ตอนที่ 156 เจ้านายสุดเท่มาถึงแล้ว
ตอนที่ 156 เจ้านายสุดเท่มาถึงแล้ว
หลินเซี่ยเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่โจวอี้ตอบกลับมาทางโทรศัพท์ว่าวันนี้เขาไม่ค่อยสบาย ไว้ค่อยนัดวันอื่นแทน
หลินเซี่ยอดผิดหวังไม่ได้เมื่อได้ยินแบบนั้น
เจียงอวี่เฟยได้ยินว่าโจวอี้ออกมาไม่ได้ หล่อนยิ่งรู้สึกผิดหวังมากกว่าหลินเซี่ยจนพลอยไม่อยากอยู่เฝ้าร้านอีกต่อไป ตั้งใจว่าจะกลับบ้าน
หล่อนถอนหายใจ “วันนี้เป็นวันที่โชคไม่ดีเอาซะเลย”
ตอนแรกหล่อนต้องการพูดถึงเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับพ่อของตนต่อหน้าหลิวกุ้ยอิงในวันนี้ เพื่อเป็นสะพานสานพัฒนาการทางความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แต่กลับกลายเป็นว่าป้าหลิวยุ่งอยู่กับงานใหม่ของตัวเอง ทำให้หล่อนหาจังหวะคุยไม่ได้เลย
หนำซ้ำวันนี้ยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าพ่อยอดขมองอิ่มโจวอี้อีก
ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองพ่อลูกช่างลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนหลุมบ่อจริง ๆ
เจียงอวี่เฟยจึงวางแผนว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายการหาแม่เลี้ยงคนใหม่ไปที่หวังซิ่วฟาง
บางทีพ่อของหล่อนอาจชอบผู้หญิงแบบหวังซิ่วฟางมากกว่า
หล่อนเปลี่ยนใจอีกครั้ง คราวนี้จะมุ่งเป้าไปที่หวังซิ่วฟางเพียงคนเดียว
ก่อนกลับ หล่อนได้แบมือไปทางหลินเซี่ย
“ขอเบอร์เพจเจอร์ของโจวอี้หน่อยสิ”
หลินเซี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมจดเบอร์ให้หล่อน พร้อมกับเตือนเจียงอวี่เฟยว่า “อย่าส่งข้อความไปรบกวนเขาบ่อยเกินไปล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาจะพลอยไม่อยากช่วยเหลือฉันไปด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ตัวเองดี”
ตอนเที่ยง ผู้เฒ่าเฉินก็เดินมาส่งหู่จือกลับมาที่ร้าน
หลินเซี่ยได้ยินเสียงเรียกของหู่จือก็รีบวิ่งออกไป
ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังเพราะคิดว่าจะได้เห็นน้องชายสามีเป็นครั้งแรก
แต่เธอกลับเห็นแค่หู่จือและผู้เฒ่าเฉินเท่านั้น
“อาสามของลูกไม่มาด้วยกันเหรอ?” หลินเซี่ยถามหูจื่อ
หู่จืออธิบายอย่างช่วยไม่ได้ว่า “อาสามของผมต้องออกไปทำธุระอะไรสักอย่าง บอกว่าไว้คราวหน้าค่อยมาพาแม่ครับ”
ผู้เฒ่าเฉินพาหู่จือเข้าไปในร้าน ยิ้มให้หลินเซี่ยพลางพูดว่า “เซี่ยเซี่ย วันนี้เจียวั่งออกไปหาอาจารย์ของเขา วันนี้เลยไม่มีเวลามา”
วันนี้ผู้เฒ่าเฉินดูเหมือนจะอารมณ์ดีมาก “อย่ากังวลไปเลย ช่วงหลัง ๆ มานี้สภาพร่างกายของเจียวั่งดีขึ้นมาก เขาขอพักการเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้พออาการและสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น เขาจึงวางแผนว่าจะกลับไปเรียนต่ออีกครั้ง”
หลินเซี่ยถามไถ่ “ที่เรียนใหม่ของเขาอยู่ในไห่เฉิงหรือเปล่าคะ?”
“ใช่ เขาสอบติดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เมื่อปีที่แล้ว แต่ปีที่แล้วเขาไปเรียนได้แค่สองเดือน จากนั้นก็ตามคุณย่ากับฉันไปอยู่หนานเฉิงเพื่อพักฟื้น ปีนี้เขาดูกระตือรือร้นมากที่จะกลับมาเรียนต่อ พวกเราจึงสนับสนุนเขา บอกให้เขาไปพบอาจารย์ก่อน”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเฉินพูด ในที่สุดหลินเซี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างน้อยการเต็มใจที่จะกลับไปเรียนต่อก็ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง
ตราบใดที่เขาไม่ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา หรือเก็บตัวอยู่คนเดียว ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว
“เซี่ยเซี่ย เธอเป็นเด็กที่มีจิตใจกว้างขวางอบอุ่น ฉันรู้ว่าเธอเองก็อยากให้กำลังใจเจียวั่งด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ต้องกังวลแล้ว หมอแผนจีนที่ฉันไปสอบถามพอมีเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเคยบอกแล้วล่ะ อีกสองวันพ่อสามีของเธอกับฉันจะไปขอให้หมอท่านนั้นมาทำการรักษาเจียวั่งให้ดี บางทียาสมุนไพรอาจช่วยรักษาอาการเขาได้ไม่มากก็น้อย”
หลินเซี่ยยิ้มและตอบกลับว่า “นั่นถือเป็นข่าวดีมากเลยค่ะคุณปู่”
“เซี่ยเซี่ย ได้ยินจากหู่จือว่าวันนี้เซี่ยไห่จะมาที่ไห่เฉิงเหรอ?” เมื่อได้เอ่ยถึงชื่อของเซี่ยไห่อีกครั้ง น้ำเสียงของผู้เฒ่าเฉินก็เปลี่ยนเป็นโกรธเคืองขึ้นมาอีกแล้ว
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะคุณปู่ ได้ยินลูกน้องของเขาบอกมาแบบนั้นอีกทีค่ะ”
“จะมาถึงนี่กี่โมงล่ะ?” ผู้เฒ่าเฉินถาม
“ฉันขอตัวไปถามเวลาก่อนนะคะ”
หลินเซี่ยไม่ทราบเวลาที่แน่นอน จึงวิ่งออกไปที่ร้านข้าง ๆ เพื่อถามเฉียนต้าเฉิง
เฉียนต้าเฉิงเดินตามเธอกลับมา บอกว่าเจ้านายของพวกเขาน่าจะมาถึงไห่เฉิงไม่เกินคืนนี้
ผู้เฒ่าเฉินแสดงท่าทางองอาจสง่าผ่าเผย “งั้นก็ช่างเถอะ ฉันจะกลับไปก่อน ถ้าเขามาถึงที่นี่เมื่อไหร่ อย่าลืมบอกให้เขาเข้าไปหาฉันที่บ้านด้วย เด็กนั่นทำธุรกิจได้เงินมากมายแล้วลืมตัวเท้าไม่ติดดินหรือยังไงกัน? จะใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่ไปถึงไหน?”
หลินเซี่ยพูดอย่างระมัดระวัง “คุณปู่ ถ้าเขามาถึงเมื่อไหร่ เราจะบอกให้เขาไปหาคุณโดยเร็วที่สุดค่ะ”
เฉียนต้าเฉิงยืนอยู่ที่หน้าประตู ฟังน้ำเสียงที่เข้มงวดทรงอำนาจของผู้เฒ่าเฉินในขณะที่อีกฝ่ายพูดถึงเจ้านายของพวกเขาแล้ว ก็เริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าหลินเซี่ยขาไม่สั่นบ้างหรือไงกัน
แม้แต่เถ้าแก่ใหญ่ของพวกเขายังเกรงกลัวปู่ของเฉินเจียเหอเลย!
หลังจากที่เห็นผู้เฒ่าเฉินออกไปแล้ว เฉียนต้าเฉิงก็หันมาสนใจหลินเซี่ย “เสี่ยวหลิน ถ้าขาดเหลืออะไรบอกพวกเราได้ทุกเมื่อเลยนะ”
หลินเซี่ยยิ้มและตอบกลับว่า “ได้ค่ะพี่เฉิง”
วันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ มีพนักงานสาวจากโรงงานทอผ้ามาสอบถามราคาดัดผมและถามเรื่องทรงผมต่าง ๆ
หลินเซี่ยต้อนรับพวกหล่อนอย่างอบอุ่น “ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงทดลองเปิดร้านค่ะ เรามีสไตล์การดัดผมให้ลูกค้าเลือกสามแบบ ทรงผมก็มีเท่าที่ติดรูปไว้บนผนัง แต่ความจริงยังมีทรงผมอื่น ๆ อีกเยอะที่ฉันสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปหน้าของพวกคุณได้”
ผู้หญิงทั้งสามเดินไปรอบ ๆ ร้าน แต่แล้วก็ลังเลเมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยดูเด็กกว่าพวกเธอเสียอีก
“ดัดดีไหม?”
“หล่อนคิดราคาถูกมากนะ ดัดก็ไม่เสียหายจริงไหม?”
หลินเซี่ยได้ยินการสนทนาที่เต็มไปด้วยความลังเลระหว่างทั้งสามคน จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อถือในฝีมือฉัน สามารถไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเพื่อดูทรงผมของภรรยาเจ้าของร้านได้นะคะ ฉันเป็นคนดัดให้หล่อนเอง แม่ค้าขายเหลียงผีตรงสี่แยกก็ด้วย ฉันเป็นคนดัดให้หล่อนเหมือนกัน ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ละแวกนี้ต่างแวะเวียนมาให้ฉันดัดผมกันทั้งนั้น ลองไปดูงานจริงก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้ค่ะ
จริงสิ คุณเห็นภาพถ่ายการแสดงที่จัดขึ้นโดยสหภาพแรงงานเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือยังคะ? ฉันเป็นคนออกแบบทรงผมทั้งหมดให้กับป้า ๆ ที่มาจากโรงงานยานยนต์เหมือนกัน”
“จริงเหรอ?” พอหลินเซี่ยพูดแบบนี้ สาว ๆ ทั้งสามก็เริ่มสนใจ “ได้ยินมาว่าคุณป้าพวกนั้นที่มาจากโรงงานยานยนต์ดัดผมกันสวยมาก คุณเป็นคนดัดผมให้พวกหล่อนเองเหรอ?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ การแต่งหน้าก็ด้วย เพราะฉันเป็นสมาชิกในครอบครัวของพนักงานโรงงานยานยนต์ค่ะ”
พวกหล่อนทั้งสามหันไปพูดคุยปรึกษากันสักพัก ก่อนจะตัดสินใจว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราดัดผมกันเถอะ”
“ได้เลย”
เด็กสาวคนหนึ่งที่ดูอายุพอ ๆ กันกับเธอมีผมหนาเป็นพิเศษ หลินเซี่ยหยิบผมของเธอขึ้นมาจับหนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สาว ฉันไม่แนะนำให้คุณดัดผมนะคะ เพราะผมคุณค่อนข้างหนาเกินไป แถมยังยาวไม่พอ คุณภาพเส้นผมก็ค่อนข้าง… แห้งกรอบไปหน่อย ถ้าฝืนดัดต่อไปผมจะชี้ฟูเป็นทรงเอฟโฟร ทำให้หัวคุณดูโตไปกันใหญ่
ยิ่งในวันที่อากาศร้อน ๆ ถ้าผมไปกองที่อยู่คอ คุณจะรู้สึกไม่สบายตัวเปล่า ๆ ดูไม่สวย ฉันแนะนำว่าอย่าดัดผมเลยดีกว่าค่ะ แต่ฉันจะซอยผมให้บางลง และค่อย ๆ เล็มให้ผมดูเป็นชั้น ๆ หน้าตาจะได้ดูสดชื่นแจ่มใส กระปรี้กระเปร่า และดูเป็นวัยรุ่นขึ้น”
“ดัดไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เด็กสาวตั้งใจมาที่นี่พร้อมกับพี่สาวอีกสองคนเพื่อดัดผมโดยเฉพาะ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูด หล่อนก็ผิดหวังเล็กน้อย
“คุณไม่เหมาะกับผมดัดจริง ๆ เพราะเส้นผมของคุณหนาจนพลอยดูแลยาก รอให้คุณเลี้ยงผมจนยาวถึงเอวและมีคุณภาพเส้นผมดีขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะดัดผมคุณให้เป็นลอนได้ ครั้งนี้ฉันจะเปลี่ยนทรงแทนการดัด เดี๋ยวมารอดูผลลัพธ์กันดีกว่า”
“ได้ งั้นแล้วแต่ช่างเลยค่ะ”
หลังจากดัดผมให้พี่สาวทั้งสองแล้ว หลินเซี่ยก็เริ่มตัดผมให้น้องสาวที่ดูเด็กที่สุดในกลุ่ม
หลังจากที่เธอตัดและเป่าผมเสร็จเรียบร้อย เธอก็ชี้ไปที่ทรงผมของหญิงสาวผ่านในกระจกแล้วถามว่า “เป็นยังไงบ้างคะ?”
“หน้าดูเรียวลงจริง ๆ ด้วย ฉันรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมากเลย”
ผู้หญิงที่ดูอายุมากกว่าสองคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหลังจากตัดผมแล้วหล่อนดูสวยขึ้นมาก
หลินเซี่ยคุยกับพวกหล่อนเรื่องวิธีบำรุงเส้นผม “ฉันจะออกแบบทรงผมให้ลูกค้าให้เหมาะสมตามโครงหน้าและคุณภาพเส้นผมของแต่ละคน เห็นไหมคะว่าทรงผมแบบนี้ทำให้คุณดูอ่อนเยาว์และสวยขึ้นมากแค่ไหน? อีกหน่อยอย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมเป็นประจำนะคะ ถ้าโคนผมยกขึ้นจะยิ่งสวยกว่านี้อีก”
“ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมคืออะไร? พอแนะนำได้บ้างไหม?”
หลินเซี่ยตอบกลับ “ตอนนี้ในร้านยังไม่มีเลยค่ะ แต่ถ้าคุณอยากได้ ฉันจะลองไปซื้อมาติดไว้ที่ร้านหลาย ๆ ขวด ครั้งต่อไปจะได้มีของขายให้คุณ ซื้อราคาส่งถูกกว่าราคาซื้อปลีกมาก อย่าลืมแวะมารับในอีกสองสามวันข้างหน้านะคะ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะแนะนำร้านของคุณให้พี่สาวคนอื่น ๆ รู้จัก”
หลินเซี่ยดัดผมแบบปัดข้างให้พี่สาวที่อายุประมาณสามสิบ การดัดผมของเธอทำด้วยความชำนาญมาก ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาเป็นธรรมชาติและมีสไตล์ โดยที่ไม่ดูแก่เกินไป
พี่สาวอีกคนผมสั้นกว่า เธอจึงดัดแบบธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรงยอดฮิตของยุคนี้
อีกทั้งมันยังเป็นทรงผมยอดนิยมของสาว ๆ วัยทำงานอีกด้วย
“ฉันพอใจมากจริง ๆ เราจะแนะนำร้านของเธอให้ผู้หญิงในโรงงานตามมาอุดหนุนนะ”
เมื่อลูกค้าพอใจ ช่างอย่างหลินเซี่ยก็พลอยมีความสุขไปด้วย “ได้เลย ขอบคุณมากนะคะ”
พวกเธอทั้งสามผลัดกันจ่ายเงิน ก่อนจะจากไปอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของลูกค้า หลินเซี่ยก็รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จอย่างมาก
หู่จืออยากรู้อยากเห็นมาก จึงคอยมาอยู่ข้าง ๆ เพื่อดูหลินเซี่ยดัดผมและตัดผม แต่หลังจากนั่งดูไปสักพัก เขาก็เริ่มรู้สึกเบื่อตามประสาเด็ก
ตอนนี้พอไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน เขาก็เกือบจะสัปหงกหลับไปแล้ว
เขาถาม “แม่ฮะ ทำไมลุงเซี่ยถึงยังมาไม่ถึงอีก?”
หลินเซี่ยดูนาฬิกา เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงครึ่งแล้ว เธอหันไปพูดกับหู่จือ
“ไปกันเถอะ เราไปกินข้าวมื้อเย็นที่บ้านคุณยายกันก่อนดีกว่า ลุงเซี่ยของลูกอาจจะมาถึงไห่เฉิงตอนดึกเลยก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้เขาต้องมาหาลูกแน่นอน”
“ดีเลย ผมอยากกินเหลียงเฝิ่น”
วันนี้หู่จือดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปหน่อย จึงยกมือกุมท้อง “ผมขอไปฉิ้งฉ่องก่อนนะ”
หลินเซี่ยเก็บอุปกรณ์ทำผมของเธอและกำลังจะปิดประตูร้าน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นจากข้างนอก ตามด้วยเสียงอุทานลั่นของเฉียนต้าเฉิง
“เถ้าแก่ คุณขับรถมาที่นี่ด้วยตัวเองเหรอครับ?”
หลินเซี่ยมองออกไปข้างนอกร้าน เห็นรถซานทาน่าสีดำคันหรูขับมาจอดเทียบอยู่ริมถนน
จากนั้นชายคนหนึ่งก็ก้าวลงจากรถ สวมสูทสีขาว ผูกเนคไทดูภูมิฐาน ทรงผมปัดไปด้านหลังคล้ายกับโจวเหวินฟะ สวมแว่นกันลมทรงใหญ่ไว้เหนือดั้งจมูก
คนคนนี้สามารถจำกัดความได้ด้วยคำว่าเท่ระเบิด สีหน้าท่าทางค่อนข้างโดดเด่น มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยและเจ้าสำราญในหนังฮ่องกง
ดูเหมือนเขาเพิ่งจะอายุสามสิบต้น ๆ เท่านั้น
หลินเซี่ยมองแล้วรู้สึกประหลาดใจ นี่คือเถ้าแก่ใหญ่ของเฉียนต้าเฉิง และลุงเซี่ยที่หู่จือพูดถึงอยู่บ่อย ๆ จริงเหรอ?
พูดได้เลยว่า รูปลักษณ์ของเขาแทบไม่ตรงกับภาพที่เธอเคยจินตนาการไว้
เธอนึกว่าเขาจะเป็นชายวัยกลางคนที่มีความภูมิฐานสง่างามและมาดขรึมตามวัยเสียอีก
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บ่ายเบี่ยงบ่อยแบบนี้ดูมีพิรุธนะโจวอี้
โห้ มาอย่างหล่อเลยลุงเซี่ย
ไหหม่า(海馬)