ตอนที่ 161 นางไม่ตาย ผู้ใดตาย

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 161 นางไม่ตาย ผู้ใดตาย

เถาฮองเฮากับองค์หญิงเฉิงหยางปะทะกัน มีเพียงจบลงด้วยการพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย ทำให้ผู้อื่นได้ประโยชน์เท่านั้น

องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินนั่งไม่ติด เขาไม่อนุญาตให้มีคนทำลายสถานการณ์ดีที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากเด็ดขาด

วันนี้ เขาอาศัยองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้หยุดพัก นานทีเขาจะออกจากจวน จึงนำคนไปเยือนยังจวนองค์ชายสาม

“เรียกน้องสะใภ้มาด้วย”

เมื่อพบหน้า เซียวเฉิงเหวินออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจทันที

เซียวเฉิงอี้มึนงงเล็กน้อย “วันนี้เสด็จพี่สองมาเยือน มีเรื่องสำคัญใดหรือ”

เซียวเฉิงเหวินทำหน้าบึ้ง “เชิญน้องสะใภ้ออกมาก่อน มีเรื่องบางอย่างต้องพูดต่อหน้าพวกเจ้าสามีภรรยาให้กระจ่าง”

เซียวเฉิงอี้หมดหนทาง ทำได้เพียงรับสั่งให้บ่าวรับใช้เชิญจ้งซูอวิ้นมา

จ้งซูอวิ้นมึนงงเช่นเดียวกับเซียวเฉิงอี้

เมื่อพวกเขาสองสามีภรรยานั่งลง เซียวเฉิงเหวินถึงได้พูดขึ้น “ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าสามีภรรยาจะอยู่กันอย่างไร อีกทั้งไม่สนใจว่าพวกเจ้ามีความคิดอย่างไร แต่หากมีคนตั้งใจก่อให้เกิดการปะทะแย่งชิง อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“เสด็จพี่สองทรงหมายความว่าอย่างไร ขอเสด็จพี่สองโปรดชี้แจง!” เซียวเฉิงอี้เอ่ยถาม

เซียวเฉิงเหวินทำหน้าบึ้ง จ้องมองจ้งซูอวิ้น “น้องสะใภ้ได้รับความไม่เป็นธรรม กลับจวนไปร้องทุกข์ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่หากเกิดการปะทะแย่งชิงกันภายใน เข่นฆ่ากันเองเพราะพวกเจ้าสามีภรรยา น้องสะใภ้ เจ้าว่าควรทำอย่างไร”

จ้งซูอวิ้นทำหน้าผงะ “ข้า เกี่ยวอันใดกับข้า”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย็นพลันลุกขึ้น “ข้าพูดเพียงเท่านี้ พวกเจ้าทั้งสองคนคิดทบทวนให้ดี”

จบแล้วหรือ

มาเร็ว ไปก็เร็ว ทิ้งไว้เพียงสองประโยค จุดประสงค์คืออันใดกันแน่

เซียวเฉิงอี้บอกให้จ้งซูอวิ้นอย่าร้อนใจ เขาวิ่งตามพี่สองออกไป

“เสด็จพี่สองช้าก่อน!”

เซียวเฉิงเหวินชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองเขา

เซียวเฉิงอี้ถาม “เสด็จพี่สองทรงพูดให้เข้าใจได้หรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มเสียดสี พลันโบกมือ บ่าวรับใช้ล้วนถอยออกไป

เขาพูด “น้องสามมีความเห็นอย่างไรต่อตำแหน่งนั้นในวังหลวง”

เซียวเฉิงอี้ฉงน คำถามนี้จะให้เขาตอบอย่างไร

เซียวเฉิงเหวินไม่ต้องการให้เขาตอบ เพียงแค่พูดต่อ “หากน้องสามมีความเห็นต่อตำแหน่งในวังหลวง เจ้าจงอย่าให้สตรีในเรือนหลังส่งผลกระทบต่อภาพรวม เรื่องที่เกิดขึ้นในราชสำนักส่วนใหญ่ล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกัน ไม่ใช่การเกิดขึ้นเพียงเดี่ยวๆ เจ้าสำนึกไว้เถิด!”

“เสด็จอาเฉิงหยางทำสิ่งใดใช่หรือไม่”

เซียวเฉิงอี้ไม่ใช่คนโง่ เพียงแค่ชี้แนะ เขาก็เข้าใจทันที

เซียวเฉิงเหวินโบกมือแต่ไม่พูด จากนั้นนั่งรถม้าจากไป

เขายังต้องไปพบองค์หญิงเฉิงหยาง

เซียวเฉิงอี้ทั้งละอายและโกรธเคืองอย่างมาก เขาไล่ตามรถม้า พลันพูดอย่างจริงจัง “เสด็จพี่สองโปรดวางพระทัย ต่อจากนี้ข้าจะระมัดระวัง”

เซียวเฉิงเหวินกวาดตามองเขา “สตรีอ่อนโยนและมีความรักมาก ผู้คนย่อมลุ่มหลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่เจ้าจะสามารถแยกแยะสิ่งใดสำคัญ สิ่งใดหนักเบาได้หรือไม่”

เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “นับจากนี้ข้าจะควบคุมตัวเอง”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มเสียดสี “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”

เขาเคาะผนังรถ คนบังคับม้าเคลื่อนรถจากไป ไม่หยุดนิ่งอีก

เมื่อองค์หญิงเฉิงหยางรู้ว่าองค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินที่นานทีจะออกจากจวนมาเยือน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเจตนาไม่ดีนัก

“ไม่มีเรื่องย่อมไม่มา องค์ชายสองมาเวลานี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี”

แต่นางยังคงรับสั่งให้คนเชิญองค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินมาดื่มชาในห้องโถง

นางเดินทางมาอย่างเชื่องช้า หัวเราะร่าเมื่อปรากฏตัว “แขกหายาก แขกหายาก! วันนี้ลมอันใดพัด ทำให้เจ้ามาเยือนถึงจวน”

“ถวายบังคมเสด็จอา!”

“เจ้าร่างกายไม่ดี ไม่ต้องมากพิธี วันนี้เจ้าอยู่ทานข้าวด้วยกัน ข้าสั่งให้ห้องครัวจัดเตรียมสำรับแล้ว”

“ขอบพระทัยเสด็จอา เรื่องกินเรื่องเล็ก เรื่องคนตายเรื่องใหญ่”

“คนตายหรือ” องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าล้อเล่นเก่งเสียจริง มีคนตายที่ใดกัน เหตุใดข้าจึงไม่รู้”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มบาง “หากเสด็จอาไม่ยอมถอย ไม่นานก็จะมีคนตาย”

รอยยิ้มขององค์หญิงเฉิงหยางหายไปทันที นางทำหน้าเคร่งขรึม “เจ้ามาเจรจาแทนฮองเฮา ข่มขู่ข้าหรือ”

“มิใช่เช่นนั้น! เสด็จแม่ทรงไม่รู้ว่าข้ามาเข้าเฝ้าเสด็จอา”

องค์หญิงเฉิงหยางไม่เชื่อทั้งหมด

นางหัวเราะเสียงเย็น แต่ไม่ตอบโต้

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วยิ้ม “หากข้าเดาไม่ผิด ความจริงแล้วจุดประสงค์ของเสด็จอากับเสด็จแม่เหมือนกัน พวกท่านต่างหวังว่าน้องสามจะสมดังปรารถนา เมื่อเขาสามารถขึ้นครองบัลลังก์ น้องสะใภ้ย่อมสามารถเป็นใหญ่ในวังหลังได้อย่างราบรื่น”

อ่อ!

ในที่สุดก็พูดเข้าประเด็น

องค์หญิงเฉิงหยางตั้งสติขึ้นมา “ข้าไม่ได้คิดมากเพียงนั้น ข้าหวังเพียงบุตรสาวของข้ามีความสุข”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างมีนัย “หากวันหนึ่งหัวและร่างของน้องซูอวิ้นแยกจากกัน ยังสามารถมีความสุขได้อีกหรือ”

สีหน้าขององค์หญิงเฉิงหยางเปลี่ยนไป “เจ้าหมายความว่าอย่างไร อย่าได้พูดเหลวไหล”

“หากเสด็จอาปะทะกับเสด็จแม่ต่อไป น้องซูอวิ้นที่เป็นต้นเหตุของเรื่องหายนะจะห่างจากความตายอีกไกลหรือ”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มบาง พูดถึงการตายของบางคนราวกับกำลังพูดว่าวันนี้อากาศดีเสียจริง

องค์หญิงเฉิงหยางจับพนักเก้าอี้แน่น ภายในใจโมโหอย่างมาก “เซียวเฉิงเหวิน หากเจ้ากล้าพูดเหลวไหลอีก อย่าโทษข้าไม่เกรงใจเจ้า”

เซียวเฉิงเหวินไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขาพูดเสียงเรียบ “บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย สูญเสียอย่างสาหัส ผู้อื่นได้ประโยชน์ นางไม่ตาย ผู้ใดจะตาย ไม่อาจเป็นเพราะนางเป็นบุตรสาวของเสด็จอาก็จะทำตัวอยู่นอกเรื่องนี้ได้”

“เจ้า บังอาจ!”

ไม่เคยมีผู้ใดบังอาจข่มขู่นางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน

องค์หญิงเฉิงหยางเพิ่งเคยพบกับด้านเย็นชาเลือดเย็นของเซียวเฉิงเหวินเป็นครั้งแรก จิตใจของนางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

เซียวเฉิงเหวินยิ้มเหยียด “เหตุใดเสด็จอาจึงไม่ลดความเป็นปรปักษ์ คลี่คลายปัญหากับเสด็จแม่ ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเดินหน้า พยายามเพื่อเป้าหมายเดียวกัน”

“เซียวเฉิงเหวิน นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า อีกทั้งยังเป็นน้องสะใภ้ของเจ้า ในท้องของนางยังมีเชื้อสายของตระกูลเซียว เจ้าอย่าได้เหลวไหล”

องค์หญิงเฉิงหยางร้อนใจอย่างมาก

เซียวเฉิงเหวินลุกขึ้น พลันพูดเสียงเบา “นางจะดีหรือร้าย จะเป็นหรือตาย ล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของเสด็จอา ข้าไม่ได้กำลังข่มขู่เสด็จอา เพียงแค่กำลังเอ่ยถึงความเป็นจริง สตรีที่ไร้ประโยชน์ มีแต่จะสร้างปัญหา เก็บเอาไว้ก็เป็นหายนะ สู้ตายไปเสียดีกว่า ยังสามารถประหยัดเสบียงได้บ้าง”

บ้า!

ระห่ำ!

“หากเจ้าบังอาจแตะต้องซูอวิ้นแม้แต่นิ้วเดียว ข้าจะให้เจ้าเป็นเครื่องสังเวย”

องค์หญิงเฉิงหยางตะโกนเสียงดัง

เซียวเฉิงเหวินยิ้มเหยียด “เสด็จอาเป็นคนฉลาดที่มีอยู่น้อยบนโลกนี้ ข้าเชื่อว่าเสด็จอาทรงรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถมีประโยชน์สูงสุด ขอตัว!”

เขาสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ไม่นำความโกรธไปด้วยแม้แต่น้อย

เหลือเพียงองค์หญิงเฉิงหยางที่โกรธอยู่ฝ่ายเดียว

เมื่อออกจากจวนองค์หญิง เขาสั่งคนขับรถม้า “ไปวังหลวง”

ตำหนักเว่ยยาง เมื่อเถาฮองเฮารู้ว่าบุตรชายคนโตมาเยือน นางจึงรีบพูด “รีบเชิญคนเข้ามา”

ระยะนี้ นางวุ่นวายกับเรื่องของตระกูลเถาอย่างมาก

ฮ่องเต้หย่งไท่นับวันยิ่งประจบยาก นับวันยิ่งเจรจายาก

ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ผูกขาดราชสำนักเป็นคำนิยามของฮ่องเต้หย่งไท่

หลังจากสยบสงครามกับเหล่าท่านอ๋อง เรียกคืนพื้นที่ศักดินาได้อย่างราบรื่นแล้ว ทำให้ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงมีความมั่นใจมากขึ้น หยิ่งยโสจนไม่อาจหาที่เปรียบได้

เขาไม่ฟังความเห็นหรือข้อเสนอแนะของผู้อื่นแม้แต่น้อย

แต่ก่อนเถาฮองเฮายังสามารถมีผลต่อการตัดสินใจของฮ่องเต้หย่งไท่

แต่เวลานี้ แม้แต่เถาฮองเฮาก็ต้องระมัดระวังเมื่อทูลกล่าวบางอย่างต่อฮ่องเต้หย่งไท่ กลัวเพียงจะทำให้เขาไม่พอใจ

“เสด็จพ่อเจ้า…”

“เสด็จแม่ทรงหยุดเถิด!”

เมื่อแม่ลูกสองคนพบหน้ากัน พวกเขาแทบจะเอ่ยปากพร้อมกัน

เถาฮองเฮาจ้องมองเขา รอประโยคต่อไปของเขา

เซียวเฉิงเหวินยุ่งมาครึ่งวัน เขาเหนื่อยแล้ว

เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบสองคำ ก่อนจะพูดอย่างเชื่องช้า “กระหม่อมไปพบน้องสาม และเสด็จอาเฉิงหยางมาแล้ว พร้อมทั้งขอให้พวกเขาหยุดการกระทำ อย่าได้สร้างความวุ่นวายอีก ขอเสด็จแม่ก็ทรงโปรดหยุดมือเถิด”

เถาฮองเฮาทำหน้าบึ้ง “เจ้ารู้ว่าองค์หญิงเฉิงหยางทำสิ่งใดเพื่อแก้แค้นข้าหรือไม่ นางซื้อใจคน พลิกคดีเมื่อหลายปีก่อนออกมา ต้องการทำให้ตระกูลเถาล่มสลาย หากนางจะทำให้ตระกูลเถาล่มสลาย นางก็คือศัตรูของข้า”

เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เสด็จอาเฉิงหยางจะหยุดมือ กระหม่อมจะจัดการเรื่องของตระกูลเถาเอง”

“เจ้าจะจัดการอย่างไร เสด็จพ่อเจ้ารับสั่งให้สืบเรื่องนี้ เวลานี้ตระกูลเถากำลังจะเดือดร้อน ภายในราชสำนักมีคนเริ่มทับถมแล้ว…”

“กระหม่อมบอกแล้ว เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการ รวมทั้งทางเสด็จพ่อ ดังนั้นขอเสด็จแม่โปรดทรงหยุด อย่าได้ปะทะกับเสด็จอาเฉิงหยางต่อไป มันไม่มีผลดีต่อทั้งสองฝ่าย”

เถาฮองเฮาหอบหายใจด้วยความโกรธ “เฉิงหยางสร้างความเดือดร้อนใหญ่เพียงนี้ให้ข้า ทำให้ข้าวิตกกังวล หากข้าไม่สั่งสอนนาง ความโกรธของข้าจะหายไปได้อย่างไร เจ้าให้ข้าหยุดมือ เจ้าเคยคำนึงถึงสถานการณ์ของข้าหรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินพูดอย่างหนักแน่น “เสด็จแม่ทรงต้องการระบายความโกรธ หรือทรงต้องการตำแหน่งนั้น หากทรงต้องการระบายความโกรธ กระหม่อมย่อมสามารถทำให้จ้งซูอวิ้นตาย แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เสด็จแม่ทรงพอพระทัยหรือไม่”

เถาฮองเฮาสะอึก ไม่อาจพูดออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว

นางหอบหายใจระรัว ก่อนจะข่มอารมณ์นั้นลงไปได้ “เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าจะทำอย่างไร เสด็จพ่อของเจ้านับวันยิ่งเอาตัวเองเป็นใหญ่ ยากที่จะเกลี้ยกล่อม”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ไม่ต้องเกลี้ยกล่อม เพียงแค่ต้องใช้อีกเรื่องที่หนักหนากว่ามาข่มเรื่องนี้เอาไว้ จึงจะสามารถแก้ไขวิกฤตของตระกูลเถา”

“มีเรื่องหนักหนากว่านี้ที่ใดกัน”

“ไม่มีก็สร้างขึ้นมา อาทิ การจลาจลทางชายแดน”

“เจ้าหมายถึงตระกูลหลิวหรือ”

เซียวเฉิงเหวินพยักหน้า

เขากดเสียงต่ำ พูดด้วยเสียงกระซิบ “หลิวเป่าผิงเข้าเมืองหลวงมาแล้ว ถึงเวลาต้องจัดงานอภิเษกเสียที เสด็จแม่ เสด็จอาเฉิงหยางไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แม้จะเป็นจ้งซูอวิ้น เสด็จแม่ย่อมสามารถทำให้นางหายไปตลอดกาลได้ในภายหลัง เวลานี้ตระกูลหลิวต่างหากที่ต้องให้ความสำคัญ ตระกูลหลิวถึงจะเป็นต้นเหตุ”

เขาใช้นิ้วจุ่มน้ำชา เขียนคำว่า ‘ทหาร’ ลงบนโต๊ะ จากนั้นใช้แขนเสื้อเช็ดทิ้ง เหลือเพียงคราบน้ำ

ใบหน้าของเถาฮองเฮาเคร่งขรึม นางพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าเชื่อเจ้า ข้าจะหยุดมือบัดนี้ นับแต่นี้ต่อไป ไม่กลั่นแกล้งจ้งซูอวิ้นอีก อีกทั้งจะไม่ปะทะกับองค์หญิงเฉิงหยางอีก”

“ขอบพระทัยเสด็จแม! เสด็จพ่อนับวันยิ่งอารมณ์ร้อน เสด็จแม่ทรงใจกว้างเสียหน่อย ถวายหญิงงามหลายคนไปปรนนิบัติเสด็จพ่อ”

อารมณ์ของเถาฮองเฮาซับซ้อนอย่างมาก

นางกำลังคิดว่าบุตรชายคนโตคิดเรื่องการถวายหญิงงามให้บิดาของตนเองได้อย่างใจเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร

จากนั้น นางก็ยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “เจ้ากำลังทำร้ายจิตใจของข้า”

“กระหม่อมมีความผิด ขอเสด็จแม่โปรดลงโทษ” เขายอมรับผิดอย่างรวดเร็ว

เถาฮองเฮายิ้ม “เจ้าพูดถูก เสด็จพ่อเจ้านับวันยิ่งปรนนิบัติยาก ถึงเวลาต้องถวายหญิงงามให้เขาหลายคนแล้ว เรื่องนี้เจ้าเป็นคนจัดการได้หรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินกลับพูด “เรื่องนี้ให้น้องสามเสียดีกว่า เสด็จแม่ น้องสามต้องการการฝึกฝนมากยิ่งขึ้น”

ความหมายแฝงคือ ต้องให้เซียวเฉิงอี้ได้สัมผัสกับเรื่องสกปรกบางอย่างบ้าง

เถาฮองเฮาลังเล

เซียวเฉิงเหวินพูดโน้มน้าว “หากน้องสามประสบเรื่องยิ่งมาก เขายิ่งสามารถจัดการเรื่องในเรือนหลังได้ดียิ่งขึ้น ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่ององค์หญิงเฉิงหยางลอบทำร้ายตระกูลเถาขึ้น”

เถาฮองเฮาถูกโน้มน้าว “ข้าเชื่อเจ้า!”