บทที่ 165 เงินเดือนต่อปี

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 165 เงินเดือนต่อปี

กว่าไป๋เยี่ยจะออกมาก็เป็นเวลาห้าโมงแล้ว ทั้งสามคนใช้เวลาระหว่างนั้นไปกับการเสนอแนวคิดและความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับแผนการในอนาคตข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม แผนโครงการพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอชก็ยังคงเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น

เนื่องจากยังมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับแผนดังกล่าว จึงสรุปผลไม่ได้ภายในวันเดียว

แผนโครงการพิเศษก็เหมือนกับแผนป้องกันโรคมาลาเรีย ‘เอ็นซีเคเคบี’ ขององค์กรอนามัยโลก

เป็นโครงการระยะยาวที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะ ซึ่งเรียกว่าแผนโครงการพิเศษนั่นเอง

แผนโครงการพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอชเป็นโครงการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนางานด้านสัตววิทยาโดยอิงตามเกณฑ์บีพีเอฟเอช

แม้ว่าจะจางฮั่นหลินและถังฮั่นจะยังไม่ได้เซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องต้องกันดี

อย่างไรก็ตาม การจะจัดตั้งแผนโครงการพิเศษขึ้นก็ไม่เรื่องง่ายเลย โดยขั้นแรกจำเป็นต้องจัดตั้งสถาบันวิจัยสัตว์ทดลองขึ้นและเกณฑ์บุคลากรผู้มีศักยภาพจำนวนมากเข้ามาก่อน โดยต้องเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพรอบด้าน มิเช่นนั้นอาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย

ขั้นตอนทั้งหมดนี้อาศัยเงินทุนจำนวนมาก และเนื่องด้วยการทำโครงการเช่นนี้เป็นการลงทุนระยะยาวจึงต้องมีเงินทุนไหลเวียนเข้ามาตลอด

เช่นเดียวกันกับแผนป้องกันโรคมาลาเรียขององค์การอนามัยโลก เงินลงทุนที่ทางองค์กรต้องใช้ในแต่ละปีนั้นคงมีจำนวนเหนือจินตนาการ

มันเป็นไปไม่ได้ที่ถังฮั่นจะลงเงินมากมายกับเรื่องบางอย่างโดยไม่มีเหตุผล หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เพราะเขาสนใจอนาคตของไป๋เยี่ย จึงตัดสินใจลงทุนมากขนาดนี้

และเป็นเพราะไป๋เยี่ยได้รับความไว้วางใจจากจางฮั่นหลินด้วย

ด้วยเหตุนี้ ไป๋เยี่ยจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญและเป็นกุญแจสำคัญของแผนโครงการพิเศษนี้

ไป๋เยี่ยกลับไปกินมื้อเย็นกับพ่างจื่อและคนอื่นๆ

ประมาณหนึ่งทุ่ม ทุกคนก็พากันมาที่ศูนย์จัดนิทรรศการของมหาวิทยาลัย เดิมทีไป๋เยี่ยคิดว่าคงมีคนมาไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พอมาถึงเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามีคนมากมายนั่งอยู่เต็มห้อง

ข่าวดังเลยแฮะ

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักศึกษาจากสถาบันอื่นๆ เข้ามาร่วมฟังการบรรยายด้วย แต่ก็เป็นอันเข้าใจได้ว่าเพราะประธานบริษัทขนาดยักษ์ใหญ่เป็นผู้มาบรรยายเรื่องแนวโน้มการจ้างงานในอนาคตด้วยตนเอง จึงมีผู้สนใจมากมาย

เมื่อทุกคนเข้าสู่วัยจบการศึกษาก็ต้องกังวลเรื่องนี้กันอยู่แล้ว เพราะต่างคนก็อยากมีงานทำไวๆ

โชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมที่นั่งไว้ให้แล้ว ไม่อย่างนั้นไป๋เยี่ยคงจะไม่มีที่นั่งแน่ๆ

ถังฮั่นมาถึงศูนย์นิทรรศการในเวลาหนึ่งทุ่มตรงและเริ่มการบรรยายทันที

ถังฮั่นยังคงสวมชุดสูทสีน้ำเงินเหมือนเมื่อตอนกลางวัน แม้จะเป็นการแต่งตัวที่ดูเรียบง่าย แต่นั่นก็ทำให้เขาดูมีสไตล์มากทีเดียว

ฝูงชนเริ่มปรบมือต้อนรับถังฮั่นอย่างอบอุ่น ถังฮั่นคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทุกคนดูกระตือรือร้นมากเลยนะครับ ถ้าวันนี้ผมพูดไม่หมดคงจะต้องเดินออกไปแบบเขินๆ แน่”

ทุกคนชื่นชอบในอารมณ์ขันของถังฮั่น

ความสำเร็จของถังฮั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เนื้อหาของสุนทรพจน์ในวันนี้อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ เขาพูดถึงแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการจ้างงานที่นำไปปฏิบัติได้จริง การเลือกงานและแนวทางการเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงทักษะเชิงปฏิบัติบางอย่างที่ต้องให้ความสนใจ

การบรรยายดำเนินมาจนถึงเวลาสองทุ่ม “ก่อนที่จะมาที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี ผมไม่คิดเลยว่าการเดินทางมาจิ้นซีครั้งนี้จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก”

“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีเป็นมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพสูง ทางบริษัทน่าย่าของเราจะมีการร่วมมือและพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเชิงลึกกับทางมหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”

“บริษัทน่าย่าของเรามีบริษัทย่อยในเครือถึงหกแห่ง ฐานทดลองยาสามแห่ง และบริษัทพัฒนายาใหม่สามแห่ง…”

ถังฮั่นได้ยินเสียงผู้คนด้านล่างโห่ร้องก็พูดติดตลกเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกว่าผมรวยนะ ที่ผมหมายถึงคือพวกเรามีโอกาสได้ร่วมมือกันเยอะมาก ต่อไปบริษัทของผมจะร่วมมือกับผอ.จางเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและเสริมสร้างแนวทางการร่วมมือกัน”

จางฮั่นหลินพูดต่อ “ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณบริษัทน่าย่าและคุณถังสำหรับความมีน้ำใจในการจัดตั้งทุนสนับสนุนน่าย่าและทุนการศึกษาน่าย่าให้กับมหาวิทยาลัยของเรา ต่อไป ผมมีข่าวดีมาแจ้งให้ทุกคนทราบครับ”

“บริษัทน่าย่าจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยของเราในการลงนามในสัญญาการจ้างงานที่เกี่ยวข้อง ทุกคนปรบมือให้คุณถังหน่อยครับ”

ถังฮั่นยืนขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ทุกคน “วันนี้เป็นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างน่าย่าและมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีเพื่อบ่มเพาะบุคลากรและลงนามในสัญญาการจ้างงานครับ”

ทันทีที่ถังฮั่นพูดจบ ฝูงชนก็โห่ร้องด้วยความยินดีกัน

“สัปดาห์หน้าบริษัทน่าย่าของเราจะมหกรรมจัดหางานในวิทยาเขตนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะมองเห็นศักยภาพของตนเองและให้โอกาสทางน่าย่าด้วย”

ทุกคนยิ้มกว้าง นี่ถือเป็นข่าวดีจริงๆ!

จะมีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีก

เมื่อบรรดานักศึกษาใกล้จบจากมหาวิทยาลัยได้ยินเข้าก็อิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที!

“ก่อนหน้านี้ผมได้ยื่นข้อเสนอในนามของบริษัทน่าย่าไปหลายครั้ง หลังจากที่ทางเราและทางมหาวิทยาลัยตกลงรับข้อเสนอนี้แล้ว ทางเราก็ขอให้บริษัทในเครือยื่นข้อเสนอเหล่านั้นให้กับนักศึกษาที่มีควมสามารถโดดเด่น”

ทุกคนตกตะลึง ข้อเสนองั้นเหรอ

จะมีอะไรเป็นที่ต้องการของนักศึกษาที่ใกล้จบมากกว่าข้อเสนอล่ะ

ทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความสงสัย

เจ้าหน้าที่จึงเริ่มอ่านรายชื่อทีละคน

“หลิวเหอ นักศึกษาสาขาการแพทย์แผนจีน ปีการศึกษา 2017 ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทเภสัชกรรมคังหลันในเครือน่าย่า…ได้รับเงินเดือนต่อปีเริ่มต้นที่สองแสนหยวน”

เมื่อเจ้าหน้าที่อ่านข้อเสนอแรกจบ บรรยากาศในศูนย์นิทรรศการก็ฮือฮาขึ้นทันที

“หา! เด็กเพิ่งจบได้เงินเดือนต่อปีสองแสนหยวนเนี่ยนะ”

“อิจฉาโว้ย!”

“ซุนผิง นักศึกษาเภสัชศาสตร์ ปีการศึกษา ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทเภสัชกรรมฮุ่ยคังในเครือน่าย่า…ได้รับเงินเดือนต่อปีเริ่มต้นที่สามแสนหยวน”

แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความปรารถนาเมื่อได้ฟังข้อเสนอที่ถูกประกาศออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้แต่นักศึกษาที่ได้รับข้อเสนอก็ยังประหลาดใจ แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะแจ้งให้พวกเขาทราบแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงคิดว่านี่คือความฝันอยู่ดี

มีการประกาศข้อเสนอออกมาสิบรายการ ซึ่งเป็นข้อเสนอสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มีผลงานและโครงการวิจัยที่โดดเด่น

นักศึกษาสิบคนพร้อมใจกันก้าวไปด้านหน้าเพื่อรับกุญแจแห่งการใช้ชีวิต

ถังฮั่นเอ่ยขึ้น “และยังมีข้อเสนออื่นๆ ที่ผมได้เตรียมไว้ให้นักศึกษาคนหนึ่งเป็นการส่วนตัวอีก”

ทุกคนอึ้ง ใครมันอยากให้ประธานน่าย่าไปยื่นข้อเสนอด้วยตัวเองกันนะ

พ่างจื่อหันมาพูดกับไป๋เยี่ยด้วยท่าทีตื่นตระหนก “เฮ้ย หรือว่าแสงของฉันจะเฉิดฉายไปถึงเมืองหลวงแล้ววะ”

ไป๋เยี่ยพึมพำ “ไม่ใช่แค่แสงของนายหรอก ฉันว่าความมั่นใจของนายก็น่าจะแผ่ไปถึงดาวอังคารแล้วเหมือนกัน”

ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ เขาคิดว่าเขาไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก มันเหมือนกับว่าเขากำลังถูกล่อเข้ามาในกับดักอย่างไรก็ไม่รู้

ถังฮั่นยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ต่อไปผมจะขอประกาศข้อเสนอดังกล่าวนะครับ! ผมหวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธน้ำใจของเรานะ”

พูดจบ ถังฮั่นก็เปิดซองจดหมาย “บริษัทน่าย่าขอเชิญคุณไป๋เยี่ยมาเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคของบริษัทเรา โดยมีเงินเดือนต่อปีหนึ่งล้านหยวน!”