“เฮ้อ…ในที่สุดก็ถึงสักที…”
ในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง ทางด้านนากาที่นั่งรถกระบะผ่านเทือกเขาและแมกไม้มาตั้งแต่เช้าก็ได้ถอนหายใจพูดบ่นออกมาเบาๆ หลังจากที่เขาต้องทนนั่งรถกระบะข้ามวันอีกครั้งหนึ่งจนได้มาพบเข้ากับกำแพงเมืองรีมินัสที่คุ้นเคยในที่สุด
ซึ่งเสียงพูดบ่นของนากานั้นก็ได้ทำให้โมโกะที่ยังคงมีท่าทีอ่อนแรงอยู่อดไม่ได้ที่จะต้องพูดบ่นออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
“ถ้าต้องมานั่งรถนานๆ ติดๆ กันแบบนี้บ่อยๆ มันก็คงจะไม่ไหวจริงๆ นั่นแหล่ะ… น่าเบื่อจะตายชัก…”
“ฮะฮะ นั่นสินะคะ…”
“~~~♪”
ในขณะที่ทางด้านสองสหายจากหมู่บ้านโมริโกะที่ไม่ค่อยจะชอบอยู่เฉยๆ พากันพูดบ่นออกมานั้น ทางด้านรีซาน่าที่มักจะชวนอีฟเล่นนู่นเล่นนี่หรือชี้นกชี้ไม้ให้เด็กสาวได้มีอะไรให้ทำในระหว่างการเดินทางก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ โดยมีอีฟที่ทำท่าทางอารมณ์ดีคอยพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ที่ข้างๆ กัน
ส่วนทางด้านมีอาที่นั่งอ่านหนังสืออะไรบางอย่างของเธออยู่ด้านท้ายรถกระบะเช่นเดียวกับช่วงขาไปนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดถามความเห็นของทุกคนขึ้นมาเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าโมโกะยังคงมีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้างทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปจนแทบจะพ้นวันอยู่แล้ว
“ถ้ายังไงเดี๋ยวก่อนจะกลับไปรายงานตัวที่โรงเรียนพวกเราพาโมโกะจังไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลกันก่อนดีมั้ยจ๊ะ?”
“อ…เอ๋… แต่ฉันยังไหว…”
“แต่ฉันว่าเธอลองไปตรวจดูสักหน่อยก็ดีนะ ถ้าเธอไม่อยากไปที่โรงพยาบาลงั้นก็ไปให้คาร์เทียร์ตรวจดูให้แทนก็แล้วกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปตรวจนะเข้าใจมั้ย”
ท่าทางเหมือนจะไม่ยินยอมของโมโกะได้ทำให้นากาต้องช่วยพูดเกลี้ยกล่อมเด็กสาวหูแมวขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง และนั่นก็ทำให้โมโกะต้องทำหน้ามุ่ยก่อนที่เธอจะยอมพูดตอบตกลงกลับมา
“ก็ได้… แต่เวลาป่านนี้แล้วคาร์เทียร์เขาจะยังอยู่ที่ห้องพยาบาลหรือเปล่าเถอะ…”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันพาโมโกะจังไปที่ห้องพยาบาลให้เองก็แล้วกันค่ะ แล้วระหว่างนั้นนากาคุงจะได้ขึ้นไปรายตัวกับคุณไดเอน่าเขาเลยจะได้ไม่เสียเวลาเป็นยังไงคะ”
บรื่นนนน—
ในขณะที่รีซาน่ากำลังเอ่ยปากพูดอาสาตัวขึ้นมาอยู่นั้นเอง รถกระบะของพวกเขาที่ขับเข้ามาถึงด้านในเขตโรงเรียนรีมินัสแล้วก็ได้จอดลงที่ด้านข้างสนามหญ้าก่อนที่เดรคที่เป็นคนขับรถจะชะโงกหน้าออกมาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตามแบบฉบับของเขา
“ถึงแล้ว…”
“โอ้… ถ้างั้นพวกเราก็รีบขนของลงกันเถอะ”
นากาพูดตอบเดรคกลับไปสั้นๆ แล้วจึงหันกลับมาพูดบอกกับทุกคนจนทำให้คนอื่นๆ ต้องรีบพากันขนข้าวของลงจากหลังรถกระบะโดยมีอีฟที่กระโดดลงมาจากหลังรถเป็นคนแรกยืนขยี้ตาหันมาทางทุกคนอยู่ด้วยท่าทีงัวเงียจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นต้องหันไปพูดบอกกับรีซาน่าขึ้นมา
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันฝากเธอพาอีฟไปพักที่ห้องพยาบาลด้วยอีกคนนึงสิรีซาน่า เดี๋ยวฉันไปรายงานตัวกับไดเอน่าคนเดียวก็ได้”
“ได้อยู่แล้วสิคะ… ว่าแต่แล้วคุณ… เอ่อ… คุณ ‘เดรค’ จะตามไปด้วยมั้ยคะ?”
รีซาน่าที่ได้ยินคำขอของนากานั้นได้พยักหน้าพูดตอบเขากลับไปแต่โดยดีก่อนที่เธอจะหันไปพูดถามหญิงสาวผู้ที่มีเส้นผมและเขามังกรสีขาวที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างในห้องโดยสารขึ้นมา
“………”
ซึ่งถึงแม้ว่าหญิงสาวไร้ชื่อที่เคยมีตำแหน่งเป็นเดรคของหมู่บ้านของรีซาน่าจะไม่ได้พูดตอบอะไรเด็กสาวร่างใหญ่กลับไป แต่ก็ดูเหมือนว่าชื่อที่รีซาน่าพูดขึ้นมานั้นจะทำให้หญิงสาวยอมเปิดประตูรถเดินลงมาแต่โดยดีก่อนที่พวกสาวๆ จะพากันเดินไปทางห้องพยาบาลกันโดยเหลือเพียงแค่นากาและมีอาที่มองไล่หลังหญิงสาวไร้นามไปด้วยความเป็นห่วง
“แล้วเราจะเอายังไงกับเธอคนนั้นกันดีล่ะ?”
“ก็เดี๋ยวคงจะต้องพาเขากับเดรคไปคุยกับคุณเอริกะให้ตกลงหาทางออกกันเองนั่นแหล่ะจ้ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ เพราะว่าคุณเอริกะเขาค่อนข้างจะเชี่ยวชาญเรื่องเด็กมีปัญหาแบบนี้มากเลยน่ะจ้ะ”
“ฮึ่ม…”
มีอาที่ได้ยินคำถามของนากานั้นได้ยิ้มพูดตอบเขากลับไปในขณะที่ทางด้านเดรคนั้นก็ได้พ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะขับรถตรงเข้าไปในส่วนลึกของทางโรงเรียนอันเป็นส่วนของหอพักเพื่อนำรถกลับไปคืน
ส่วนทางด้านนากาที่ถูกทิ้งเอาไว้กับมีอาสองคนนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะเอ่ยปากบอกลาหญิงสาวขึ้นมาเพื่อออกเดินไปรายงานตัวกับไดเอน่าผู้เป็นประธานนักเรียนและหัวหน้ากลุ่มดอว์น
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปรายงานตัวกับไดเอน่าเขาก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ”
“จ้ะ ถ้างั้นก็โชคดีนะจ๊ะนากาคุง”
มีอายิ้มพูดตอบนากากลับไปด้วยท่าทีใจดีก่อนที่เธอจะเดินตามหลังกลุ่มสาวๆ ไปทางห้องพยาบาลด้วยอีกคนหนึ่งจนทำให้นากาได้แต่ยกมือขึ้นมาเกาหัวก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบนๆ ของอาคารเรียนอันเป็นที่ตั้งของห้องทำงานของประธานนักเรียนที่มีไฟติดอยู่บ่งบอกว่าไดเอน่าน่าจะยังอยู่ในห้องทำงานนั่นเอง
“ไฟติดอยู่แบบนั้นไดเอน่าก็น่าจะยังอยู่ล่ะมั้ง… ว่าแต่ป่านนี้แล้วยังมีคนอยู่ในห้องพักครูอยู่อีกหรอน่ะ… อาจารย์ของโรงเรียนนี้ก็ขยันกันดีจริงนะ…”
ในขณะที่นากากำลังพูดพึมพำออกมาอยู่นั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นแสงไฟสลัวๆ ที่ส่องลอดออกมาจากห้องพักครูที่ชั้นสามเข้าจนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องพูดบ่นออกมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักและเดินตรงขึ้นอาคารเรียนไปยังห้องทำงานของประธานนักเรียนอย่างไม่รีบร้อนอะไรมากนักและเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าไปข้างในในทันทีที่เขาเดินมาถึง
ก๊อก ก๊อก
“ไดเอน่าอยู่หรือเปล่า พวกฉันกลับมาถึงแล้วก็เลยมารายงานตัวน่ะ”
“อ่ะ— ก็ว่าสิว่าเหมือนได้ยินเสียงรถ เข้ามาได้เลยจ้ะนากาคุง”
คำพูดอนุญาตของไดเอน่าที่ดังขึ้นมาให้เขาได้ยินนั้นได้ทำให้นากาไม่รอช้าที่จะเปิดประตูเข้าไปภายในโดยมีเสียงพูดของไดเอน่าดังขึ้นมาต้อนรับเขา
“เอาจริงๆ นายไม่ต้องรีบมารายงานทันทีที่กลับมาถึงก็ได้นะ นี่โชคดีนะที่วันนี้ฉันอยู่ถึงดึกแบบนี้น่ะ”
“ก็ฉันเห็นว่าไฟของห้องนี้มันเปิดอยู่ก็เลยขึ้นมาน่ะ”
นากาที่ได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ออกจะติดตลกนิดๆ ของไดเอน่าได้ยักไหล่พูดตอบเธอกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น อยู่ๆ มายะที่อยู่ภายในห้องด้วยตั้งแต่แรกก็ได้พุ่งเข้ามาหลบที่ด้านหลังของเขาที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทีตื่นๆ เข้าเสียก่อน
“น…นากาคุง…!”
“ว่าไงมายะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าน่ะ?”
ท่าทางตื่นกลัวของมายะที่ดูแปลกไปจากปกติที่เธอมักจะดูสงบลงเวลาอยู่กับไดเอน่านั้นได้ทำให้นากาต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจก่อนที่เขาจะลองกวาดตามองดูสภาพภายในห้องทำงานของประธานนักเรียนดู
และนั่นก็ทำให้เขาได้พบว่านอกจากมายะที่เพิ่งจะวิ่งมาหลบอยู่ด้านหลังเขาแล้ว ภายในห้องนี้ก็ยังมีไดเอน่าที่เพิ่งจะพูดตอบเขากลับมาในทีแรกและเด็กหนุ่มผมสีเบจนามว่า เคนซากิ ที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกับเขากำลังนั่งดื่มชาอยู่ด้วยท่าทีเหนื่อยใจอยู่ด้วย
ซึ่งเคนซากิที่ดูเหมือนว่าจะมีท่าทีเหนื่อยใจกับท่าทางของมายะอยู่นั้นก็ได้เอ่ยปากพูดทักทายนากาขึ้นมาด้วยท่าทีเป็นมิตรแบบเดียวกับที่เขามักจะแสดงออกต่อหน้าคนอื่นอยู่เสมอๆ
“สวัสดีครับนากามูระ ถึงพวกเราจะเรียนอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ แต่ว่านี่คงจะเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้คุยกันสินะครับ”
“อื้ม… ก็เห็นนายมีพวกผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังตลอดพวกเราก็เลยยังไม่เคยได้คุยกันเลยนี่นะ แล้วก็เรียกฉันว่านากาเฉยๆ ก็พอแล้วล่ะ ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันอยู่แล้วนี่”
นากาพยักหน้าพูดตอบเคนซากิกลับไปตรงๆ ในขณะที่ทางด้านไดเอน่าที่ดูเหมือนว่าจะสนิทกับเคนซากิดีก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง
“ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเราค่อยมาคุยกันต่อก็แล้วกันนะเคนซากิคุง ตอนนี้ขอฉันฟังรายงานของนากาคุงเขาก่อนก็แล้วกันนะ”
คำพูดของไดเอน่านั้นได้ทำให้เคนซากิยักไหล่กลับไปให้เธอ ในขณะที่นากานั้นก็ได้เลิกคิ้วเล็กน้อยกับการที่ไดเอน่าเหมือนจะอนุญาตให้เคนซากินั่งฟังรายงานของเขาที่เป็นเรื่องภายในกลุ่มดอว์นอยู่ในห้องด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นนากาก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรมากนักและคิดว่าเคนซากิอาจจะมารายงานตัวขอเข้าร่วมกับกลุ่มดอว์นด้วยอีกคนหนึ่งก็ได้เขาจึงได้เริ่มต้นเล่าเรื่องการค้นหาเบาะแสของอาจารย์อารอนที่กลายเป็นการสะสางความแค้นเก่าของรีซาน่าไปเสียแทนรวมถึงเรื่องของเทพมังกรชิโยะผู้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในหกเทพพิทักษ์ประจำธาตุดินออกมาให้ไดเอน่าและคนอื่นๆ ได้ฟัง
“ตัวตนที่ทำหน้าที่ดูแลสมดุลของวิซบนโลกแบบเดียวกับหกเทพพิทักษ์งั้นหรอ… สรุปว่าพวกเขามีตัวตนอยู่จริงๆ งั้นสินะ…”
และหลังจากที่นากาเล่าเรื่องออกมาจนจบนั้นเอง ทางด้านไดเอน่าก็ได้ก้มหน้าลงและพูดพึมพำออกมาเบาๆ จนทำให้นากาต้องพูดอธิบายออกมาเพิ่มเติม
“ก็ไม่รู้ว่าจะใช่หรือเปล่านะ เพราะถึงชิโยะจะไม่ได้พูดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในหกเทพพิทักษ์ก็เถอะ แต่เห็นเธอบอกว่าตัวเองมีหน้าที่ดูแลสมดุลของวิซธาตุดินน่ะ”
“อื้ม… มายะจัง เธอเคยได้ยินเรื่องอะไรพวกนี้มาจากทางบ้านบ้างหรือเปล่าน่ะ?”
“จ…จากทางบ้านไม่เคยเลยค่ะ… แต่ถ้าเป็นจากทางโบสถ์หรือว่าพวกนิทานเก่าๆ ก็เคยได้ยินอยู่บ่อยๆ …”
“นั่นสินะ… ถ้าเป็นเรื่องคนที่ทำหน้าที่ดูแลสมดุลของวิซธาตุต่างๆ แบบนั้นก็คงจะมีแต่เรื่องในตำนานนั่นแหล่ะ…”
ไดเอน่าที่หันไปพูดถามมายะขึ้นมาและได้คำตอบแบบเดียวกับที่เธอคาดเอาไว้แล้วนั้นได้พูดพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นเพื่อนของเธอที่จนถึงบัดนี้ก็ยังคงแอบหลบอยู่ที่ด้านหลังของนาการาวกับว่าจะใช้เขาเป็นเครื่องรางป้องกันภัยจากเคนซากิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเธอจนทำให้เธอต้องพูดขึ้นมา
“ถ้างั้นฉันฝากเธอไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของหมู่บ้านนั้นมาให้ฉันหน่อยสิมายะจัง ตามบันทึกสินค้านำเข้าเก่าๆ ในห้องสมุดของทางโรงเรียนหรือไม่ก็ของทางเมืองน่าจะพอมีข้อมูลอยู่บ้างล่ะมั้ง อีกอย่างนึงถ้าเป็นคริสตัลวิซความบริสุทธิ์สูงแบบนั้นทางบ้านของเธอก็น่าจะสนใจอยู่บ้างล่ะมั้งจ๊ะ”
“อ..เอ๋ะ… ตอนนี้เลยหรอคะ? ล…แล้วไดเอน่าจังล่ะ…?”
“เดี๋ยวฉันขอคุยกับนากาคุงแล้วก็เคนซากิคุงเขาอีกนิดนึงก็จะกลับบ้านแล้วเหมือนกันน่ะจ้ะ”
“ถ..ถ้าไดเอน่าจังว่าอย่างงั้นก็ได้แหล่ะค่ะ… ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ…!”
มายะพูดตอบไดเอน่ากลับไปก่อนที่เธอจะชำเลืองมองไปทางด้านเคนซากิและสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินตรงออกจากห้องไปในทันทีจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ถ้ายังไงจะให้ฉันไปช่วยมายะเขาหาข้อมูลด้วยมั้ย?”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ นากาคุงเพิ่งจะเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ เพราะงั้นก็พักผ่อนก่อนเถอะจ้ะ”
ไดเอน่ายักไหล่พูดตอบนากากลับไปก่อนที่เธอจะยกขาขึ้นมาไขว่ห้างและตบไปที่โซฟาข้างกายเหมือนจะบอกว่าให้นากาเดินมานั่งคุยที่ข้างๆ กันนี่แทนด้วยท่าทีเป็นกันเองราวกับว่าในเมื่อมายะที่เคารพนับถือเธอไม่อยู่แล้วเธอก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องรักษามาดของประธานนักเรียนสาวอีกต่อไป
ซึ่งทางด้านนากานั้นก็ได้ยอมเดินไปนั่งอยู่ที่ข้างๆ ไดเอน่าอันเป็นฝั่งตรงข้ามกับเคนซากิเสียพอดิบพอดีก่อนที่เขาจะพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ว่าแต่เธอสั่งให้มายะเขาไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของหมู่บ้านนั้นมามันจะได้เรื่องหรอน่ะ? เพราะเหมือนว่าพวกเขาจะเอาสินค้าไปขายแต่ที่แพนเทร่าเองนะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ เพราะถ้าเกิดว่าสินค้าของหมู่บ้านนั้นมันเป็นคริสตัลวิซคุณภาพดีจริงๆ ล่ะก็มันก็จะต้องเหลือร่องรอยอะไรเอาไว้ในตลาดของเมืองทั้งสี่อยู่บ้างอยู่แล้วล่ะ เพราะว่าคริสตัลวิซคุณภาพสูงๆ น่ะเป็นที่ต้องการกันมากเลยล่ะ แล้วนี่ยังไม่รวมถึงเรื่อง ‘คริสตัลวิซสีชมพู’ ที่หัวหน้าหมู่บ้านของรีซาน่าเขาพูดถึงอีกนะ”
ไดเอน่าพูดอธิบายออกมาให้นากาฟังด้วยน้ำเสียงสบายๆ ในขณะที่ทางด้านเคนซากิที่มาจากเมืองแพนเทร่าและได้ยินว่าไดเอน่าต้องการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเมืองของเขานั้นก็ได้เอนหลังลงไปพิงกับพนักโซฟาและพูดบ่นออกมาเบาๆ
“ถ้าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการนำเข้าและส่งออกคริสตัลวิซความบริสุทธิ์สูงของทางแพนเทร่าล่ะก็ผมก็น่าจะขอข้อมูลมาจากทางนั้นให้ได้อยู่นะครับ”
“แหม่ แต่ถ้าจะให้คุณตัวแทนจากเมืองแพนเทร่าทำอย่างงั้นเดี๋ยวก็จะได้ถูกสงสัยเอาซะเปล่าๆ ว่าจะเอาข้อมูลแบบนั้นไปทำอะไรจริงมั้ยล่ะ กลุ่มดอว์นของพวกเราไม่ได้เน้นมุ่งต่อผลลัพธ์จนทำให้คนอื่นลำบากหรอกนะ~”
“ตัวแทนจากเมืองแพนเทร่างั้นหรอ? ไม่ใช่ว่านายเป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยนจากเมืองแพนเทร่าหรอกหรอ?”
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังพูดตอบเคนซากิกลับไปอยู่นั้นเอง ทางด้านนากาก็ได้เลิกคิ้วพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัยจนทำให้ไดเอน่าจำเป็นต้องพูดอธิบายออกมาให้เขาได้ฟัง
“เคนซากิคุงเขาก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตามที่นายเข้าใจนั่นแหล่ะจ้ะ แค่ว่านอกจากนั้นแล้วเขาก็เป็นอย่างอื่นอยู่อีกด้วยน่ะ แต่ว่าเรื่องนั้นมันเป็นปัญหาของเมืองแพนเทร่าเขาน่ะ”
“ปัญหาของเมืองแพนเทร่างั้นหรอ… ฟังดูยุ่งยากดีนะนั่น”
“ก็ค่อนข้างอยู่แหล่ะจ้ะ เพราะทางเมืองแพนเทร่าเขาก็มีปัญหาของเขาอยู่เหมือนกัน… แต่ว่าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทางฉันก็เลยตัดสินใจจะแลกเปลี่ยนข้อมูลที่กลุ่มดอว์นหามาได้กับข้อมูลของทางฝั่งเคนซากิคุงเขาน่ะ”
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังพูดอธิบายออกมาให้นากาฟังอยู่นั้นเอง ทางด้านเคนซากิก็ได้ยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเหมือนกับว่าไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
“ในเมื่อที่โรงเรียนนี้ก็มีกลุ่มดอว์น ที่แพนเทร่าเองก็มีอะไรคล้ายๆ กันอยู่ด้วยอะไรประมาณนั้นแหล่ะครับ”
“ก็แบบที่เคนซากิคุงเขาว่ามานั่นแหล่ะจ้ะ”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเคนซากิในยามที่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องกลุ่มของตัวเองขึ้นมานั้นจะฟังดูเย็นยะเยือกกว่าน้ำเสียงสบายๆ ตามปกติของเขาอยู่บ้าง แต่ว่าทางไดเอน่าก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเลยแม้แต่น้อยและเบียดตัวยื่นมือผ่านร่างของนากาไปในระยะประชิดเพื่อเอื้อมไปหยิบเอาชิ้นขนมที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะมาทานคู่กับน้ำชาของเธออย่างหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจท่าทีของนากาที่แทบจะทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อยจนทำให้เคนซากิอดไม่ได้ที่จะต้องพูดเตือนขึ้นมา
“นี่ถ้าคุณมายะมาเห็นคุณไดเอน่าทำตัวไม่ค่อยจะสุภาพแบบนี้คงจะตกใจแย่เลยนะครับนั่น”
“คิกคิก เอาน่าๆ ก็ตอนนี้มายะเขาไม่อยู่แล้วก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่~”
ไดเอน่าหัวเราะออกมาเล็กน้อยให้กับคำเตือนของเคนซากิก่อนที่เธอจะเอื้อมมือเบียดร่างของนากาไปอีกครั้งหนึ่งเพื่อหยิบเอาขนมชิ้นใหม่จนทำให้นากาที่หน้าเริ่มที่จะขึ้นสีตัดสินใจที่จะเลื่อนจานใส่ขนมเข้าไปให้ไดเอน่าแทน และนั่นก็ทำให้ไดเอน่าเผยรอยยิ้มซุกซนออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเริ่มต้นพูดเข้าเรื่องอีกครั้ง
“แต่ว่าเรื่องของผู้หญิงที่เคยมีตำแหน่งเดรคคนนั้นทางฉันคงจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้หรอกนะนากาคุง เพราะยังไงทางโรงเรียนก็ไม่ใช่โบสถ์หรือว่าอะไรที่คอยช่วยเหลือเรื่องอะไรแบบนั้นอยู่แล้วน่ะ…”
“เธอไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เห็นมีอาเขาบอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเอริกะให้แล้วน่ะ ส่วนเดรคเขาก็รับปากชิโยะว่าจะคอยดูแลผู้หญิงคนนั้นให้อยู่เหมือนกัน”
นากาพูดตอบไดเอน่าพร้อมกับพยักหน้ากลับไปให้ด้วยความเข้าใจ เพราะถึงแม้ว่าเอริกะจะชอบรับคนเข้าไปอยู่ในสังกัดอยู่เรื่อยๆ จนดูเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ก็ตามที แต่ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่อะไรที่คนทั่วๆ ไปทำได้ง่ายๆ เลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ทางด้านไดเอน่านั้นก็ยังคงพยายามที่จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่เธอสามารถทำได้อยู่ดี
“แต่ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันจะแจ้งให้ทางหอพักเตรียมห้องพักชั่วคราวเอาไว้ให้ก่อนเผื่อว่าคุณเอริกะจะมีปัญหาอะไรก็แล้วกันนะ ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาก็พาเธอไปพักที่หอพักของทางโรงเรียนก่อนได้เลย”
“อื้ม เตรียมการเผื่อเอาไว้ก่อนก็น่าจะดีกว่างั้นสินะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวไว้พอเอริกะเขาตัดสินใจได้ว่ายังไงเดี๋ยวฉันจะรีบมาบอกเธอก็แล้วกัน”
นากาพูดตอบไดเอน่ากลับไปอีกครั้งหนึ่งพลางเริ่มที่จะหยิบขนมขึ้นมากินเล่นบ้างจนทำให้ไดเอน่าที่เห็นแบบนั้นหลุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเป็นทางการกว่าเดิม
“ว่าแต่นายยืนยันแน่ๆ เลยใช่มั้ยว่าเรื่องหัวหน้าหมู่บ้านของรีซาน่าที่เสียชีวิตไปนั่นพวกนายไม่ได้เป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะ? เพราะถึงมันจะมองว่าเป็นการป้องกันตัวได้ก็เถอะ แต่ว่าถ้าเกิดเป็นการกระทำของเด็กนักเรียนจากทางโรงเรียนมันจะมีปัญหาเอาได้น่ะ ยิ่งรีซาน่าเขาไม่ได้มีเส้นสายหรือว่าสายเลือดหนุนหลังเอาไว้แบบนั้นด้วยน่ะนะ…”
“อื้ม… ถึงรีซาน่าเขาเกือบจะได้เป็นคนลงมือเองก็เถอะ แต่ว่าเธอก็โดนชิโยะห้ามเอาไว้แล้วลงมือด้วยตัวเองน่ะ แถมวิธีการมันก็ออกจะ…”
นากาที่กำลังพูดตอบไดเอน่ากลับไปนั้นได้เงียบเสียงลงไปกลางคันพร้อมกับเบ้ปากด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนเล็กน้อยเมื่อเขานึกไปถึงฉากการควักหัวใจสดๆ ออกมาและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นก้อนคริสตัลก่อนจะขยี้ทิ้งไปด้วยมือเปล่าๆ ของชิโยะ
ส่วนทางด้านไดเอน่าที่เป็นคนพูดถามขึ้นมานั้นก็กลับเหมือนกับว่าจะไม่ได้ตั้งใจฟังคำตอบของนากาสักเท่าไหร่นักเมื่อเธอได้แอบชำเลืองมองไปทางด้านเคนซากิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอยู่เป็นระยะๆ ราวกับว่าเธอกำลังสังเกตหรือเฝ้าระวังท่าทีของเขาอยู่จนกระทั่งคำพูดตอบกลับของนากาเงียบลงไปนั้นเองเธอจึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ถ้าอย่างงั้นก็คงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ… เพราะในเมื่อเป็นการลงมือของคนอื่นแบบนี้ทางวังหลวงเขาคงไม่คิดจะแถให้สีข้างถลอกว่ามันเป็นเพราะเด็กนักเรียนของเราเป็นต้นเหตุหรอก…ล่ะมั้ง… เอาเป็นว่าตอนนี้นายไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนสักวันสองวันเถอะจ้ะนากาคุง เดี๋ยวฉันทำเรื่องหยุดเรียนให้เอง”
“อ่า ขอบใจนะไดเอน่า เพราะโมโกะเขาก็สภาพดูไม่ค่อยจะดีจริงๆ นั่นแหล่ะ… ถ้างั้นเอาเป็นว่าฉันขอตัวก่อนเลยก็แล้วกันนะ”
นากาพูดตอบไดเอน่ากลับไปก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินออกจากห้องไปโดยมีเสียงของไดเอน่าพูดส่งท้ายเอาไว้ให้เขาได้ยิน
“ฝากทักทายโมโกะจังเขาให้ด้วยก็แล้วกันนะจ๊ะนากาคุง ส่วนเรื่องหาเบาะแสของอาจารย์อารอนนั่นเอาไว้ค่อยมาปรึกษาพร้อมกับพวกอัลเบิร์คเขาอีกทีนึงก็แล้วกันนะ”
“อื้ม เข้าใจแล้วล่ะ”
แกร๊ก
“เอาล่ะ~”
ในชั่วขณะที่นากาปิดประตูห้องกลับลงไปนั้นเองทางด้านไดเอน่าก็ได้ใช้พลังวิซของเธอควบคุมกลอนประตูให้หมุนปิดล็อกห้องทำงานของตนเองเอาไว้ก่อนที่เธอจะหันไปทางด้านเคนซากิที่นั่งฟังการพูดคุยของเธอและนากาอย่างเงียบๆ มาได้สักพักหนึ่งแล้วพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงซุกซน
“ว่ายังไงล่ะเคนซากิคุง~ เรื่องที่ได้ยินนี่พอจะทำให้นายเชื่อใจกลุ่มดอว์นของพวกฉันขึ้นมาได้สักนิดหรือยังล่ะ?”
“……”
คำพูดของไดเอน่านั้นได้ทำให้รอยยิ้มเป็นมิตรของเคนซากิที่เขาแสดงออกต่อหน้านากาเลือนหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาแข็งกร้าวผิดกับท่าทีที่เขาแสดงออกเมื่อสักครู่เป็นคนละขั้ว
“ถึงกลุ่มดอว์นจะหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่แพนเทร่าไม่ได้เป็นฝีมือของเมืองรีมินัสอยู่ดี…”
“ฉันเองก็อยากจะบอกเหมือนกันนะว่า ‘ถึงเคนซากิคุงจะหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่รีมินัสไม่ใช่ฝีมือของเมืองแพนเทร่าอยู่ดี’ เหมือนกันนั่นแหล่ะจ้ะ~ นี่ฉันเห็นว่าเป้าหมายจริงๆ ของพวกเรามันอาจจะตรงกันก็เลยยอมเปิดเผยข้อมูลที่มีในมือให้ก่อนเลยนะเนี่ย~”
“อย่างน้อยก็ต้องชมว่าเธอรู้จักวิธีการเสนอข้อต่อรองดีล่ะนะ… ชิ… น่าขยะแขยงจริงๆ … เหมือนกับเจ้าพวกนั้นไม่มีผิด…”
“คิกคิก พอดีว่าคุณปู่ทวดของฉันเขาสอนมาดีน่ะจ้ะ~”