“ไม่รอดแน่คราวนี้ คุณกล้าทำร้ายเขาแบบนี้ได้ยังไง!” ซู่หนานจ้องมองเหย่หลิงเฉินอย่างเย็นชา

เหย่หลิงเฉินส่ายหัว “วิธีที่คุณจัดการกับเรื่องนี้มันช่างน่าผิดหวังเกินไป!”

“น้องซู่ เป็นอะไรหรือเปล่า”

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนร่างท้วมอีกคนเข้ามาในรถบัส

เหย่หลิงเฉินปล่อยเจ้าหน้าที่หญิง

“หวังตุ้ย ชายคนนี้ทำร้ายร่างกายเขาต่อหน้าสาธารณชน!” เจ้าหน้าที่หญิงเข้าร่วมเสริมกับเขา

หวังตุ้ยมองไปที่เหย่หลิงเฉิน จากนั้นถามด้วยความสงบเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล “ไหนใครช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังหน่อย”

เขาปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วหลังจากได้รับข้อมูลที่หลากหลายจากฝูงชน

“หวังตุ้ย นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าผู้ชายคนนี้พยายามหลอกลวง นอกจากนี้เขายังกล้าทำร้ายคนอื่น เขาต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!” ซู่หนานมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างดูถูกเหยียดหยาม

“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วเราต้องทำตามขั้นตอนที่เหมาะสม เราต้องไม่ปล่อยให้อคติและอารมณ์ส่วนตัวมาขวางทางมิฉะนั้นเราจะหันไปใช้การตัดสินใจที่ไร้เหตุผลได้อย่างง่ายดาย” หวังตุ้ยส่ายหัว จากนั้นเขาก็เดินไปหาชายวัยกลางคน “ผมขอดูบัตรประชาชนด้วยครับ”

เจ้าหน้าที่หญิงหน้ามุ่ย หากต้องการให้เหยื่อแสดงบัตรประจำตัวนั่นเป็นเพียงขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน

อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนและหญิงชราไม่สามารถแสดงบัตรประจำตัวของพวกเขาได้

“พวกคุณต้องมีบัตรประจำตัวเพื่อขึ้นรถบัส เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะลืมนำมันติดตัวมาด้วย ใช่ไหมครับ” ดวงตาของหวังตุ้ยหรี่ลงเล็กน้อย

ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แสดงบัตรประชาชนของพวกเขา

หวังดุ่ยมองพวกเขาอย่างรวดเร็วจากนั้นสายตาของเขาก็เย็นชา “บัตรเหล่านี้เป็นของปลอม! พวกคุณเป็นใคร?!”

ด้วยเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนต่างไม่ทันระวังตัวและยังคงตกใจกับเมื่อคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเจ้าหน้าที่ชาย

วินาทีต่อมาดวงตาของชายวัยกลางคนฉายแววแห่งการฆาตกรรม เขาหยิบมีดพับที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ววางไว้ที่คอของชายหนุ่มที่กำลังอ้อนวอนซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุด

“พวกแกอย่าขยับ! ออกไปให้ห่างจากฉัน!!”

ใบหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นสีขาวเหมือนชอล์ก เขาขอร้องว่า “คุณลุง คุณเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ! นี่มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยนะครับ! ผมอยู่ข้างคุณก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!”

“หุบปากซะ! ถ้าขืนแกพูดอีกคำล่ะก็ ฉันจะฆ่าแก!” ชายวัยกลางคนคำรามมีดของเขาลากไปตามคอของชายหนุ่มทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้

“ไม่ ไม่พูดอีกแล้ว ผมจะไม่พูดอีกแล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลย…” น้ำตาของชายหนุ่มร่วงหล่นราวกับหยาดน้ำฝนร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัว

นี่…นี่…

ในตอนแรกผู้โดยสารทุกคนบนรถบัสต่างวิพากษ์วิจารณ์เหย่หลิงเฉินกันยกใหญ่ แต่ในขณะนั้นคำพูดเหล่านั้นทำให้พวกเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า นี่มันอะไรกัน?!

คนที่อยู่ใกล้ตรงที่นั่งนั้นต่างไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการซ่อนตัวอยู่ใต้ที่นั่งของพวกเขา

“หวังตุ้ย … นี่มัน…” เจ้าหน้าที่หญิงรู้สึกท้อแท้จนไม่รู้จะทำอย่างไร

“ไม่ต้องพูดอะไร ถอยออกมา…” หวังตุ้ยตอบด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว

“หลีกทางไปซะพวกแกทั้งหมด! ฉันจะลงจากรถ! แล้วฉันฆ่าไอ้พวกคนที่ขวางทางฉันให้หมด!” ชายวัยกลางคนจับชายหนุ่มเดินออกไปช้า ๆ

ระหว่างทางขาของชายหนุ่มสั่นมีของเหลวไหลออกมา

เขาฉี่รดกางเกง!

“คุณลุง คุณลุง.. นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ผมไม่อยากตาย…” ชายหนุ่มต้องการเพียงแค่คุกเข่าลงและก้มหัวให้เขา

“ปล่อยตัวประกันไปซะ แล้วผมจะรับประกันความปลอดภัยของคุณเอง มิฉะนั้นแล้วไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนคุณจะไม่รอดแน่!” หวังตุ้ยแนะนำ

“ถ้าฉันหนีไม่ได้อย่างน้อยฉันก็จะพาใครสักคนไปด้วย! ชีวิตมัน ไม่ใช่ชีวิตฉัน!” ดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขามองไปที่รถตำรวจใกล้ ๆ “เอากุญแจรถของรถตำรวจมา แล้วปล่อยฉันไปซะ!”

“คุณตำรวจ ได้โปรดช่วยผมด้วย!” กางเกงของชายหนุ่มเปียกโชกกลิ่นเหม็นคลุ้ง

ในระหว่างความขัดแย้ง เหย่หลิงเฉินเดินไปอย่างช้า ๆ จากนั้นพูดว่า “ผมเป็นคนที่คุณควรเกลียดไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่จับผมแทนล่ะ ผมจะเป็นตัวประกันแทนเขาเอง”

ทุกสายตาจับจ้องไปที่เหย่หลิงเฉิน การจ้องมองของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง

หญิงสาวกัดริมฝีปากและมองไปที่ด้านหลังของเหย่หลิงเฉินทันใดนั้นความงุนงงก็เข้ามาหาเธอ

ชายวัยกลางคนมองไปที่เหย่หลิงเฉิน ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความรู้สึกอยากแก้แค้น เขาพูดผ่านฟันที่กัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นว่า “แน่นอน! แก!! เดินมาตรงนี้!!! แล้วอย่าคิดตุกติกนะ ไม่งั้นไอ้แว่นนี่ตาย!!!”

ขณะที่เหย่หลิงเฉินอยู่ห่างจากชายวัยกลางคนเพียงครึ่งเมตรเจตนาฆ่าของเขาก็ระเบิดออกมา มีดในมือของเขาแทงตรงไปที่คอของเหย่หลิงเฉิน!

“ไอ้สวะ! ไปลงนรกซะ!”

“ระวัง!!!!!” เจ้าหน้าที่หญิงและหญิงสาวทั้งสองส่งเสียงเตือนเขาพร้อมกัน

เหย่หลิงเฉินไม่หวาดกลัวใด ๆ ทั้งสิ้น เขากระโดดลอยตัวขึ้นมาและเตะเข้าที่ศีรษะของชายวัยกลางคนอย่างแรง!

ปั้ง!!!

ชายวัยกลางคนกระเด็นออกไปทันทีด้วยความไม่ทันตั้งตัว

เหย่หลิงเฉินยักไหล่ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“น้อง! สุดยอดมาก!” หวังตุ้ยเปล่งเสียงสรรเสริญและเดินเข้าไปหาเขาทันที

เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ถูกจับเป็นตัวประกันแล้วเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซู่ โทรไปแจ้งที่ศูนย์ด้วย มีเหยื่อถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่ด้วยความตกใจ แจ้งให้ทางศูนย์ส่งคนมารับตัวเขาไปด่วน”

“แล้วก็ ถ่ายรูปสองคนนี้แล้วส่งไปที่กองบัญชาการให้พวกเขาตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลังของพวกเขาด้วย”

“ได้ค่ะ” ซู่หนานพยักหน้า จากนั้นก็เหลือบไปที่เหย่หลิงเฉิน “นี่มันอะไรกัน..”

“น้องชาย นายเป็นคนที่จับพวกเขาได้” หวังตุ้ยยิ้มให้เหย่หลิงเฉิน “น้องซู่เธอเพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยตำรวจและยังเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ เธอขาดประสบการณ์ ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะให้อภัยเขานะ”

ซู่หนานหน้าแดงมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างเขินอายในขณะที่ยังคงยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ

“ครับ ไม่เป็นไร”

เหย่หลิงเฉินพยักหน้าแล้วอธิบาย “โดยปกติแล้วพ่อแม่จะดูแลลูกของตนเป็นอย่างดี ถ้าเด็กร้องไห้ขึ้นมาพวกเขาจะเป็นห่วงมาก”

“อย่างไรก็ตามเด็กคนนี้ร้องไห้นานเป็นเวลาถึง 30 นาทีเต็มจนกระทั่งเสียงของเด็กแหบลง แต่ทั้งสองคนก็ไม่สนใจ นั่นจึงเป็นเรื่องน่าสงสัยมาก”

คำพูดของเขาทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดอับอายโดยเฉพาะหญิงสาว เธอนั่งถัดจากเหย่หลิงเฉินแท้ ๆ แต่เธอกลับไม่ได้คิดเอะใจอะไร

“หลังจากนั้นผมก็เลยจงใจแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเพื่อทดสอบปฏิกิริยาของพวกเขา”

“แล้วใครจะไปรู้ว่าพวกเขาไม่ได้พกขวดนมมาด้วย ที่สำคัญที่สุดพวกเขายังแอบยัดบิสกิตเข้าปากเด็กโดยหวังว่าจะหยุดเสียงร้องของเด็กได้!”

การแสดงออกของซู่หนานเปลี่ยนไป เธอมองไปที่ปากของเด็กและค้นพบเศษบิสกิตจากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะหลุดปากออกมา “ไอ้เลว!!!”

“เด็กทารกจะกินบิสกิตได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกหลานของพวกเขา!” เหย่หลิงเฉินกล่าวต่อว่า “ผมก็เลยยังคงพูดเรื่องนี้ต่อไปและเมื่อพวกเขาได้ยินคนพูดถึงว่าให้เรียกตำรวจ พวกเขาก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุนี้ผมจึงเดาได้ว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ค้ามนุษย์!”

กริ๊งงง กริ๊งงงงงงง

ในขณะนั้นโทรศัพท์ของหวังตุ้ยก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล นี่ฉันเอง…อืม โอเค เข้าใจละ”

หวังตุ้ยวางสาย “สองคนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นผู้ค้ามนุษย์ พวกเขามาจากกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ที่กระทำการอย่างทารุณที่สุดในบริเวณใกล้เคียงกับกรุงปักกิ่ง พวกเขาถูกตำรวจต้องการตัวมาห้าปีแล้วและพวกเขาได้ลักพาตัวเด็กไปแล้วกว่าร้อยคน!”

“เมื่อสองคนนี้ถูกจับกุมเราอาจสามารถติดตามพวกของมันที่เหลือและทำลายทั้งองค์กรได้ทันที!”

คำพูดดังกล่าวกระตุ้นการเต้นของหัวใจของทุกคนเปลี่ยนวิธีที่พวกเขามองเหย่หลิงเฉิน

ซู่หนานจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความตื่นตระหนก เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมในวิทยาลัยตำรวจ แต่เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์จริงมันยากกว่านั้นมาก

เมื่อนึกย้อนไปถึงวิธีที่เธอพยายามจับกุมเหย่หลิงเฉิน เธอก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

หวังตุ้ยยกมือขึ้นและแสดงความเคารพต่อเหย่หลิงเฉินพร้อมประกาศว่า “น้องชาย ฉันขอขอบคุณแทนสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อทุกคนด้วย!”

“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเองครับ คุณชื่นชมผมมากเกินไปแล้ว”

ด้วยอาชญากรผู้ทำความผิดร้ายแรงอยู่ตรงนี้ หวังตุ้ยไม่กล้าที่จะล่าช้า เขาจึงรีบพาอาชญากรพวกนี้ออกไปทันที