“เธอต้องการอะไร” อันหรันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา
มู่เหว่ยมองสำรวจไปที่อันหรัน ช่วงนี้เขามีเรื่องให้คิดหนักอยู่หลายเรื่อง จนร่างกายผอมแห้งลงเยอะ
แต่อันหรันในตอนนี้กลับดูสุขภาพดีเป็นอย่างมาก เธอคงจะกินดีอยู่ดีนอนหลับสบายสินะ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมาดื้อๆ
“ฉันบอกไปแล้วว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอ หรันหรัน เมื่อก่อนเราต่างก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจกันมากไม่ใช่เหรอ ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายจนถึงขั้นนี้เลยนี่”
มู่เหว่ยแสร้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างจริงใจ แต่อันหรันกลับยังคงไม่ไหวติง
ภายนอกเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดี แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนไว้ซึ่งจิตใจที่ชั่วช้า
“เอามือออก แล้วไปซะ ความอดทนของฉันมีจำกัด ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ ข้อหาบุกรุกบ้านของคนอื่น” อันหรันกล่าวเตือนมู่เหว่ยเด้วยท่าทางเคร่งขรึม
มู่เหว่ยโมโหจนใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดง เขารู้สึกว่าตัวเองไว้หน้าอันหรันอยู่มากโข แต่เธอกลับไล่เขาไปแบบนี้ เขารู้ดีว่าตอนนี้จะแสดงความโกรธออกมาไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นจึงพยายามระงับมันเอาไว้ในใจ แล้วจึงเอ่ยขึ้น : “เธอกลัวที่จะพูดกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ หรือกลัวว่าฉันจะเห็นความขี้ขลาดของเธอล่ะ ก็คงจะใช่ คุณชายฮั่วชอบฉันขนาดนั้น แต่เธอกลับเป็นได้แค่หมาตัวเมียที่อยู่ข้างๆเขา ที่จะโดนเตะออกไปเมื่อไหร่ก็ได้!”
หลังจากที่มู่เหว่ยพูดจบ เขาก็รอดูปฏิกิริยาของอันหรัน อย่างหวังว่าจะได้เห็นท่าทางสลดของเธอ
แต่อันหรันกลับมองดูเธออย่างไม่แยแส ไม่แม้แต่จะโต้แย้งใดๆ
“ถึงยังไงฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา แต่กับเธอ ความรู้สึกของเมียน้อยนี่คงจะทรมานน่าดูนะ!”
คำพูดอันเฉียบคมของอันหรันแทงทะลุเข้าไปยังจุดเจ็บปวดของมู่เหว่ย ร่างที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของเธอพุ่งไปข้างหน้าเล็กน้อย ทำให้อันหรันยิ่งไม่สามารถปิดประตูลงได้
“เป็นเมียน้อยแต่ได้รับความโปรดปรานยิ่งกว่าเมียหลวงอย่างเธอ อันหรัน เธอยอมรับชะตากรรมของตัวเองเถอะ! ใครใช้ให้เทียนหลันชอบฉันมากขนาดนี้ล่ะ!”
คำพูดเย่อหยิ่งของมู่เหว่ย ทุกๆประโยคผ่านมาเข้าในหูของอันหรัน
เธอออกแรงจับลูกบิดประตูเล็กน้อย ราวกับว่าอีกไม่กี่อึดใจจะปิดประตูลงอย่างสนิท
“เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูดล่ะ เป็นใบ้ไปแล้วเหรอ หรือว่ารู้สึกถึงความต่างระหว่างเราสองคนแล้ว อันหรัน ชาตินี้เธอไม่มีทางสู้ฉันได้หรอก ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องการงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักเธอก็ยังคงเป็นรองฉันอยู่เสมอ! เพื่อรักษาหน้าตาของเธอ ตอนนี้ก็รีบไปให้พ้นจากฮั่วเทียนหลันซะ แล้วฉันอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้”
มู่เหว่ยกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา เหมือนกับว่าตัวเองได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งภรรยาของฮั่วเทียนหลันแล้วยังไงอย่างงั้น
อันหรันมองไปที่มู่เหว่ยอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้เธอแทบจะไม่อยากเอ่ยอะไรออกมาอีกแล้ว
ข้อดีของการถูกทำร้ายจิตใจมานาน คือการที่จะไม่รู้สึกร้อนรู้สึกหนาวไปกับคำพูดเหล่านั้นอีกแล้ว
“ยังไม่ไสหัวไปอีก” มู่เหว่ยมองดูอันหรันที่ไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาสักที ก็รู้สึกอยากจะเอากำปั้นทุบลงไปบนหน้าเธอ เอาให้เจ็บตัวไปให้รู้แล้วรู้รอด
“นี่คือบ้านของฉัน” อันหรันเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง
“ยังงั้นเหรอ” มู่เหว่ยรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ถ้าเธอยังไม่ยอมไปอีกล่ะก็ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจจริงๆแล้ว!” อันหรันพูดพลางกดหมายเลข 110 ในมือถือ
มู่เหว่ยยื่นมือออกไปหวังจะแย่งมือถือของอันหรัน อันหรันจึงรีบยกมือขึ้น แต่ไม่ทันได้ระวังจึงทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาบริเวณท้อง
เมื่อเธอก้มศีรษะลง ผู้หญิงคนนี้ก็สบโอกาสใช้วิธีสกปรก โดยการชกเข้าไปที่หน้าท้องของเธอทันที
อันหรันเจ็บจนต้องนั่งยองๆลงกับพื้น ทันใดนั้นมู่เหว่ยก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะดึงคอเสื้อของอันหรันเอาไว้ แล้วพูดขึ้นอย่างกดเสียง : “นังโง่ ฉันอยากจะจัดการแกมานานละ! ฉันเคยให้โอกาสแกไปแล้ว แต่แกไม่รักษาเองนะ เทียนหลันเป็นของฉัน และฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งของของฉันไปเด็ดขาด! ”
อันหรันหายใจเข้าลึกๆอยู่สองสามครั้ง ถึงรู้สึกว่าความเจ็บที่ท้องเริ่มดีขึ้น เธอมองไปที่มู่เหว่ยด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ : “มู่เหว่ย นี่เธอกล้าลงมือกับฉันเหรอ”
มู่เหว่ยยิ้มเยาะ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “แล้วจะทำไมเหรอ ฉันไม่เพียงแต่สามารถลงมือกับแกเท่านั้นนะ ถ้าแกยังไม่ไสหัวไปล่ะก็ ฉันจะทำให้แกเต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยล่ะ!”
คำพูดของมู่เหว่ยทำให้อันหรันรู้สึกใจสั่นขึ้นมา เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่งคงนัก : “มู่เหว่ย เธอวางแผนจะทำอะไรอีก”
มู่เหว่ยหัวเราะเยาะขึ้น ก่อนจะสะบัดอันหรันไปให้พ้น แล้วจึงค่อยๆเดินออกไป
หลังจากเปิดประตูออกมา ความโหดร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่เหว่ย ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวไปข้างหน้า ราวกับว่าถูกผลักให้ตกลงไป
เขาร้องขึ้นอย่างน่าสงสาร ก่อนจะล้มลงไปตรงบันได
ในขณะที่อันหรันยืนอยู่ที่หน้าประตูพอดี เธอจ้องมองไปตามเสียงร้องนั้น ก่อนจะพบร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงรั้วบ้านพอดี
อันหรันตกตะลึง แม้ว่าเธอจะดูโง่แค่ไหน แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่านี่คือกับดักของมู่เหว่ยที่มอบให้เธอ
เธอชี้ไปที่มู่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสียงที่สั่น : “คุณชายฮั่ว ฉันไม่ได้ทำนะคะ เธอล้มลงไปเอง”
ฮั่วเทียนหลันมองอันหรันด้วยสายดุร้าย ก่อนจะรีบไปวิ่งไปช่วยพยุงมู่เหว่ยขึ้นมา
เขาทราบเรื่องจากมิลลี่ว่ามู่เหว่ยมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงรีบขับรถตามมาให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้อันหรันก็เป็นภรรยาเขาอยู่ และเขาไม่สามารถทนมองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงอย่างไม่ยอมลงมือจัดการอะไรเลย
แต่ในตอนนี้มู่เหว่ยที่ดูเหมือนจะหมดสติอยู่รอมร่อ ขยับปากเอ่ยขึ้นเบาๆ : “หรันหรัน ฉันรู้ดีว่ามันผิดที่รักฮั่วเทียนหลัน แต่ฉันหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ฉันรู้จักกับฮั่วเทียนหลันมาก่อนเธอ และชอบเขาอย่างสัตย์จริง แต่ทำไมเธอถึงไม่เหลือที่ว่างให้ฉันได้อยู่ข้างๆเขาบ้างเลยล่ะ… ”
ทุกประโยคที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ยิ่งทำให้ฮั่วเทียนหลันเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
มู่เหว่ยร้องขอสถานะจากเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้ แต่เพราะครอบครัวของเขาคัดค้าน จึงทำให้เขาต้องแกล้งหูหนวกเป็นใบ้ จนทำให้มู่เหว่ยเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
แต่ตอนนี้เธอแค่ต้องการมาพูดเจรจากับอันหรันดีๆ แต่กลับถูกอันหรันผลักตกลงมา เห็นได้ชัดว่าอันหรันพยายามฆ่าเธอโดยเจตนา!
ฮั่วเทียนหลันขยับเข้าไปกอดมู่เหว่ยไว้ แล้วผลักอันหรันที่ก้มลงมาทำท่าจะช่วยออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะตะโกนขึ้นด้วยความโกรธแค้น : “ไสหัวไปให้พ้น!”
เขาอุ้มมู่เหว่ยตรงไปที่รถ ก่อนจะวางเธอลงบนเบาะหลัง ขณะนั้นเองมู่เหว่ยดูเหมือนจะได้สติขึ้นมาเล็กน้อย เธอกอดฮั่วเทียนหลันไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อยมือ ก่อนจะพูดพึมพำออกมา : “เทียนหลัน นี่ใช่คุณหรือเปล่าคะ นี่ฉันตกนรกแล้วเหรอ นรกมันช่างมืดมนเสียจริงๆ! หรันหรันบอกกับฉันว่าเป็ยเมียน้อยจะตกนรก ดูท่าแล้วคงจะเป็นเรื่องจริงสินะ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าในนรกจะมีคุณอยู่ด้วย ฉันไม่กลัวแล้วว่าจะโดนลงทัณฑ์อย่างไรบ้าง ขอแค่ได้อยู่กับคุณ ฉันก็พอใจแล้วล่ะ… ”
พูดมาถึงช่วงท้ายๆเสียงของมู่เหว่ยก็เบาลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ทิ้งตัวลงกับเบาะอย่างไร้เรี่ยวแรง
มองดูใบหน้าที่เปื้อนเลือดของมู่เหว่ย หัวใจของฮั่วเทียนหลันก็รู้สึกเหมือนจะแตกสลายลงในทันที
เขารีบปิดประตูก่อนจะเดินไปฝั่งคนขับ แต่ในขณะนั้นเอง ประตู้ฝั่งตรงข้ามก็ถูกเปิดออกโดยอันหรันที่กำลังจะก้าวขึ้นมาบนรถ
“เธอมาทำไม รีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
ฮั่วเทียนหลันสตาร์ทรถเตรียมขับออกไป แต่อันหรันก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วรีบปีนขึ้นไปนั่งตรงเบาะข้างๆ
“คุณชายฮั่วคะ มู่เหว่ยเธอตกลงเอง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ เธอบาดเจ็บแบบนี้ ฉันเองก็ไม่สบายใจ ฉันอยากตามไปดู … ” อันหรันพูดไป พลางดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาคาดตัว
แต่สีหน้าฮั่วเทียนหลันตอนนี้กลับมือดำสนิท มาถึงตอนนี้แล้วผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองไม่ผิดอยู่อีกหรือ
ประตูวิลล่าไม่ได้สูงมากนัก และไม่มีที่คั่นประตู แม้ว่ามู่เหว่ยจะเดินขัดขาตัวเอง ก็ไม่สมควรที่จะตกลงมาราวกลับว่ามีคนมาผลักอย่างแรงแบบนี้
เขามองไปที่อันหรันอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของเธอไว้ ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงเธอออกไปนอกรถ
หลังจากนั้นก็ดึงประตูรถลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะมองดูอันหรันด้วยซ้ำ แต่กลับรีบออกตัวเหยียบคันเร่ง
อันหรันถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี เธอนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ยอมลุกขึ้นไปไหน
ในตอนที่รถกำลังถอยมานั้น ถ้าหากว่าเธอไม่ได้สติแล้วรีบชักขาเข้ามาล่ะก็ คงจะโดนรถเหยียบจนหักไปแล้วแน่
ท่อไอเสียของรถยนต์พ้นควันออกมาใส่หน้าเธอเต็มๆจนทำให้เธอสำลักอยู่นานสองนาน รอจนอาการไอเริ่มคลายลงก็มองไม่เห็นเงาของฮั่วเทียนหลันแล้ว
อันหรันลุกขึ้นอย่างยากลำบาก อยากจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ก็รู้สึกว่าบ้านเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่กินคน และมันได้กัดกินความรู้สึกที่เธอมีต่อฮั่วเทียนหลันไปจนหมดแล้ว
เธอยิ้มอย่างขมขื่น ยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลนองหน้า เธอล้มตัวลงไปอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือไปดึงถอนหญ้าตรงพื้นขึ้นมา ก่อนจะจับมันยัดเข้าไปในปากอย่างไม่รู้สึกตัว
เม็ดดินคือการทำลาย ต้นหญ้าคือความไม่เดียงสา เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเธอและฮั่วเทียนหลัน
แม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถครอบครอง แต่ยังอยากจะมีมันอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันได้ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองและผู้อื่นจนสาหัส
อันหรันคิดว่าตอนนี้ตัวเองตัดสินใจได้แล้ว เธอเดินโซซัดโซเซกลับเข้าไปหยิบกุญแจรถ ก่อนจะขับมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลฮัวทันที