ตอนที่ 164 งานเลี้ยงรับรอง

ตอนที่ 164 งานเลี้ยงรับรอง

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “จริงเหรอเหล่าฉิน นายเจออะไรมา?”

ฉินจื้อเจียนำข้อมูลที่หาได้ออกมา แล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้มันก็ผ่านมานานแล้ว เบาะแสที่หาได้จึงไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ แต่จากข้อมูลที่หามาได้จนถึงตอนนี้พอจะสรุปได้ว่าแม่ของนายอาจจะหลงทางโดยความจงใจของใครบางคน นายลองอ่านข้อมูลนี้ดูสิ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ส่งข้อมูลมากมายไปให้

เซี่ยเจ๋อหลี่รับข้อมูลไป ก่อนจะอ่านดูทันที

เมื่อเห็นว่าหลังจากที่พี่เลี้ยงของแม่เสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนในครอบครัวของหล่อนกลับมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็ถึงกับกำกระดาษในมือแน่น

เมื่อฉินจื้อเจียเห็นสิ่งนี้ ก็แอบชำเลืองมองเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังอ่านข้อมูล จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พี่เลี้ยงคนนั้นที่เสียชีวิตไป อยู่ ๆ ครอบครัวของหล่อนก็มีรายได้เพิ่มขึ้นมา แล้วครอบครัวนั้นก็รีบย้ายออกจากเมืองหลวงทันทีภายในปีนั้น ฉันพยายามตามหาร่องรอยของพวกเขานานมาก ตอนนี้เจอว่าครอบครัวของพวกเขาอยู่ทางใต้ กำลังใช้ชีวิตเล็ก ๆ ของตัวเองอย่างมีความสุข”

“ครอบครัวนั้นอยู่ที่ไหนของทางใต้เหรอ?”

“อยู่เซินเจิ้น”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้จึงอ่านต่อไป เพียงแต่ว่าเนื้อหาในส่วนหลังไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรสักเท่าใด เพราะเป็นสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว “เหล่าฉิน ขอบใจนายมากเลย แต่ฉันต้องรบกวนไหว้วานให้นายช่วยสืบเรื่องนี้ต่ออีกหน่อยแล้วล่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าครอบครัวนั้นได้เงินมาจากที่ไหน?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินจื้อเจียก็รีบกล่าวขึ้นทันที “วางใจได้เลยอาหลี่ ฉันสืบต่อแน่นอน แต่ไม่คิดเลยนะว่าแม่ของนายจะเป็นลูกสาวของตระกูลเหยาที่หายไปตอนนั้น ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมนายถึงอยากให้ฉันตามสืบเรื่องตระกูลเหยา ต่อไปนายจะมาอยู่ปักกิ่งไหม?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายศีรษะ แล้วพูดขึ้น “ไม่อยู่ที่ปักกิ่งหรอก พรุ่งนี้ฉันกับภรรยาจะพาพ่อกับแม่กลับไปฐานทัพแล้วล่ะ”

“อะไรนะ…ภรรยา…”

ฉินจื้อเจียมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยสายตาเหลือเชื่อ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหดหู่ “อาหลี่ นายไม่เห็นบอกฉันเลยว่านายแต่งงาน นายไม่คิดจะเลี้ยงเหล้างานแต่งฉันเลยเหรอ? พามาเจอกันหน่อยสิ ถ้าเจอกันข้างนอกขึ้นมาคงไม่รู้จัก” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“เอาไว้ครั้งหน้านะ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกันแล้ว ไม่มีเวลาสังสรรค์เลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินจื้อเจียก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย แต่เขาก็ยังอยากเห็นว่าภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นผู้หญิงแบบไหน ถึงสามารถจับคนอย่างอาหลี่ได้อยู่หมัด “ถ้าอย่างนั้นนายห้ามลืมนะ ครั้งต่อไปต้องได้เจอภรรยานายนะ”

“อย่าห่วงเลย ถ้ามีโอกาสก็ได้เจอแน่”

เซี่ยเจ๋อหลี่พูดกับฉินจื้อเจียอีกไม่กี่คำก็รีบกลับทันที เพราะในตอนเที่ยงจะมีงานเลี้ยงรับรอง เขาจึงต้องรีบกลับโดยเร็ว

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา เขาก็เล่าเรื่องเบาะแสที่ฉินจื้อเจียไปตามสืบมาได้ให้ฉินมู่หลานฟังทันที

ฉินมู่หลานได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดไป “ดูเหมือนว่า ต้องมีอะไรผิดปกติในวันที่แม่หลงทางแน่เลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้า “ใช่แล้ว ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ตอนนี้เหล่าฉินกำลังตามสืบว่าใครเป็นคนจ่ายเงินให้ครอบครัวนั้นอยู่ จนถึงตอนนั้นก็คงได้รู้กันว่าใครเป็นคนวางแผนทำให้แม่พลัดหลง”

“ที่จริง…ฉันสงสัยว่าคนที่อยู่ในเรือนทางทิศเหนือเนี่ยแหละเป็นคนทำ”

ครอบครัวของเหยาจิ้งถงคือผู้อาศัยที่อยู่ทางฝั่งทิศเหนือ หลังจากที่เหยาจิ้งจือหายตัวไป คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือเหยาจิ้งถง ดังนั้นพวกหล่อนจึงเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คิดเหมือนกัน ต่อให้ตอนนั้นเหยาจิ้งถงจะยังเด็ก แต่ยินอวี่โหรวแม่ของเหยาจิ้งถงก็อยู่ที่นี่ด้วย “ใช่แล้ว พวกเขาน่าสงสัยมาก”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังคิดไปในทางเดียวกัน ฉินมู่หลานก็คิดว่าควรให้ความสำคัญกับการสืบเรื่องของคนข้างกายเหยาจิ้งถงด้วย

“อาหลี่ ให้ใครสักคนลองตรวจสอบยินอวี่โหรวหน่อยเถอะค่ะ ถ้าเป็นฝีมือของคนทางบ้านฝั่งเหนือจริง ก็มีแค่ยินอวี่โหรวเท่านั้นที่จะลงมือได้ในช่วงหลายปีก่อน”

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบยินอวี่โหรว ฉินมู่หลานก็รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับนาง แม้ใบหน้าของยินอวี่โหรวจะดูเป็นมิตรและยิ้มแย้มเบิกบาน แต่เธอกลับรู้สึกไม่ถูกจริต รู้สึกเพียงว่าแววตาของอีกฝ่ายดูค่อนข้างซับซ้อน ไม่อาจทำให้ผู้คนคาดเดาในสิ่งที่คิดได้

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ ผมเข้าใจแล้ว”

หลังจากทั้งสองพูดคุยกันสักพัก เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว จึงรีบสวมชุดใหม่ที่คุณนายเหยาได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ แล้วเดินตรงไปที่ลานหน้าบ้าน

เหยาจิ้งจือเห็นทั้งสองมา จึงรีบโบกมือให้พวกเขา แล้วพูดขึ้น “อาหลี่ มู่หลาน พวกเธอมานั่งก่อนเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นหรอก แค่นั่งรออาหารเสร็จก็พอ”

ลูกสะใภ้คนเล็กกำลังตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังเป็นครรภ์ฝาแฝด ท้องใหญ่ขนาดนั้น เธอกลัวว่ามู่หลานจะโดนชนเข้า

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ จึงพยักหน้าแล้วกล่าวทันที “ครับ ผมจะรีบพามู่หลานไปนั่ง”

ฉินมู่หลานเห็นคนมามากมาย จึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “พวกเราไม่ต้องช่วยต้อนรับแขกจริงเหรอคะ?”

“ไม่ต้องหรอก เธอดูสิคนเยอะขนาดนี้”

ฉินมู่หลานหันไปมอง ก่อนจะพบว่าคนเยอะมากจริง ๆ แม้แต่เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนสองสามีภรรยาก็ต่างไปช่วยด้วย ไม่ต้องพูดถึงคู่ของเซี่ยเจ๋อน่าที่อยากได้หน้าเลย

และตัวเอกของงานในวันนี้ก็คือเหยาจิ้งจือ หล่อนกับเซี่ยเหวินปิงอยู่ข้าง ๆ นายท่านเหยากับคุณนายเหยา สองผู้อาวุโสแนะนำคนให้พวกเขารู้จัก พวกเขาจึงยิ้มทักทายผู้คน

ส่วนคู่ของเหยาจิ้งถงกับจินหยวนซานก็ตามติดผู้อาวุโสทั้งสองด้วยเช่นกัน คอยช่วยต้อนรับแขก และเมื่อทั้งสองทำแบบนี้ก็ดูจะมีประโยชน์มากขึ้น เพราะแขกที่มาในวันนี้ต่างรู้จักพวกเขาทั้งนั้น แต่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงกลับต้องให้ผู้อาวุโสทั้งสองเอ่ยแนะนำ จึงจะเอ่ยทักทายผู้คนได้ พาให้รู้สึกไม่คุ้นชินจนเหมือนโดนมองข้าม

เพียงแต่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะพรุ่งนี้พวกเขาจะออกเดินทางแล้ว จึงไม่ต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนัก

ขณะที่หลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการทักทายแขก เหยาจิ้งจือก็ได้เห็นว่าคุณนายเซี่ยที่เคยเจอกันครั้งก่อนก็มาด้วย โนเวลพีดีเอฟ

คุณนายเซี่ยเห็นคุณนายเหยาแล้วก็ยกยิ้มทักทาย และเมื่อเห็นเหยาจิ้งจือ นางก็ยังคงยกยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มในแววตากลับจางหายลงไปเยอะมาก

แม้เหยาจิ้งจือจะเจอคุณนายเซี่ยเพียงครั้งเดียว แต่หล่อนก็รู้สึกได้ว่าหญิงชราคนนี้ไม่ชอบตน ซึ่งบังเอิญว่าหล่อนเองก็ไม่ได้ชอบหญิงชราคนนี้มากนักเช่นกัน หลังจากทักทายกันตามมารยาทแล้ว เหยาจิ้งจือก็ให้เซี่ยเหวินปิงเข้าไปส่งคนที่โต๊ะ

คุณนายเซี่ยมองเซี่ยเหวินปิงด้วยสายตาวิพากษ์วิจารณ์ แล้วไม่ได้เอ่ยพูดอะไรทั้งนั้น

เซี่ยเหวินปิงย่อมรู้สึกได้อยู่แล้ว แต่พวกเขากำลังจะออกเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ จึงไม่ได้ใส่ใจ แล้วพาคนผู้นั้นเดินไปที่โต๊ะนั่งทันที “แขกผู้มีเกียรติครับ รอสักครู่นะครับ เดี่ยวเปิดโต๊ะให้” เมื่อพูดจบก็หันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีก

เมื่อเห็นร่างของเซี่ยเหวินปิงเดินจากไป คุณนายเซี่ยก็รู้สึกฉุนเฉียวมาก

“พ่อหนุ่มบ้านนอกคนนี้ กล้าดียังไงเมินพวกเรา ไม่เอ่ยทักทายพวกเราเลย”

“พอเถอะแม่ พวกเราไปนั่งกันเถอะ ถ้ายังไม่นั่ง เดี๋ยวคนจะแห่มาเยอะกว่านี้” คู่รักวัยกลางคนที่วันก่อนเดินมาพร้อมกับคุณหญิงเซี่ยเอ่ย เมื่อทั้งสองเห็นคนเยอะมาก จึงรีบดึงคุณนายเซี่ยไปนั่งลงอย่างรวดเร็ว

แขกเดินเข้ามาทีละคน แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด เมื่อรออีกสักพักคุณนายเหยาก็เห็นว่าไม่มีใครมาแล้ว จึงเอ่ยขึ้น “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”

เซี่ยเหวินปิงกำลังจะหันหลังกลับ ก็พบว่ามีคนมาอีกแล้ว และเป็นคนที่เขารู้จักด้วย คือเจี่ยงสือเหิงพ่อบุญธรรมของฉินมู่หลาน

“ญาติภรรยา มาแล้วเหรอครับ”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มู่หลานฉลาดมาก คิดเหมือนผู้แปลเลยว่าต้องสืบนังเฒ่าสารพัดพิษนั่นก่อน

ในงานเลี้ยงนี่จะมีเหตุไม่คาดฝันอะไรหรือเปล่านะ สังหรณ์จริง

ไหหม่า(海馬)