“เมืองงูหยก!”

เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ตอบพร้อมกัน

“เมืองงูหยก?”

ลู่เฟิง ไม่รู้เกี่ยวกับเมืองนี้เขามาที่โลกแห่งนี้และแทบจะไม่เข้าใจดินแดนหรือเมืองต่าง ๆ ดังนั้นเขาจึงกล่าวถามออกไป”บอกข้าเกี่ยวกับเมืองงูหยกนี้!”

“เมืองงูหยกไม่ใช่เมืองขนาดใหญ่เป็นเพียงเมืองขนาดกลางทางตอนใด แต่สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างพิเศษอย่างมาก!”

“ยังไง?”

“เมืองนี้แบ่งออกเป็นเมืองทางตอนใต้และทางตอนเหนือ ที่กั้นระหว่างทั้งสองเมืองก็คือแม่น้ำงูหยก!”

เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ ลู่เฟิง”แม่น้ำงูหยกมีขนาดใหญ่อย่างมาก มันเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรหนานหยาน และ ประเทศรอบ ๆ ตั้งแต่เมือง ฮงเฟิง ไปยัง เมืองฉิวซาน จนถึง อาณาจักร ฮงเปา เนื่องจากมันอุดมไปด้วย งูหยกในแม่น้ำ ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าแม่น้ำงูหยก และ งูหยก เองก็เป็นวัตถุดิบทางยาที่มีชื่อเสียงทำให้ แม่น้ำงูหยกมีชื่อเสียงอย่างมาก!”

“เพราะแม่น้ำงูหยกพาดผ่านอาณาจักรหนานหยานทั้งหมดเพื่อความสะดวกเมืองงูหยกจึงถูกสร้างขึ้นที่จุดเริ่มต้นของอาณาจักรเพื่อลดระยะทางระหว่างทางเหนือและทางใต้เป็นหลัก! เมืองงูหยกถูกตั้งอยู่ในส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำงูหยก ที่นั่นมีสะพานเหล็กที่เชื่อมต่อกันเป็นสะพานแม้ว่าจะเดินทัพขนาดใหญ่แค่ไหนก็สามารถผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา!”

“แต่เนื่องเพราะเมืองงูหยกจำเป็นจะต้องมีคนคุ้มกันพวกเขาจึงสร้างเมืองขึ้นทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ และ แบ่งออกเป็นเมืองทางใต้และเมืองทางเหนือ เมืองทางเหนือ ถูกควบคุมโดยตระกูล ผู ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองงูหยก ประชากรในเมืองกว่า 90% เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูล ผู โดยมี ผูหนานเฉิง เป็นเจ้าเมืองงูหยก!”

“ข้าเข้าใจล่ะ!”

ลู่เฟิง มองไปที่ เจี๋ยสวี่ และกล่าวถาม”เจ้ากำลังจะบอกว่าช่วงเวลาที่ราชาเมกาทรอนเคลื่อนทัพผ่านสะพานเหล็กของเมืองงูหยกพวกเราจะตัดสะพานเหล็กและปล่อยให้กองทัพครึ่งล้านของเขาจมน้ำตาย?”

เจี๋ยสวี่ ได้สั่นศีรษะ”ฝ่าบาท แม้ว่าสะพานเหล็กจะใหญ่ แต่กองทัพที่สามารถผ่านเข้าไปได้ในคราวเดียวมีไม่ถึง 10,000 คน สำหรับ ราชาเมกาทรอนแล้ว จำนวนคนแค่นี้เขาแทบไม่สนใจด้วยซ้ำ คำแนะนำของข้าน้อยคือ ช่วงเวลาที่กองทัพของราชาเมกาทรอนมาถึงเมืองงูหยกทางตอนเหนือ ในช่วงเวลานั้นเขาจะต้องได้รับความบันเทิงจากตระกูลผูอย่างแน่นอน และ กองทัพของเขา ก็น่าจะรออยู่นอกเมืองทางตอนเหนือ!”

“เมืองทางตอนเหนือมีภูมิประเทศไม่สม่ำเสมอ และ มันไม่กว้างพอที่จะให้ทหารม้าเข้าชาร์จดังนั้นเราสามารถใช้กองทัพ 300,000 นาย ที่นำโดยแม่ทัพเหลียนป๋อ เข้าชาร์จได้ ด้วยจุดนี้ เราจะสามารถจับกุมราชาเมกาทรอนลู่เว่ยได้ในที่สุด จากนั้นเราก็ใช้ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย สั่งการทหารของเขา ให้ถอยกลับไปและตัดสะพานเหล็ก หากโชคดีเราจะสามารถจัดการรวบจบราชาเมกาทรอนลู่เว่ยได้ในคราวเดียว!”

ซุนฮก เองก็พยักหน้า”เหวินเหอ พูดถูกแล้วพะยะค่ะ นอกเมืองทางเหนือของเมืองงูหยกเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับทหารราบ ทหารม้าไม่สามารถใช้งานได้ นี่เป็นโอกาสของเรา! แต่แผนที่ว่าไปนี้จะต้องแน่ใจว่าเรามีกองทัพอยู่ในมือไม่ต่ำกว่า 300,000 นาย! ดังนั้น…”

เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ได้มองไปที่ลู่เฟิงพร้อมกัน”ฝ่าบาทพระองค์แน่ใจจริง ๆ หรือพะยะค่ะ ว่าจะสามารถโน้มน้าวแม่ทัพเหลียนป๋อให้ส่งกองกำลังมาช่วยได้?”

สิ่งที่พวกเขากังวลก็คือ เหลียนป๋อ มีกองกำลังนับล้านคนอยู่ที่ชายแดนและหากพวกเขาไม่สนับสนุนตัวเองสิ่งที่พวกเขาพูดไปจะกลายเป็นว่างเปล่าทันที

ลู่เฟิงได้ยิ้มอย่างแผ่วเบาและตอบกลับ”ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ยังไงก็ตาม ข้าจะลองดู ข้าจะออกเดินทางตอนนี้และขี่ม้าไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ลเพียงคนเดียวเพื่อพบกับแม่ทัพเหลียนป๋อ!”

“นี่….ฝ่าบาทพระองค์ไม่ควร”

“ไม่ต้องพูดแล้ว!”

ลู่เฟิงโบกมือเพื่อหยุดคำพูดของอีกฝ่าย”ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร แต่ข้าเชื่อว่า แม่ทัพ เหลียนป๋อ ที่เป็นทหารผ่านศึกของสองราชวงศ์และภักดีต่ออาณาจักรหนานหยาน จะไม่ทำให้ข้าลำบากใจอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”

“แต่ฝ่าบาทพระองค์ควรนำองค์รักษ์ติดตัวไปด้วยพะยะค่ะ! อย่างน้อยก็ให้ เฟิงเชี่ยน ติดตามพระองค์ไป!”เจี๋ยสวี่ได้ตอบกลับ

ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะ”เฟิงเชี่ยน ตอนนี้กำลังสร้างกองทหารม้าเหล็ก 300,000 นาย เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันครึ่งในการกลับมา บอกข้ามาต้องใช้เวลานานแค่ไหนจากเมืองหลวงไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ล?”

ซุนฮก ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและตอบกลับ”หากใช้ม้าเร็วเดินทางทั้งวันทั้งคืนอย่างน้อยก็ใช้เวลาหนึ่งวันอย่างต่ำพะยะค่ะ!”

“แล้วลุงของข้าจะไปถึงเมืองงูหยกเมื่อไหร่?”ลู่เฟิงกล่าวถามอีกครั้ง

“ราชาเมกาทรอนต้องส่งทหารไปที่เมืองงูหยกด้วย ดังนั้นจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน นี่เป็นเวลาอย่างเร็วที่สุด และ อย่างช้าที่สุดคือ 5 วัน”

“จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดเตรียมทัพจากเมืองเร้ดเมเปิ้ลไปถึงเมืองงูหยก?”

“หากเป็นทัพอย่างน้อย 300,000 นาย ขึ้นเรือและเดินทัพทางน้ำอย่างน้อยก็ใช้เวลาสองวัน บวนกับการที่พระองค์รีบไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ล แม้ว่าแม่ทัพเหลียนป๋อจะตกลงทันทีก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวัน!”ซุนฮก ตอบกลับ

“เป็นเช่นนี้แล้วพวกเจ้าคิดว่าข้าจะสามารถรอได้?”ลู่เฟิง ได้ตอบกลับ

เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก ทั้งสองคนได้เงียบ

หลังจากนั้นไม่นาน เจี๋ยสวี่ ก็คุกเข่าลง”ฝ่าบาท เรื่องสำคัญเช่นนี้ ข้าน้อยไม่มีทางปล่อยให้พระองค์ไปคนเดียว อย่างน้อยก็ให้ข้าน้อยติดตามพระองค์ไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ลด้วย! หากพระองค์ไม่ยินยอมข้าน้อยยินดีคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ลุกขึ้นไปไหน!”

ฟุ่บ

ซุนฮก ก็คุกเข่าลงและพูดขึ้น”ฝ่าบาท ข้าน้อยหวังว่าพระองค์จะพาท่านอัครมหาเสนาบดีเจี๋ยไปด้วย อย่างน้อยนี่ก็ทำให้พวกเราทั้งคู่สบายใจมากขึ้น!”

ลู่เฟิง มองไปที่ทั้งสองคนและถอนหายใจออกมา การที่เขาเลือกไปคนเดียวมันจะช่วยสะท้อนความจริงใจที่เขามีต่อเหลียนป๋อได้ แต่จากมุมมองของ เจี๋ยสวี่ และ ซุนฮก เขาที่เป็นถึงจักรพรรดิและกษัตริย์ของพวกเขา คงไม่ยินยอมให้เขาเดินทางไปคนเดียวแน่

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า”เอาล่ะ เหวินเหอ ไปเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะออกเดินทางไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ลในทันที!”

“ขอรับ!”

ลู่เฟิงไม่ต้องการที่จะรออีกต่อไป หลังจากพูดคุยกับฮวามู่หลานเสร็จแล้วเขาก็ส่งมอบงานของอาณาจักรให้ซุนฮก และ พา เจี๋ยสวี่ ไปยังเมืองเร้ดเมเปิ้ล

วันต่อมาพวกเขาก็มาถึงเมืองเร้ดเมเปิ้ล พวกเขาได้ประกาศสถานะของตัวเอง และ เข้าสู่เมืองเร้ดเมเปิ้ล

ผู้คนในเมืองเร้ดเมเปิ้ลทุกคนต่างก็เป็นทหารหรืออีกนัยหนึ่งคือที่นี่คือค่ายทหาร

“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่า แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ จะมีวิธีจัดการกฏระเบียบสำหรับกองทัพภายในเมืองเร้ดเมเปิ้ลได้เป็นอย่างดี หากข้าศึกบุกโจมตีพวกเขาก็จะสามารถเตรียมพร้อมประสิทธิภาพในการรบในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างแน่นอน หากว่ากันตามตรง แม้จะเป็นแม่ทัพเกาชุนก็ยังไม่ดีเท่าเขา!”เจี๋ยสวี่ได้ถอนหายใจออกมา

ลู่เฟิง ได้ยิ้มเล็กน้อย เหลียนป๋อ เป็นหนึ่งในสี่ขุนพลที่มีชื่อเสียงในยุคสงคราม ถ้าเขาไม่มีความสามารถเขาจะมีชื่อเสียงได้อย่างไร

“เหวินเหอ เจ้าคิดว่า แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ จะมาพบข้าเมื่อไหร่?”ลู่เฟิง กล่าวถาม

“มาพบฝ่าบาท?”เจี๋ยสวี่ ผงะเล็กน้อยและตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว”ฝ่าบาท ตอนนี้ข้ากังวลว่าเขาจะให้ท่านไปหาเขาที่คฤหาสน์ของเขาเสียมากกว่า!”

“ข้าไม่คิดงั้น!”

ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะ”แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อภักดีต่ออาณาจักรและองค์จักรพรรดิ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องเดินทางมาหาข้าเองอย่างแน่นอน!”

“แต่…”

“ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพเหลียนป๋อ ต้องการพบพระองค์!”

ก่อนที่ เจี๋ยสวี่ จะพูดจบ ก็มีทหารคนนึงเดินเข้ามารายงาน ไม่ไกลจากเขามีชายชราคนนึงโค้งคำนับรออยู่

เจี๋ยสวี่ ผงะเล็กน้อย และมองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความประหลาดใจ มันเป็นความจริงที่ว่า เหลียนป๋อ มาพบ ฝ่าบาทด้วยตัวเอง

ลู่เฟิง ได้ยิ้มและตอบกลับ”แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ เชิญ!”