ตอนที่ 144 มันเป็นแค่ลูกแมวตัวน้อย
ตอนที่ 144 มันเป็นแค่ลูกแมวตัวน้อย
หลังจากข่าวการรับสมัครเผยแพร่ออกไป ผู้เช่าจำนวนมากก็ตรงมาที่อาคารสำนักงานเพื่อหาจวงหว่าน
แม้แต่คนที่อาศัยอยู่นอกเถาหยาง เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับการรับสมัคร ก็รีบโทรมาสอบถาม กระตือรือร้นมากกว่าตอนที่เธอปล่อยห้องเช่าเสียอีก
ซูเถารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
จวงหว่านดูประวัติโดยย่อแล้วพูดว่า
“จำนวนบริษัทและโรงงานที่ปิดทำการในตงหยางเพิ่มขึ้นทุกวัน และจำนวนคนว่างงานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าการไปทำงานที่เถาหยางถือว่ามีความมั่นคง สามารถพูดได้ว่าการปิดกิจการและการล่มสลายของฉางจิง ที่เถาหยางจะไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น”
เฉียนหรงหรงที่อยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างอ่อนแรง “ฉันก็คิดอย่างนั้น”
จวงหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เธอพูดถูก”
ซูเถาถามว่า “ที่ตงหยางมีโรงงานและบริษัทกี่แห่งที่ปิดตัวลง”
จวงหว่านกล่าวว่า “มีค่อนข้างมาก โรงงานและบริษัทหลายแห่งจำเป็นต้องซื้อสินค้าหรือชิ้นส่วนจากฐานอื่น แต่โลกภายนอกกำลังยุ่งเหยิง และหลายแห่งก็หยุดการผลิตเช่นเดียวกัน แม้ว่าตงหยางจะยังมีเสถียรภาพ แต่กิจการหลายแห่งนั้นหยุดชะงัก การจัดหาสินค้าจึงมีปัญหา ไม่มีทางที่จะผลิตต่อไปได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงปิดตัวลง”
“ตัวอย่างเช่น ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของตงหยาง จำพวกฝ้าย หรือผ้าและแม้แต่เครื่องมือบางส่วนก็ต้องซื้อจากฐานอื่น เมื่อไม่มีฝ้ายและผ้า มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ฉันได้ยินมาว่าโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้นต้องไปเอาฝ้ายถึงซ่างจิง”
ซูเถาสารภาพกับจวงหว่าน
“ในอนาคต ตำแหน่งภายในของเถาหยางจะพิจารณาผู้เช่าของเราก่อน”
จวงหว่าน “แน่นอนอยู่แล้ว ผู้เช่าของเรามีคุณภาพดี มันง่ายต่อการสรรหาผู้สมัครที่ยอดเยี่ยม”
ในเวลานี้ ชีอวิ๋นหลันก็โทรมาและพูดว่า
“เถ้าแก่ มีคนข้างนอกที่อ้างว่าเป็น…พี่ชายของคุณ คุณช่วยตรวจสอบหน่อยว่าเขาโกหกหรือเปล่า”
ขณะที่เธอพูด เธอส่งภาพของกล้องวงจรปิดมาให้ซูเถา
ซูเถาเห็นว่าเป็นซูเจิ้งหลัน พี่ชายคนรองของเธอ
ซูเถากล่าวว่า “ถามเขาว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร ถ้ามันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ก็จัดการให้เขาออกไป”
ชีอวิ๋นหลันคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเถ้าแก่ซูจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงขอให้เมิ่งเสี่ยวป๋อเป็นผู้ถาม
เมื่อเมิ่งเสี่ยวป๋อได้ยินว่าเขาเป็นพี่ชายของเถ้าแก่ เขาก็กำลังจะลงไปถามอย่างสุภาพ แต่ถูกชีอวิ๋นหลันห้ามเอาไว้
“นายไปถามตามปกติก็ได้แล้ว ฉันได้ยินน้ำเสียงของเถ้าแก่ซู ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบคนคนนี้เอามาก ๆ”
เมิ่งเสี่ยวป๋อเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเข้าไปถามซูเจิ้งหลันด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“คุณต้องการอะไรจากเถ้าแก่ของเรา”
ซูเจิ้งหลันกลัวเขาเล็กน้อย ถอยหลังไปสองก้าวแล้วโบกมือ “ผมไม่ได้มาหาเถ้าแก่ของคุณ ผมมาหาซูเถา น้องสาวของผม”
เมิ่งเสี่ยวป๋อมองเขาอย่างสงสัย “คุณโง่หรือเปล่า ก็เธอนั่นแหละที่เป็นเจ้านายของพวกเรา”
ซูเจิ้งหลันเปิดปากของเขาและเปล่งเสียง “ฮะ”
“ชื่อซ้ำกันหรือเปล่า? น้องสาวของผมเพิ่งอายุ 18 ปีเท่านั้น เธอไม่น่าจะเป็นเจ้านายของคุณได้ เธอเป็นผู้เช่าที่นี่และน่าจะอาศัยอยู่กับแฟนของเธอ รบกวนคุณเรียกเธอให้ผมหน่อยได้ไหม”
เมิ่งเสี่ยวป๋อตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูด และเกิดสงสัยขึ้นมาว่ามีผู้เช่าที่มีชื่อเดียวกันจริง ๆ หรือเปล่า
เถ้าแก่ของพวกเขาเป็นเด็กสาวที่ยังโสด
เมิ่งเสี่ยวป๋อออกจะเป็นคนทึ่ม เขาไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นและถามว่า
“คุณแค่บอกมาว่ามาที่นี่เพื่ออะไร”
ซูเจิ้งหลันกลัวเขาจนพูดตะกุกตะกัก
“ผม ผมอยากมาหางานที่เถาหยาง เลยอยากให้เธอช่วยแนะนำงานให้ผม…”
เมิ่งเสี่ยวป๋อสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารถึงชวีอวิ๋นหลัน เขาแจ้งว่า “หัวหน้า เขามาที่นี่เพื่อหางาน”
ชีอวิ๋นหลันเข้าใจว่าเขาน่าจะสวมรอยเป็นญาติ เธอจึงพูดว่า “หาข้ออ้างแล้วส่งเขาออกไป”
เมิ่งเสี่ยวป๋อไม่สามารถคิดหาข้ออ้างได้ เขาจึงพูดกับซูเจิ้งหลันโดยตรงว่า “คุณไปเถอะ”
ซูเจิ้งหลัน “หือ? คุณยังไม่ได้ช่วยผมเรียกเลย…”
เมิ่งเสี่ยวป๋อชูกำปั้นขนาดเท่ากระสอบทรายขึ้น แล้วถามอย่างเย็นชาว่า “จะไปไม่ไป”
ซูเจิ้งหลันตกใจกลัว เขามองไปที่ประตูเถาหยางอันสง่างาม และจากไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อซูเถารู้ว่าซูเจิ้งหลันจากไปแล้ว เธอก็ไม่ได้จริงจังกับมันและทำงานต่อไป
ก่อนเลิกงาน เฉียนหลินมาที่อาคารเถาหลี่ เธอกอดบางสิ่งที่ห่อด้วยเศษกระดาษไว้ในอ้อมแขนของเธอ และเธอพูดอย่างสดใสทันทีที่เธอนั่งลง
“เถ้าแก่ คุณจำลูกค้าแซ่จางที่ภูเขาผานหลิว ที่เขาเคยแนะนำเราให้รู้จักกับทีมขนส่งเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ไหม”
ซูเถาพยักหน้า
“พวกเขามาถึงภูเขาผานหลิวแล้ว เดิมทีตกลงกับพวกเขาว่าจะคุยรายละเอียดกันในช่วงบ่ายวันนี้ แต่หัวหน้าทีมของพวกเขาเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวนาน พวกเขาจึงขอเปลี่ยนเวลานัดคุย พวกเขาค่อนข้างเสียใจและให้คนมาส่งดอกลิลลี่ให้เรา”
ขณะที่เธอพูดนั้น เธอก็เปิดมันออก ภายในนั้นมีดอกลิลลี่สีขาวสดสามดอกบานอยู่ โดยมีหยดน้ำเล็ก ๆ เกาะอยู่บนกลีบดอก ส่งกลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้ออกมา
ซูเถานั่งตัวตรง
เฉียนหลินยิ้มและพูดว่า
“หลังจากที่อู๋เจิ้นได้มา เขาก็รอไม่ไหวและปลูกมัน เขามอบหมายให้ฉันเป็นคนมอบมันให้คุณ เขาบอกว่าพวกมันสามารถเลี้ยงในสำนักงานได้เป็นเวลาสองสัปดาห์”
ซูเถารับมันด้วยความประหลาดใจ เธอดมกลิ่นครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดด้วยรอยยิ้ม
“มันสวยและหอมมาก”
หลังจากพูดจบ เธอมองไปที่ดวงตาอันโหยหาของจวงหว่าน และมอบให้เธอ
“ดอกนี้ฉันให้คุณ”
จวงหว่านเหมือนเด็กสาวตัวเล็ก ๆ เธอไม่สามารถต้านทานดอกไม้ที่สวยงามได้ เธอถือมันไว้ราวกับสมบัติอยู่ในมือ เธออวยพรและขอบคุณซูเถาซ้ำ ๆ
หลังจากนั้นจึงรีบไปหาแจกันมาใส่น้ำและจัดวางอย่างระมัดระวัง
เฉียนหลินเตือนเธอว่า “วางแจกันไว้ตรงนั้น ระวังเฮยจือหม่าด้วยนะ”
ทันใดนั้น จวงหว่านก็วางแจกันกลับเข้ากับผนังราวกับว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู และหลังจากวางมันลง จู่ ๆ เธอก็ถามว่า
“แต่วันนี้ฉันไม่เห็นเฮยโต้วเลยทั้งวัน มันแปลกจริง ๆ ปกติมันจะมาเล่นที่อาคารสำนักงานตลอด”
เฮยโต้วเป็นชื่อเล่นที่จวงหว่านตั้งให้เฮยจือหม่า โดยบอกว่ามันหน้าตาเหมือนเมล็ดถั่ว เมื่อเท้าถึงพื้นก็วิ่งหนีไปอย่างไว
ซูเถาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าเมื่อคืนมันก็ไม่ได้กลับบ้าน
แม้ว่าเมื่อก่อนจะมีกรณีที่ไม่กลับมาตอนกลางคืน แต่มันจะกลับมากินอาหารตอนกลางวันแน่นอน
นี่มันบ่ายแล้ว ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
ซูเถาตื่นตระหนกและวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อตามหาชีอวิ๋นหลันเพื่อให้ตรวจสอบ
คน 8 คนร่วมกันค้นหานานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ไม่พบทั้งที่เถาหยางและภูเขาผานหลิว
ซูเถาสงสัยว่าเมื่อคืนนี้มันได้ออกไปวิ่งข้างนอกหรือเปล่า
เฮยจือหม่าตัวสีดำ จึงทำให้หายากเป็นพิเศษ มันเปรียบเสมือนสิ่งไม่มีตัวตนในความมืด
นอกจากนี้เธอยังพยายามแบ่งปันการมองเห็นกับเฮยจือหม่าแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มแล้ว ซูเถายังไม่ได้กินข้าว แขนขาของเธออ่อนแรงเล็กน้อย จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า คนเลวอาจจะจับและทำร้ายมัน มันเป็นแค่ลูกแมวตัวน้อย…
เมื่อผู้อาวุโสเหม่ยรู้เรื่องนี้ เขาก็เข็นรถเข็นออกมาอย่างกระวนกระวาย และเรียกชื่อเฮยจือหม่าพร้อมกับมองหา
คุณย่าเฉินก็ไปเรียกสาว ๆ ที่หอพักให้มาช่วยกันตามหา
เป็นเวลาตีหนึ่ง ผู้เช่าเกือบทั้งหมดในเถาหยางแยกย้ายกันออกไปรอบ ๆ พื้นที่ตงหยางที่อยู่ใกล้กับเถาหยางพร้อมด้วยไฟฉายในมือ
ทุกคนชอบแมวตัวนี้มาก พากันลูบคลำและกอดมัน มันค่อนข้างกล้าหาญ พวกเขามักออกไปทักทายเฮยจือหม่าที่ชอบนอนอาบแดดอยู่ข้างน้ำพุทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันสำหรับผู้เช่าของเถาหยาง
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คงไม่มีใครที่ไม่เสียใจ