หรงจิ่งเฉินรับเอาห่อสัมภาระมา เพ่งตัวสำนึกมองเข้าไปชั่วครู่และเกือบจะล้มลงไป
“ยาขั้นสูงมากมายเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็เอาใส่ไว้ด้วยกันในแจกันเดียวแบบส่งๆ ใครไม่รู้คิดว่าข้างในที่ใส่อยู่เป็นลูกอมถั่วซะอีก!”
เขาเอาแจกันในห่อสัมภาระออกมา แจกันหยกนั้นโปร่งแสงอยู่ครึ่งหนึ่ง จึงสามารถมองเห็นยาสีน้ำเงินเข้มที่บ่งบอกว่าเป็นยาขั้นหกกองหนึ่งอยู่ในนั้นได้อย่างคร่าวๆ
ฝาปิดครอบก็ไม่มี พอหยิบออกมาจู่ๆ กลิ่นของยาก็ลอยเข้าจมูก เขารีบสร้างม่านอาคมขึ้นมาทันที เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นยาที่จะลอยออกไป ไม่ให้ดึงดูดสิ่งก่อกวนให้เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
แต่แม้ว่าความเร็วของเขาจะเร็วเพียงใดก็ยังไม่ทันที่กลิ่นยาไม่น้อยนั้นลอยออกไปทางนอกหน้าต่าง คนที่เดินอยู่บนถนนหยุดฝีเท้าหันหน้ากลับมาด้วยความประหลาดใจ
“กลิ่นยาที่รุนแรงมาก!”
“กลิ่นสดชื่นถึงใจ ยานี้อย่างน้อยต้องขั้นห้าขึ้นไปน่ะสิ!”
เบื้องล่างเกิดเสียงถกเถียงจากผู้คนขึ้นมา พอผ่านไปชั่วครู่กลิ่นที่รุนแรงนั้นก็ค่อยๆ หายไป ทุกคนจึงเริ่มแยกย้ายกันไป
เย่จายซิงกล่าวว่า
“ระยะเวลาเพียงนิดเดียวข้าหาภาชนะบรรจุมากมายเช่นนั้นไม่ได้ จึงหยิบเอาแจกันมาใส่ตามสะดวก มันไม่เป็นอะไรสักหน่อย อย่างไรก็ตามไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของยาแน่นอน”
หรงจิ่งเฉินหุบยิ้ม ร้านยาของคนอื่นยาหนึ่งเม็ดต่อขวดยาหนึ่งขวดจึงจะดูมีมูลค่าอย่างเห็นได้ชัด แต่นี่อะไรกันหยิบเอาแจกันมาบรรจุรวมกัน แต่แบบนี้แล้วถึงจะเห็นได้ชัดว่าเขาและอาจารย์กลั่นยาของเขาที่อยู่ด้านหลังแตกต่างไปจากผู้อื่นไม่ใช่หรือ?
อาจารย์กลั่นยาที่สามารถกลั่นยาเลี้ยงจิต 100เม็ดออกมาได้ในระยะเวลาไม่กี่วัน ทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้นับว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เลย แต่หรงจิ่งเฉินไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอาจารย์กลั่นยาคนไหนที่จะมีความเร็วเช่นนี้ อีกทั้งยังกลั่นยาออกมาได้อย่างไม่มีตำหนิเช่นนี้เลยด้วย
“ข้าตรวจดูแล้ว ทั้งหมดไม่มีปัญหา นี่เป็นเงินงวดสุดท้ายที่เหลืออยู่ ข้าฝากไว้ในร้านแลกเงินผานหลง เอาบัตรผลึกนี้ไปก็สามารถไปรับเงินออกมาได้ตามสบายเลย”
เขาเอาบัตรผลึกสีดำอันหนึ่งวางไว้ด้านหน้าเย่จายซิง
บัตรผลึกบางมาก ได้ยินมาว่าทำมาจากแกนผลึกของอสูรปีศาจ ด้านบนสลักอักษรไว้ 4ตัวว่า “ร้านแลกเงินผานหลง” ด้านล่างสุดยังมีตัวอักษรเล็กๆ ในนั้นเขียนจำนวนเงินเป็นลายลักษณ์อักษรไว้อยู่ ยอดเงินจะเปลี่ยนแปลงตามการฝากถอนได้ทุกเมื่อ
นี่มันน่าใช้ยิ่งกว่าบัตรเครดิตเสียอีก และขอแบบนี้มีเพียงสหการค้าผานหลงเท่านั้นที่มี ผู้อื่นไม่สามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้
เย่จายซิงมองดูยอดเงินและเก็บบัตรผลึกขึ้นมาด้วยความพอใจ มีเงินจำนวนนี้ในที่สุดนางก็จะไม่มีหนี้สินอีกต่อไป ไม่เสียแรงที่นางกลั่นยาข้ามวันข้ามคืน
เท่ากับว่าตัวนางเองร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืนหรือเนี่ย?
“น้องเย่ ป้ายหยกชิ้นนี้มอบให้เจ้า เป็นเพราะเจ้าข้าจึงสามารถรวบรวมยาเลี้ยงจิตได้ไวเช่นนี้ เจ้าช่วยข้าได้มากเลยทีเดียว นับว่าข้าติดค้างน้ำใจเจ้าไว้ ต่อไปเจ้ามีปัญหาอะไรสามารถนำป้ายหยกชิ้นนี้มาที่สมาคมหยกหิมาลัยได้”
หรงจิ่งเฉินปลดป้ายหยกอันหนึ่งออกมาจากข้างเอว ซึ่งเป็นลายโบราณที่ลึกลับ และส่งมอบไปที่เบื้องหน้าเย่จายซิง
สมาคมหยกหิมาลัยนางจำได้ว่าเป็นที่ที่ขายพวกเครื่องรางของขลัง ทั้งหมดต่างเป็นของขลังชั้นหนึ่งทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวข้องกับเขา นางพยักหน้าและรับมา ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับ ในชีวิตคนเราก็อาจจะต้องเจอกับเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้ มีเพื่อนเพิ่มมาหนึ่งคนก็เท่ากับมีหนทางเพิ่มมาอีกหนึ่งหนทาง
อีกยอ่างหรงจิ่งเฉินเป็นเศรษฐีใหญ่ ไม่แน่ว่าภายภาคหน้าอาจจะยังต้องได้ทำการค้ากับเขาอีก
โชคดีที่มีเขา ตัวเองจึงสามารถหาเงินได้มากมายเช่นนี้ เพียงพอที่นางจะคืนเงินให้แกจวินหยวน อีกทั้งยังเพิ่มขั้นของโลกเสมือนได้หลายครั้งเลย
หรงจิ่งเฉินชอบนิสัยที่ง่ายๆ ของเขา ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า
“น้องเย่ ข้าต้องรีบส่งยาเลี้ยงจิตกลับไป พวกเราขอตัวก่อน หวังว่าวันหน้าจะได้พบกันในเร็ววันอีก! ถึงตอนนั้นข้าจะดื่มและคุยกับเจ้ายันฟ้าสางเลย”
“พี่หรงมีธุระก็ไปก่อนเถอะ วันหลังมีโอกาสไว้เจอกันใหม่ได้”
พอรอจนหรงจิ่งเฉินจากไป เย่จายซิงก็ออกจากโรงน้ำชาไปและเปลี่ยนเพื่อกำจัดการแปลงโฉมทิ้งไป แล้วสวมหมวกปิดบังไว้ไปยังร้านแลกเงินผานหลง
พอพูดถึงการแปลงโฉม หลังจากที่นางกลืนกินเพลิงพิลึกเข้าไป แล้วกลั่นยาแปลงโฉมที่สามารถเปลี่ยนเส้นเสียงออกมาได้ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดนางถึงสามารถเจรจากับหรงจิ่งเฉินได้นั่นเอง
ตอนไปร้านแลกเงินนางไม่ได้แปลงโฉม เนื่องจากได้ยินมาว่าร้านแลกเงินทำบัตรผลึกต้องจารึกร่องรอย ตัวสำนึกไว้บนนั้น ถึงแม้ว่านางจะแปลงโฉมแล้ว ร่องรอยจารึกตัวสำนึกก็เป็นของตนเอง จุดนี้จะไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ดังนั้นการแปลงโฉมอาจจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากโดยไม่จำเป็นได้
ร้านแลกเงินผานหลงเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นหงส์แดง มีทั้งร้านประมูล ร้านแลกเงิน แล้วก็ยังมีร้านจำหน่ายยา ของขลัง ยันต์ และของอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็จะขายให้กับคนชั้นสูงมีฐานะ
ร้านแลกเงินอยู่ถัดจากร้านประมูลไป หลังจากที่เย่จายซิงเข้าไปในนั้นแล้วก็หยิบบัตรผลึกดำที่หรงจิ่งเฉินให้ไว้ออกมาแล้วกล่าวว่า
“ข้าจะทำบัตรผลึกอันหนึ่ง เอาเงินที่อยู่ในนี้ย้ายมาไว้ที่บัตรผลึกชิ้นใหม่”
คนของร้านแลกเงินพอเห็นบัตรผลึกก็ปรากฏสีหน้าท่าทางที่ค่อนข้างแปลกใจ เนื่องจากมีเพียงเงินระดับพันล้านขึ้นไปที่จะใช้บัตรผลึกดำ พวกเขาสัมผัสได้ว่านางเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ไม่มีญาณทิพย์เคลื่อนไหวบนกายเลย
“เชิญท่านด้านนี้”
“ช้าก่อน! เย่จายซิง! เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่! บัตรผลึกดำชิ้นนี้เจ้าเก็บได้งั่นหรือ! คนอย่างเจ้าเช่นนี้เป็นไปได้ยังไงว่าจะมีบัตรผลึกดำ!”
น้ำเสียงที่เชื่องช้าอีกทั้งยังแหลมคมเล็กน้อยหันมาจากด้านข้างตู้มาทางด้านนี้
เย่จายซิงไม่ต้องหันไปดูก็รู้ดีว่าคนที่พูดอยู่นั้นเป็นใครกัน ยังไงนางก็เพิ่งจะได้ยินนางพูดพ่ำทำเพลงไปเมื่อวานเอง
“องค์หญิงหลิงหยุน ข้าว่าท่านอย่าทำให้ตัวเองขายหน้าจะดีกว่า เป็นถึงองค์หญิงอับอายขายขี้หน้าต่อที่สาธารณชนจะไม่งามเอาได้”
แม้แต่มองนางยังไม่มององค์หญิงหลิงหยุนแม้แต่นิดเลย จึงกล่าวด้วยอารมณ์เกียจคร้าน
นางก็ไม่ได้สนใจถึงตอนที่องค์หญิงหลิงหยุนตะโกนชื่อเย่จายซิง สามพยางค์นี้ออกไป ผู้ดูแลหลักของร้านแลกเงินสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วรีบเดินเข้ามา
“ผู้ดูแลโจว เจ้ามาพอดีเลย ข้าสงสัยว่าบัตรผลึกดำของนางใบนี้ขโมยมา เจ้ารีบไปตรวจสอบให้ดีๆ หน่อย!”
พอองค์หญิงหลิงหยุนเห็นผู้ดูแลโจวก็คิดว่าเขาจะเข้ามาเพราะสงสัยบัตรผลึกดำของเย่จายซิงว่าไม่ชอบมาพากล
คนไร้ความสามารถอย่างเย่จายซิงเช่นนี้จะไปมีเงินเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร! แม้แต่นางยังเทียบไม่ได้!
ใครจะไปคิดว่าผู้ดูแลโจวจะกล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า
“องค์หญิงได้โปรดระวังคำพูดด้วย ในตอนที่ยังไม่แน่ใจในความจริงนั้นอย่าปรักปรำผู้อื่นตามอำเภอใจ”
อืม?
เย่จายซิงเงยหน้าขึ้นมองมาทางผู้ดูแลโจว คิดไม่ถึงว่าผู้ดูแลที่หน้าตาท่าทางเคร่งขรึมจะค่อนข้างมีเหตุมีผล นางมีความรู้สึกที่ดีไม่น้อยเลยต่อร้านแลกเงินผานหลง
องค์หญิงหลิงหยุนมีท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ
นางเป็นผู้มีสิทธิ์ในบัตรผลึกแดงแห่งร้านแลกเงินผานหลง ในนั้นมีเงินสิบล้าน เมื่อก่อนนางมาที่ร้านแบกเงินการปรนนิบัติต่อนางดีที่สุด คิดไม่ถึงว่าเหตุใดผู้ดูแลโจวจึงตำหนินางแค่เพื่อเย่จายซิงเท่านั้น?
มีฐานะเป็นถึงผู้หญิงแห่งแคว้นหงส์แดง นางยังไม่เคยได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้ในแคว้นของตนมาก่อนเลย ไม่ว่านางจะไปไหนก็จะมีแต่ผู้คนห้อมล้อมเต็มไปหมด?
“คุณหนูเย่ ท่านเชิญด้านนี้ ข้าจะจัดการบัตรผลึกให้ท่านเองขอรับ?”
ผู้ดูแลโจวมองมายังเย่จายซิงด้วยรอยยิ้ม นำทางนางมายังห้องรับรอง
เย่จายซิงถอดหมวกออกอย่างง่ายดาย ยังไงก็ถูกทำให้เป็นที่รู้จักแล้ว นางเดินตามผู้ดูแลโจวเข้าไปในห้องรับรองด้วยท่าทางใจเย็น
องค์หญิงหลิงหยุนมองตามอยู่ด้านหลัง ตาที่แต่งมาอย่างประณีตเละเทะไปหมด โมโหมากจนกำมือแน่น
นางยังไม่เคยเข้าไปในห้องรับรองเลย เย่จายซิงทำบุญมาด้วยอะไรกันจึงได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้!
แต่นางยังหันหลังออกไปไม่ได้ ร้านแลกเงินผานหลงมีอยู่ทั่วดินแดน บัตรผลึกสามารถใช้ร่วมกันได้ทุกสาขา วันนี้ที่นางมาก็เพื่อฝากเงินเข้าไป หากสะดวกวันหลังเมื่อไปเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยถอนออกมา
นางไม่เคยอัดอั้นตันใจเช่นนี้มาก่อน ความเกลียดที่มีต่อเย่จายซิงเพิ่มทวีคูณมากขึ้นอีก มีแสงแห่งการอาฆาตปรากฏขึ้นในดวงตาแวบหนึ่ง