ตอนที่ 241 ความเป็นมนุษย์ ตอนที่ 242 เกลี้ยกล่อม

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 241 ความเป็นมนุษย์

ซ่งต๋ามักไม่รู้จักอาย เมื่อก่อนมีเขาคอยอยู่เป็นเพื่อน ซ่งอู่เลยไม่รู้สึกกดดันเมื่อต้องกินดื่มอยู่กับซ่งอิง แต่ตอนนี้ซ่งต๋าไม่อยู่แล้ว ซึ่งอู่จึงเกรงใจเล็กน้อย

แต่การอยู่กับซ่งอิงที่นี่ เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย

อย่างเช่นสิ่งที่อาจารย์สอนตอนกลางวัน หากเขาไม่เข้าใจก็มาถามซ่งอิง นางสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ จึงรู้สึกว่าการเรียนไม่ยากเกินไป

นอกจากนั้น เขาชอบหลานหลินผู้นี้จริงๆ อยู่กับเขา มักรู้สึกสองปลอดโปร่งและสบายเนื้อสบายตัว

ทว่าตอนนี้ฮั่วหลินค่อนข้างหงุดหงิด

“ไม่มาก็ช่าง! จากนี้ข้าก็จะไม่สนใจเขาอีกแล้ว!” ภูตโสมกัดฟันแน่น โยนกระดาษที่ใช้เขียนตัวอักษรแผ่นหนึ่งทิ้ง

“สิ้นเปลืองกระดาษ หักดอกไม้แดงหนึ่งดอก” ซ่งอิงไม่แม้แต่จะปรายตามอง แน่วแน่ในการเลี้ยงดูเขาอย่างไม่ให้ท้าย

ภูตโสมทั้งโกรธเคือง ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ คิดไม่ตกว่าตัวเองทำอะไรผิด ไยซ่งต๋าจึงทิ้งเขาไปหน้าตาเฉย ทั้งยังถูกซ่งอิงดุและหักดอกไม้แดงที่เขารักอีก ทันใดนั้นดวงตาก็แดงระเรื่อและเริ่มร้อนผ่าว เขาฟุบลงบนโต๊ะแล้วร้องไห้ออกมา

ซ่งอิงตะลึงงัน

สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายเล็กน้อย

จากนั้นจึงเดินเข้าไปมอง เห็นว่าเขาร้องไห้จริงจัง จึงตกตะลึงปนประหลาดใจจนพูดไม่ออก

บุตรชายนาง…เป็นภูตมิใช่หรือ

แม้สติปัญญาจะต่ำไปสักหน่อย แต่ก็มีชีวิตมานานหลายปี ตอนแรก ยามถูกนางมัดตัว แม้จะร้องไห้ ‘แงๆ’ ทว่านั่นเป็นเสียงร้องไห้ไร้หยาดน้ำตา แทบไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด แต่บัดนี้แตกต่างออกไป ภูตโสมเปล่งเสียงร้องไห้พร้อมหยาดน้ำตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ!

มีความเป็นมนุษย์แล้วหรือ

ซ่งอิงก็เพิ่งเลี้ยงลูกชายเป็นครั้งแรกจึงสับสนเล็กน้อย ทั้งดีใจทั้งจนปัญญา “สำนวนโบราณกล่าวไว้ว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ต่อให้วันนี้จิตใจตรงกันดี พรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เจ้าแค่หันไปหาสหายคนอื่น…แน่นอนว่า สหายผู้มีใจมั่นคง ไม่เปลี่ยนผันง่ายก็มีเช่นเดียวกัน เจ้าดูอย่างท่านอาอู่ของเจ้าสิ เขาก็ยังอยู่นี่…”

ซ่งอู่ละอายใจเล็กน้อย

เขาอยากพูดเหลือเกินว่า หากซ่งต๋าจะไม่กลับมาอีกแล้ว เขาก็ไม่สะดวกใจจะอยู่ที่นี่นานๆ เช่นกัน นอกเสียจากมารดาเขาจะมอบของตอบแทนให้พี่รองบ้าง

แต่มารดาของเขาตระหนี่ถี่เหนียวขนาดนั้น ไม่มีทางยอมมอบอะไรให้พี่รองหรอก…

“ข้าจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว!” ภูตโสมที่ร้องไห้ไม่เลิกส่งเสียงตะโกนขึ้นมา

มนุษย์ล้วนโกหกหลอกลวงทั้งนั้น ตกลงกันไว้ดิบดีว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวไปด้วยกัน ไม่ทันไรก็ทำเป็นไม่รู้จักกันเสียแล้ว!

ไม่แม้แต่จะบอกเขาเลยว่าทำไม!

“ลูกแม่ เจ้าคิดเยี่ยงนี้ก็ไม่ถูก” ซ่งอิงลูบหัวเขา “อันดับแรก…อาต๋าไม่สนใจพวกเราแล้ว พวกเรากลายเป็นผู้ถูกทอดทิ้ง หากเจ้าโกรธเคือง จะไปถามไถ่ให้เข้าใจก็ย่อมได้ ระหว่างมิตรสหาย สิ่งที่กลัวที่สุดคือการผิดใจกัน หากเจ้าทำใจตัดขาดเขาไม่ได้จริงๆ ก็ไปเกลี้ยกล่อมเขาดู หากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็ใช้กำลังเอาเขากลับมา หากใช้กำลังแล้วยังไม่สำเร็จอีก…เราค่อยตัดขาดความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับเขา…”

“แม้ว่าข้าไม่ห้ามซ่งต๋าไม่ให้กลับบ้าน แต่เจ้าเป็นสหายของซ่งต๋านี่ จะพยายามต่อสู้เพื่อความสัมพันธ์เสียหน่อยก็ย่อมได้” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

มัวแต่ร้องไห้ได้ที่ไหน

เป็นภูตโสมแท้ๆ ร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ขายหน้าหรือไร?

อีกอย่าง ดูหยาดน้ำตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วนั่นสิ ร้องไห้มากมายขนาดนี้ สิ้นเปลืองตัวยาตั้งเท่าใด?

ฮั่วหลินนิ่งอึ้งไปหลังจากได้ยินคำพูดนาง

เขาคิดว่ามารดาพูดถูก

ลองสู้ดูสักตั้งก็ได้นี่ หากซ่งต๋าไม่เชื่อฟังก็จะไม่แยแสเขาอีกแล้ว…

ภูตโสมอารมณ์ดีขึ้นมาก

ซ่งอิงโล่งอกโล่งใจเช่นกัน การเลี้ยงเด็กคนนึงเป็นเหตุให้ใจสลายได้จริงๆ

ฮั่วหลินและซ่งอู่ตัดสินใจแน่วแน่ ตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นตอนเข้าเรียนจะรั้งซ่งต๋าไว้แล้วคุยให้รู้เรื่อง น่าเสียดายที่ซ่งต๋าไม่ได้ไปเรียน มิหนำซ้ำเมื่อฮั่วหลินกลับมาถึงบ้าน ก็ระเบิดอารมณ์อยู่พักหนึ่ง แม้แต่ซ่งอู่ยังออกอาการหงุดหงิด

ไม่อยู่ทบทวนบทเรียนด้วยกันก็ไม่เป็นไร แต่จะถึงขั้นไม่ไปโรงเรียนไม่ได้!?

ตอนที่ 242 เกลี้ยกล่อม

ขณะนี้ ทางด้านครอบครัวซ่งต๋า เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็หัวเสียเช่นกัน

นับแต่บุตรชายกลับมาจากบ้านซ่งอิงก็ไม่พูดไม่จา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เคยปากหวาน ช่างพูด ช่างเจรจา ออดอ้อนขอนางและแม่สามีว่าอยากกินนู่นดื่มนี่…

ยิ่งกลับจากโรงเรียนมาได้หนึ่งวัน อาการยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ หน้าตาซึมเศร้าเหงาหงอย เป็นเด็กเป็นเล็กคิดไม่ถึงว่าจะรู้จักทอดถอนใจกับเขาแล้ว หลังถอนหายใจตลอดทั้งคืน ตื่นเช้ามาก็ไม่ไปโรงเรียนเสียดื้อๆ!

นี่มันใช้ได้หรือ?!

นางยังหวังว่า บุตรชายจะโดดเด่นมีหน้ามีตากว่าซ่งสวินอยู่นะ!

“ลูกต๋า ใครรังแกเจ้าแล้วหรือ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อดคิดมากไม่ได้ “หรือว่าพี่รองตีเจ้า? แต่เจ้าก็เคยพูดมิใช่หรือว่า พี่รองทำไปก็เพราะหวังดีต่อเจ้า…”

“ไม่มีอะไร ท่านแม่ ท่านอย่าสนใจข้าเลย” ซ่งต๋าเหมือนปลาตายตัวหนึ่ง นอนแผ่ราบบนเตียง จับจ้องไปนอกหน้าต่าง

ตอนนี้หลานหลินต้องฝึกคัดอักษรอยู่กับพี่อู่เป็นแน่ หลังขาดเขาไป ทั้งสองคงได้กินขนมกันอย่างหนำใจ

พี่ห้าไม่เอาแต่พูดฉอดๆ เช่นเขา ไม่แน่ว่าบรรยากาศคงผ่อนคลายขึ้นหลายเท่าตัว

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พลันร้อนใจจนหงุดหงิด

นางยินดีจะเห็นลูกชายเอะอะ แต่ไม่อยากเห็นเขาไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้ มันน่าเศร้าใจเสียยิ่งกว่าอะไร!

“ไม่ได้! เจ้าต้องถูกรังแกมาเป็นแน่! หากเจ้าไม่พูดกับข้าให้รู้เรื่อง ข้าจะไปหาพี่รองเจ้า!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ครุ่นคิดแล้วเอ่ยปาก จากนั้นก็ปรายตามองบุตรชายแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมอีกประโยค “แล้วก็จะถือมีดไปด้วย พี่รองเจ้าดุขนาดนั้น ข้าอาจจะสู้ไม่ไหว!”

ซ่งต๋าตระหนกตกใจ ดีดตัวลุกขึ้นมา “ท่านแม่! ทำไมท่านต้องรังแกพี่รองของข้าด้วย!”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ปวดใจ

แต่ยังคงกล่าว “ก็มิใช่เพราะนางทอดทิ้งลูกชายข้าแล้วหรือ!”

“ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะว่าไม่ใช่พี่รอง!” ซ่งต๋าส่งเสียงตะโกน

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ได้แต่กรอกตา นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าไม่น่าใช่เอ้อร์ยา อย่างไรเสีย เด็กสาวผู้นั้นก็ไม่ใช่คนโมโหร้ายถึงขั้นถือโทษเอาความอะไรกับเด็กๆ

“ไม่ใช่นางแล้วเป็นใคร!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ชักสีหน้าโกรธเกรี้ยว วางมาดราวกับต้องการจะพุ่งตัวไปบ้านฮั่วแล้วสับซ่งอิง

ซ่งต๋ารู้ดีว่ามารดาเขาเป็นคนประเภทให้ท้ายลูกตัวเอง จึงไม่กล้าปิดบังเอาไว้ เขาแสดงสีหน้าเศร้าโศกออกมาอย่างเปิดเผย “ท่านแม่! คนอื่นเขาพูดกันว่า ข้าขี้เกียจสันหลังยาว เอาแต่อยู่บ้านพี่รองเพื่อให้นางเลี้ยงดูปูเสื่อ กล่าวว่าจิตใจข้าคดงอเช่นเดียวกับพี่ใหญ่ แล้วยังกล่าวว่าข้าคิดจะขโมยตำรับ แล้วก็ แล้วก็ พูดว่าเห็ดหลินจือที่หลานหลินมอบให้ท่านปู่ ท้ายที่สุดจะต้องตกไปอยู่ในมือพี่ใหญ่เป็นแน่…”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่นึ่งอึ้งไป

สมองพลันเกิดเสียงอื้ออึง ทั้งโกรธ ทั้งเดือดดาล ทั้งอยากอาละวาด

“ไอ้คนสมควรตายตัวไหนมาพูดจาเหลวไหลแบบนั้น ข้าจะไปฉีกปากเขาเดี๋ยวนี้!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กำลังจะอาละวาดแล้วจริงๆ

นางเป็นลูกสะใภ้คนโตและพี่สะใภ้ใหญ่ ครอบครัวฝั่งบิดามารดาเป็นถึงถงเซิง! นับแต่วันแรกที่แต่งเข้ามา ก็รู้ว่าตัวเองไม่แย่ไปกว่าบรรดาน้องสะใภ้เป็นแน่ นางเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลซ่ง ภายภาคหน้าเมื่อผู้อาวุโสไม่อยู่แล้ว นางก็คือจ่าฝูงตระกูลซ่ง!

ดังนั้นจะไม่ยอมให้ตนเองตกต่ำกว่าคนอื่นโดยเด็ดขาด!

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เลือดลมพลุ่งพล่านไปทั้งตัว

“ท่านแม่! แต่ที่คนอื่นพูดก็ไม่ผิดนี่? ข้ากินของพี่รอง ดื่มของพี่รอง เมื่อพี่ใหญ่กลับมา มีหรือที่เขาจะไม่อยากได้เห็ดหลินจือ? ต่อให้ไม่มีเห็ดหลินจือ พี่ใหญ่ก็คงไม่ปล่อยพี่รองไปเป็นแน่! แล้วข้าจะทำอย่างไรล่ะ” ซ่งต๋ากล่าวขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้มารดาเคยพูดกับเขาว่า หลังกิจการของพี่สาวคนรองเจริญแล้ว จะต้องมีคนปากเปราะพูดว่าเขาหมายตาตำรับอยู่เป็นแน่

แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร พูดกันนิดๆ หน่อยก็คงไม่เป็นปัญหา

แต่ไม่รู้ทำไม ตอนที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นจริงๆ เขากลับอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง!

เรื่องนี้เลวร้ายกว่าที่คิดไว้มาก

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กัดฟันแน่น หย่อนตัวลงบนเตียง คล้ายสติเลื่อนลอย

“ท่านแม่ เมื่อพี่ใหญ่กลับมาในภายภาคหน้า ท่านเกลี้ยกล่อมเขาได้หรือไม่ อย่าให้เขาเล่นงานพี่รอง ส่วนเห็ดหลินจือของท่านปู่ พวกเราอย่าเอาเลยนะ ได้หรือไม่” ซ่งต๋ากล่าวต่อ