บทที่167บีบคอ
หลิงเล่จ้องมองไปที่มู่เทียนซิง เห็นเธอใบหน้าซีดเซียวไม่มีเลือดเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ปากที่ถูกเขาระดมจูบก็ยังขาวซีด พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเตียงเมื่อกี้ การที่เขาไม่อาจอดกลั้นจนเผลอทำเรื่องที่โหดร้ายแบบนั้น……
เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเป็นอย่างมาก จึงได้ถามไปด้วยความเป็นห่วงว่า “เด็กดี ตรงนั้นของเธอมันเจ็บรึเปล่า? ให้อาซือทายาให้หน่อยไหม?”
พอคำพูดนี้ถูกพูดออกมา หนีซีโย่วกับหนีหย่าจูนต่างก็อึ้งไปเลย!
แล้วก็ได้เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้าง!
เมื่อมู่เทียนซิงไม่มีกระเป๋าแล้ว เธอจึงตัดสินใจใช้กำปั้นน้อยๆ ของเธอเป็นอาวุธ พุ่งเข้าไปหวังที่จะทำร้ายเขา!
ตอนแรกจั๋วหรันกับฉวีซือเหวินตั้งใจที่จะเข้ามาขวางเธอเอาไว้ แต่หลิงเล่ก็ได้ส่งสายตาห้ามพวกเขาเอาไว้!
คนทั้งหมดจึงได้หยุดลง ไม่มีใครขยับเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่มู่เทียนซิงคนเดียวเท่านั้นที่ทั้งทุบตี ทั้งด่าทอราวกับคนบ้า “ไอ้ชาติชั่ว! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก! ปล่อยฉันไปนะ! ปล่อยฉันไป! ปล่อยฉันไป! ปล่อยฉันไป! ปล่อยฉันไป! ปล่อยฉันไป!”
เรื่องที่สำคัญคนเขาจะพูดแค่สามรอบ แต่นี่เธอพูดไปไม่รู้กี่รอบแล้ว แสดงว่าต้องเกลียดเขามากแน่ๆ!
“เด็กดี เบาแรงหน่อยก็ได้นะ เดี๋ยวเธอจะเจ็บมือเอาได้นะ!”
ทุกคนต่างยิ้มออกมา!
แต่มู่เทียนซิงก็ยังไม่ใจเย็นลง “ตอแหล! นี่แกยังคิดจะมาตอแหลใส่ฉันอีกเหรอ! แกมันก็แค่ไอ้ชาติชั่ว! แงงงงง~! แกนั่งทำไมวีลแชร์อันนี้? นั่งไปทำไม ยังโกหกฉันไม่พออีกเหรอ! ฉันอุตส่าห์ทุ่มเททั้งกายใจให้กับแก แต่แกกลับมาหลอกฉันซะได้! แงงงง~ความจริงแล้วแกไม่ได้รักฉันเลยสักนิด ไม่เลยไม่เลยไม่เลยสักนิด! แกมันก็ไม่ต่างกับเมิ่งเสี่ยวหวี ฉันไม่รู้จักพวกแกเลยสักนิด! แงงง~หลิงเล่ แกมันก็แค่เมิ่งเสี่ยวหวีคนที่สอง! แกทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง หลอกลวงฉัน! ฉันเกลียดแก! ฉันเกลียดแก! แงงงง~”
หลิวเล่ที่มองดูเธอร้องไห้ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย และได้พูดกับเธอไปว่า “เด็กดี ตีเลย ขอแค่มันสามารถทำให้เธอใจเย็นลงได้ เธออยากจะทุบตียังไงฉันก็จะรับมันไว้เอง! แต่หัวใจที่ฉันให้เธอนั้นมันคือความจริง เธอจะมาสงสัยในความรักของฉันที่มีต่อเธอแบบนี้ไม่ได้!”
“เลิกตอแหลสักที!”
มู่เทียนซิงที่โกรธจนถึงสุดขีดได้ถีบไปที่วีลแชร์อย่างแรง!
หลิงเล่ถูกแรงถีบนั้นถีบจนรถเลื่อนไปข้างหลัง!
ทุกคนที่เห็นต่างพากันตกใจ แต่เขากลับไม่ใส่ใจมันเลย นิ้วมือเลื่อนไปตามแผงควบคุม แล้ววีลแชร์ก็หยุดอยู่กับที่!
มู่เทียนซิงจ้องมองไปทางหลิงเล่ที่อยู่ไม่ไกล แล้วตะโกนด่าสุดเสียงไปว่า “แกคิดว่าที่ฉันด่าที่ฉันลงมือกับแกแล้วเรื่องมันก็จะจบอย่างนั้นเหรอ? แกคิดว่าสิ่งที่แกเพิ่งทำไปมันเป็นแค่การพรากพรหมจรรย์ของฉันไปเหรอ? หลิงเล่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ! สิ่งที่แกพรากไปนั้นคือความรักของฉัน! ความฝัน! โลกทั้งใบพังทลายลงด้วยน้ำมือของแก! ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าแกอีก! เพราะฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อในโลกที่มีแกอยู่ด้วย! ฉันเกลียดแก! ฉันเกลียดแก! เกลียดๆๆๆๆ!”
ทันทีที่เธอหยุดพูด หลิวเล่ก็อ้าปากค้างพร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีด
เขายกมือขึ้นมากุมเข้าไปที่หน้าอกของตัวเอง มือคือความเจ็บปวดที่ไม่เคยมีมาก่อนราวกับว่าตัวเองกำลังจะถูกความเจ็บปวดนี้กลืนกินเข้าไป!
ด้วยคำด่าทอทั้งหมดที่ออกมาจากปากเธอนั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้หนีหย่าจูนกับหนีซีโย่วเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วหลิงเล่ไม่เพียงแค่บังคับให้มู่เทียนซิงต้องเสียครั้งแรกให้เขาไป เขายังปิดบังเรื่องขาทั้งสองข้างของเขาที่สามารถขยับได้อีกด้วย!
ฉวีซือเหวินรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณหนูมู่คะ เรื่องขาของซือซ่าวนั้น………”
“พอได้แล้ว!” มู่เทียนซิงเอามือกุมหัว โดยที่ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกจะเป็นตายร้ายดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอีกต่อไปแล้ว! ถ้าแกเป็นขอทาน ฉันก็จะปิดประตูแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น! ถ้าแกเป็นกษัตริย์ ฉันก็จะย้ายไปอยู่อีกฟาดหนึ่งของโลก! สรุปก็คือ ที่ๆ มีแกอยู่ จะไม่มีฉันอยู่อีกต่อไป! ถ้าจะให้ฉันกลับมาอยู่เคียงข้างแกอีกครั้งละก็มีอยู่ทางเดียว ก็คือ ฉันตาย!”
ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัด
หนีหย่าจูนรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน “พี่ครับ ผมว่าเรื่องนี้พี่เป็นฝ่ายที่ทำไม่ถูกนะครับ ยังไงสักวันพี่กับพี่สะใภ้ก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี แล้วพี่จะรีบไปบังคับเธอทำไมล่ะครับ? เธอไม่ได้ยินยอมเลยสักนิด”
“หุบปาก!”
หลิงเล่มองมาด้วยสายตาที่อาฆาต!
ในตอนนี้ นอกจากตัวเองแล้วคนที่เกลียดที่สุดก็คือหนีหย่าจูน!
ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆ เขาก็โทรมาพูดเรื่องกล้องวงจรปิดให้เธอรู้ละก็ เขาก็ไม่มีทางทำให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องเสียใจมากขนาดนี้หรอก!
หนีหย่าจูนที่ไม่รู้สาเหตุ กำลังเม้มปาก แล้วกอดกระเป๋าของมู่เทียนซิงเอาไว้แน่นๆ เพื่อกันไม่ให้เธอหนีไป
คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ส่วนหลิงเล่ก็จ้องไปที่มู่เทียนซิง แล้วพูดทุกคำออกมาอย่างหนักแน่นว่า “ต่อให้เธอจะรักหรือจะเกลียดฉันก็ตาม แต่ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอเป็นอันขาด! ฉันเคยบอกไปแล้ว ว่าเพื่อเธอแล้วฉันยอมแลกได้แม้ชีวิต! เพราะฉะนั้น เด็กดี ฉันขอโทษนะ”
หลินเล่ยกมือขึ้นมา แล้วดีดนิ้วให้กับจั๋วหรันและภรรยา
แล้วสองสามีภรรยานั้นก็หิ้วปีกของมู่เทียนซิงคนข้างขึ้นมาทันที! มู่เทียนซิงที่ตั้งตัวไม่ทันก็ได้หันไปจ้องหน้าฉวีซือเหวินแล้วพูดว่า “ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ปล่อยให้ฉันออกไปจากสถานที่ที่เน่าเฟะแห่งนี้ซะ!”
“คุณหนูมู่ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ฉวีซือเหวินรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้ แต่จะปล่อยให้เธอไปจากที่นี่ไม่ได้ ถ้าเธอไปแล้วซือซ่าวจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
จั๋วหรันก็พูดขึ้นมาเหมือนกัน “คุณหนูมู่ครับ พอคุณกลับเข้าห้องไปก็อาบน้ำให้เรียบร้อย เดี๋ยวให้อาซือไปดูแผลให้นะครับ ถ้าคุณอยากได้อะไรก็บอกมาได้เลยแต่คุณห้ามออกจากห้องนะครับ”
มู่เทียนซิงดิ้นรนสุดแรงเกิดพร้อมกับร้องไห้โวยวายไปด้วย “หลิงเล่ไอ้คนสาระเลว! แกมันไม่ใช่คน! แกมันปีศาจ! แกมันวายร้าย! ฉันเกลียดแก!”
หลิงเล่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าเรียบเฉย สายตาที่อ้างว้างกำลังจ้องมองไปยังสร้อยที่อยู่ในมือ โดยที่ไม่สนใจใครทั้งสิ้น!
เธอคงจะโยนมันลงพื้นตอนที่ใส่เสื้อผ้าและรีบออกจากห้องนั่งเล่นมา!
“หลิงเล่ แกบอกว่าเมิ่งเสี่ยวหลงเป็นชายชั่ว! แล้วแกคิดว่าตัวเองต่างอะไรกับเขาล่ะ! ฉันจะบอกให้นะ! แกมันนักโทษข่มขืน! แกมันไอ้ชาติชั่ว! แงแง~แงแง~ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะกระโดดลงจากชั้นบนลงมา ฉันยอมตายยังจะดีซะกว่าถ้าต้องอยู่ร่วมกับคนอย่างแก! แงงงงง~”
หนีหย่าจูนทนดูกับการที่ผู้ใหญ่ตั้งหลายคนรังแกเด็กสาวตัวน้อยๆแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ถ้าเกิดเจี่ยงซินมาเห็นว่าลูกสาวของตัวเองกำลังตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เธอจะไม่เจ็บปวดแย่เหรอ?
“นี่พี่ครับ!”
หลิงเล่ไม่ได้สนใจเขา
เขาบังคับวีลแชร์ให้หันหลังไป แล้วตรงไปทางลิฟต์ ระหว่างที่ไปเขาก็ได้พูดขึ้นว่า “ผมขึ้นข้างบนก่อนนะ เชิญพวกคุณตามสบายเลย ตรงไหนที่ดูแลไม่ดีก็ต้องขออภัยด้วย!”
เขาไปถึงที่หน้าลิฟต์เพียงลำพัง ทันทีที่กดปุ่ม
ก็ได้มีเสียงที่แสนอบอุ่นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เสี่ยวเล่! ฉันอยากจะคุยกับแกเกี่ยวกับเรื่องของคุณหนูมู่หน่อย”
หนีซีโย่วยิ่งดูยิ่งรู้สึกปวดใจ
ความจริงเรื่องของความรักมันไม่ควรจะมีเรื่องมากมายขนาดนี้ เป็นเธอเองที่ไม่ได้สอนเขาให้ดีๆ จนต้องมาทำให้ลูกสาวของคนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วย
หลิงเล่ตอบกลับมาโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับด้วยซ้ำ “เรื่องส่วนตัวของผม แม่ไม่ต้องมาห่วงหรอกครับ”
เขาจับวีลแชร์อีกครั้ง เพื่อเตรียมที่จะเข้าลิฟต์ไป แต่หนีซีโย่วก็ได้พูดขึ้นว่า “การที่แกทำแบบนี้ มันเป็นการผลักไสให้เธอให้ไกลออกไปเรื่อยๆ นะ สิ่งที่แกต้องการมากที่สุดมันคือการที่เธอยอมอยู่ที่นี่ด้วยความสมัครใจไม่ใช่เหรอ? แต่สิ่งที่แกกำลังทำในตอนนี้ มันถือเป็นการเข็นฆ่าความรักของพวกแกทั้งคู่อยู่นะ”
แล้วมือของหลิงเล่ก็ได้สั่นรัวขึ้นมา
เข็นฆ่า……ความรักของเขากับมู่เทียนซิงอย่างนั้นเหรอ?
ในมือของเขายังกำสร้อยของมู่เทียนซิงอยู่เลย สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ ตอนที่เขาออกจากห้องน้ำมา แล้วเห็นห้องที่ว่างเปล่าทันทีที่เห็นสร้อยคอที่ตกอยู่ตรงพื้น หัวใจของเขาก็ได้แหลกสลายไปแล้ว!