติเอาไว้ ไม่ว่าใครก็บีบบังคับหรือกดดันผู้อ่อนแอกว่าไม่ได้ ยิ่งหากเป็นสมาชิกของสมาคมเจ้ายุทธ์ ก็ยิ่งไม่ควรใช้อำนาจในทางมิชอบ มิฉะนั้นพวกเขาเหล่านั้นจะต้องถูกขับไล่ออกจากโลกของการค้าอาวุธไปตลอดกาล ท่านเป็นถึงรองประธานของสมาคมเจ้ายุทธ์ ท่านคงจะคุ้นเคยกับกฎข้อนี้เป็นอย่างดีมิใช่หรือ”

หลังจากพูดจบ ลุงจางก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมนายหญิงของตนที่ช่วยคิดคำพูดก่อนจะจากไปให้กับเขาขึ้นมาอย่างเสียมิได้ เหมือนแทงเข็มครั้งเดียวเห็นเลือด[1] ไม่เพียงแค่กดดันให้เฉิงสงไม่กล้าก่อปัญหาให้กับเขา แต่ยังต้องส่งเขากลับออกไปอย่างสุภาพอีกด้วย!

แน่นอนว่าเฉิงสงย่อมรีบลากตัวเฉิงเฉิงกลับไปทันที ความโกรธเกรี้ยวฉายชัดไปทั่วใบหน้า “ก่อแต่เรื่อง!”

“ท่านพ่อ!” เฉิงเฉิงไม่เคยต้องรู้สึกคับแค้นใจเช่นนี้มาก่อน ยิ่งในเวลานี้ที่นางอยู่ต่อหน้ามู่หรงซื่อจื่อ เหตุการณ์นี้ย่อมทำให้นางไม่มีหน้าเหลือจะมองผู้ใดอีก นางตั้งท่าจะพูดแก้ตัวให้ตัวเองสักหน่อย

แต่เฉิงสงกลับคว้าข้อมือของนางเอาไว้อย่างแรง “หุบปาก! พ่อคงตามใจเจ้ามากเกินไปจริงๆ!” พอพูดจบ เขาก็หันไปทางสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้ามัวแต่เหม่ออะไรอยู่ รีบพาคุณหนูออกไปได้แล้ว!”

สาวใช้ตอบด้วยความตกใจในทันทีว่า “เจ้าค่ะ” แล้วรีบเข้ามาดึงตัวเฉิงเฉิงออกไป “คุณหนู”

“ปล่อยข้า!” น้ำเสียงไม่พอใจของเฉิงเฉิงห่างไกลออกไปเรื่อยๆ “ข้าอยากจะถามเจ้าคนแซ่จางนัก นายหญิงของเขาเก่งกาจมาจากไหน ถึงได้ไม่ยอมร่วมมือกับท่านพ่อของข้า เขา…”

————————————-

[1] แทงเข็มครั้งเดียวเห็นเลือด หมายถึง พูดได้อย่างตรงจุดสำคัญ จี้ถูกใจดำ จี้ถูกจุดสำคัญ