ตอนที่ 178 ฝึกตนคู่

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 178 – ฝึกตนคู่

 

รัตติกาลลึกล้ำ ในกลุ่มแชตค่อย ๆ เงียบสงบลง   

ยางยางเห็นว่าไม่มีเรื่องสดใหม่อะไรแล้ว “ฉันกลับบ้านไปนอนนะ พรุ่งนี้เจอกันนะทั้งสองคน”

ว่าแล้ว เธอสวมชุดนอนขนฟูเปิดประตูออกไปราวกับไดโนเสาร์ตัวน้อยตัวหนึ่ง 

ในห้องนั่งเล่น หนานเกิงเฉินซุกตัวอยู่ในโซฟาหนังแท้มองอีกฝ่ายจากไป ถามอย่างประหลาดใจอยู่บ้างว่า “พี่ยางยาง เธอจะไปไหนอะ?”

ชิ่งเฉินมองเขาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “กลับบ้านของเธอเองน่ะสิ ไม่งั้นยังจะอยู่บ้านฉันนี่เหรอ? พ่อฉันขายบ้านเพื่อการพนันไปแล้ว ตอนนี้ยางยางเป็นเจ้าของใหม่ที่นั่น บ้านหลังนี้ที่อยู่ตอนนี้เป็นหลังที่ฉันเช่าจากทางหูเสี่ยวหนิว”

นี่ทำให้หนานเกิงเฉินยิ่งสับสนมากขึ้น “พวกนายสรุปว่ามีความสัมพันธ์อะไรกันอะ?”

ยางยางที่หยุดอยู่ตรงประตูหันหน้ากลับมาขบคิดครึ่งค่อนวัน “ฝึกตนคู่?”

หนานเกิงเฉิน “???”

ชิ่งเฉิน “???”

ยางยางอธิบายว่า “ฉันใช้สกิลช่วยชิ่งเฉินฝึกตน ในระหว่างที่ช่วยเหลือเขา ระดับการควบคุมสกิลของฉันก็พัฒนาขึ้น สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงยิ่งเพิ่มความละเอียดอ่อน”

ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ฝึกตนคู่เอามาใช้ตรงนี้ไม่ได้นะ!”

ตัวอย่างเช่นคุณพูดว่า : อยากจะเปิดสมองน้อย ๆ ของคุณออกมาดูจริง ๆ ว่าข้างในมีอะไร นี่เป็นความหมายหนึ่ง 

แต่ถ้าหากคุณเปลี่ยนประโยคนี้ไปว่า : อยากจะเปิดกระโหลกของคุณออกมาดูจริง ๆ ว่าข้างในมีอะไรอยู่ นั่นก็กลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง! 

ยางยางโบกมือส่ง ๆ “ไม่สำคัญ กลับบ้านแล้ว”

ว่าแล้วก็ปิดประตู 

ตอนนี้หนานเกิงเฉินกล่าวว่า “พี่เฉิน คืนนี้ฉันอยู่ที่บ้านนายได้รึเปล่าอะ?”

“ฉันยังประหลาดใจนิดหน่อยอยู่เลย ปกตินายจะออกจากบ้านไม่ได้ตอนกลางคืน วันนี้ถึงกับยังอยากจะไม่กลับทั้งคืน?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างรู้สึกแปลกประหลาด          

“พ่อฉันเสียเงินแล้วอารมณ์ไม่ดี ตอนนี้กำลังดื่มเหล้าย้อมใจอยู่คนเดียวที่บ้าน กลับไปจะต้องโดนทุบแน่” หนานเกิงเฉินกล่าว 

ชิ่งเฉินถอนหายใจหนึ่งคำ ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นแผลเข็มขัดหนังบนร่างกายหนานเกิงเฉิน รอยสีม่วงแต่ละรอยดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด 

พ่อแม่อีกฝ่ายถึงจะไม่ได้หย่าขาด แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้จะดีไปกว่าตนเองสักเท่าใด 

เขาถามหนานเกิงเฉินว่า “แม่นายล่ะ?”

“พ่อฉันตีแม่ฉันกลับบ้านเดิมไปแล้ว” หนานเกิงเฉินเอ่ยเสียงต่ำ “ฉันคาดว่าพวกเขาจวนจะหย่าแล้วล่ะ พี่เฉิน ช่วงนี้ฉันกำลังคิดหนทางประหยัดเงินอยู่ ตอนที่คืนกลับทุกครั้งจะให้หลี่อีนั่วมอบทองคำให้ฉันสองแท่ง รอจนฉันประหยัดเงินได้พอแล้วก็จะไปซื้อบ้านเอง หลังจากนั้นจะอยู่ตัวคนเดียว”

ว่าแล้ว หนานเกิงเฉินถึงกับล้วงทองคำสามแท่งออกมาจากในกระเป๋าเสื้อผ้า “นี่เป็นของที่ยังไม่ทันได้ขาย ฝากไว้กับพี่เฉินนายก่อนนะ ฉันกลัวว่าทิ้งไว้ในบ้านจะถูกพ่อฉันเจอ”

“อืม” ชิ่งเฉินช่วยเขาเก็บไว้ระหว่างไม้กระดานเตียง “หลี่อีนั่วดีกับนายมากจริง ๆ ความเร็วในการหาเงินนี่ก็ไม่ได้แย่กว่าฉันสักกี่มากกี่น้อย”

“พี่เฉิน หรือไม่ให้ฉันไปเข้าร่วมกับนายปะ” หนานเกิงเฉินกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ตอนนี้นายก็ยืนได้มั่นคงแล้ว มีท่านอาจารย์ที่ร้ายกาจขนาดนั้น ฉันติดตามนายก็จะสามารถเชิดหน้าชูตาเหมือนกัน”

“ทำไม นายไม่อยากจะอยู่กับหลี่อีนั่วเหรอ?” ชิ่งเฉินรู้สึกพิกลอยู่บ้าง “มีการกระทบกระทั่งกับเธอแล้วเหรอ?”

หนานเกิงเฉินคิดแล้วว่า “อันที่จริงการคบหากันตอนนี้ยังนับว่าไม่เลว ฉันก็ชอบนิสัยของเธอมากเลย อยู่ข้างกายเธอก็มีความรู้สึกปลอดภัยมาก แต่ว่าตอนเริ่มแรกที่คบหากันค่อนข้างขู่ขวัญคน ฉันนึกมาตลอดว่าเธออยากจะดูดปราณหยางของฉัน……”

ชิ่งเฉิน “……เหน็ดเหนื่อยแล้วนะ งั้นไหงนายยังอยากจะมาขลุกกับฉันล่ะ?”

หนานเกิงเฉินส่ายหน้า “ฉันรู้สึกเสมอว่าเอาแต่ถูกเธอคุ้มครองมันไร้ค่านิดหน่อย ไม่คู่ควรกับเธอ”

ชิ่งเฉินมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง เขารู้ว่าหมอนี้รู้สึกต้อยต่ำอยู่เสมอเนื่องจากความสัมพันธ์ในครอบครัว ดังนั้นพบกับแฟนสาวที่ดีอย่างหลี่อีนั่วได้กินข้าวนิ่มก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง 

หนานเกิงเฉินกล่าวต่อว่า “คนเขาไม่ได้ล้วนบอกว่าผู้ชายสร้างตัวก่อนค่อยสร้างครอบครัวเหรอ ฉันก็ไม่อยากจะให้เธอดูแคลนฉันอะ”

ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอดทนว่า “คำที่นายฟังมาไม่ครบถ้วน ควรจะเป็นพบคนดีสร้างครอบครัวก่อน พบนายทุนสร้างตัวก่อน พบเศรษฐีนีสร้างครอบครัวสร้างตัว……”

หนานเกิงเฉิน “……”

“ยังไม่ต้องคุยเรื่องของวันหลัง” ชิ่งเฉินคิด “ตอนนี้นายวางแผนจะทำยังไง จะอยู่ในบ้านฉัน?”

“ฉันไม่กล้ากลับไป” หนานเกิงเฉินกล่าวอย่างรู้สึกเป็นผู้ถูกกระทำขั้นสุด “กลับไปกลับไปก็ต้องโดนทุบตี หรือไม่พี่เฉินนายช่วยฉันแจ้งความพ่อฉันได้ปะ เรื่องนี้นายชินแล้วนิ”

ชิ่งเฉินคิดอยู่นานมาก “พ่อนายปกติพนันอะไร?”

“ไพ่นกกระจอก”

“นายรู้ว่าเขาพนันที่ไหนไหม?”

“ไม่รู้” หนานเกิงเฉินถอนหายใจ “ฉันไม่รู้ว่าเขาเล่นไพ่ที่ไหน ไม่งั้นฉันก็แจ้งความเขาเองแล้ว”

“ไม่เป็นไร” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่ง “นายพักที่บ้านฉันไปก่อน เรื่องนี้ฉันจะช่วยนายแก้ไขเอง”

……

……

หลังยางยางกลับเข้าบ้านก็ไม่ได้ตรงไปนอนเลย เธอทบทวนถึงการพูดคุยกับชิ่งเฉินในไม่กี่วันนี้ จู่ ๆ รู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ตนเองคิดไว้ผิดไปไกลเลย   

อีกฝ่ายไม่เหมือนกับนักเรียนมัธยมปลายสักนิด ความสุขุมและเยือกเย็นกับไหวพริบตอนที่พบเจอเรื่องราวก็ไม่ควรจะเป็นสิ่งที่นักเรียนมัธยมปลายเมืองเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถครอบครอง         

ดังนั้นยางยางจู่ ๆ อยากรู้อยากเห็นมาก ชิ่งเฉินสรุปแล้วมีอดีตอย่างไร? 

วันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน เธอใช้เวลาพักระหว่างคาบเรียกตัวหูเสี่ยวหนิวกับจางเทียนเจิน 

ยางยางถามว่า “บ้านที่ชิ่งเฉินอยู่ตอนนี้เป็นบ้านที่นายให้เขาเช่า?”

“อืม” หูเสี่ยวหนิวพยักหน้า “พวกเราปล่อยเช่าให้เขาเดือนละ 1400 หยวน ราคาตลาด 1200 เพิ่มราคา 200”

“บ้านนั้นตกแต่งไม่เลวมากเลย บวก 200 ถือเป็นราคามิตรภาพ สมเหตุสมผล” ยางยางพยักหน้า 

“จริงสิ บ้านที่เธออยู่ตอนนี้ก็เป็นบ้านเขานะ” หูเสี่ยวหนิวกล่าว “ตอนที่พ่อเขาขายบ้าน ชิ่งเฉินยังไม่ทันได้เก็บข้าวของก็ถูกเตะออกมาแล้ว”

ยางยางตะลึง งั้นไม่ใช่ว่าบ้านที่ตนเองอยู่ก็เคยเห็นของชิ่งเฉินเหรอ? 

ตอนย้ายเข้าเธอแค่ย้ายเตียงหนึ่งหลัง โทรทัศน์หนึ่งเครื่อง คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง ของที่เหลือล้วนยังเก็บไว้แบบเดิม 

งั้นตนเองจะสามารถหา ๆ ดูในบ้านว่าจะหาเจอเบาะแสที่เกี่ยวกับชิ่งเฉินได้ใช่หรือไม่ 

ยางยางกล่าวว่า “ฉันอยากรู้มาก พ่อเขาทำไมต้องขายบ้านของเขา ยังมีความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขาเป็นยังไง แล้วสรุปว่าชิ่งเฉินเป็นคนยังไง?”

“ฉันก็เคยถามเรื่องชิ่งเฉินกับเพื่อนนักเรียน” จางเทียนเจินกล่าว “ที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายคือ เพื่อนนักเรียนคนนี้มีชื่อเสียงสุด ๆ ไปทั้งโรงเรียนเลย เห็นว่าการสอบไม่เคยหลุดจากสามอันดับแรกเลย”

“สามอันดับแรกก็ไม่ถึงกับจะรู้จักเขากันทั้งโรงเรียนนะ” ยางยางคิดแล้วกล่าว “นายรู้ชื่อของสามอันดับแรกชั้นพวกเราที่โรงเรียนไห่ไหม คนส่วนใหญ่ล้วนจำไม่ได้”

“อืม” หูเสี่ยวหนิวอธิบาย “พวกเพื่อนนักเรียนบอกกับฉันว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เขาเรียนดี ทว่าตั้งแต่แรกเริ่มที่เขาอยู่ม.ปลายปีหนึ่งก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมาตลอด ตอนอยู่ม.ปลายปีหนึ่ง มีเพื่อนนักเรียนเคยเห็นเขาเป็นพนักงานเสิร์ฟทั้งคืนในคาราโอเกะ ยังมีเพื่อนนักเรียนเคยเห็นเขาเป็นพนักงานเสิร์ฟแผงลอยปิ้งย่างข้างถนน ยังมีเคเอฟซี, แมคโดนัลด์, ร้านของชำ ชิ่งเฉินทำงานพิเศษหาเงินค่าเรียนค่าใช้จ่ายให้ตัวเองมาตลอด”

“มีเพื่อนนักเรียนไปบังเอิญเจอเขา เขาก็ไม่รู้สึกอับอาย” จางเทียนเจินกล่าว “ฉันรู้สึกว่าเพื่อนนักเรียนเยอะมากถ้าตกต่ำจนถึงขั้นนี้อาจจะรู้สึกต้อยต่ำอยู่บ้าง แต่พวกเพื่อนนักเรียนบอกว่าชิ่งเฉินไม่มี อีกฝ่ายจะทักทายทุกคนอย่างเปิดเผย ไม่กระตือรือร้นเกินเหตุ แล้วก็ไม่เคยขลาดอาย แล้วก็มีเพื่อนนักเรียนเคยถามชิ่งเฉินว่าไม่รู้สึกอับอายเหรอ แต่คำตอบของชิ่งเฉินคืออาศัยสองมือตัวเองกินข้าว ไม่มีอะไรต้องละอาย”

ขณะนี้ จู่ ๆ ยางยางคิดถึงคำพูดที่ชิ่งเฉินเคยพูดกับเธอ 

ไม่ใช่ว่าตัวอีกฝ่ายต้องการจะทำงานหนักขนาดนี้ ทว่าโลกใบนี้ให้โอกาสอีกฝ่ายเริ่มต้นชีวิตใหม่หนึ่งครั้งอย่างไม่ง่ายดาย อีกฝ่ายจะต้องกัดฟันหลั่งเลือดไปขุดออกมาเป็นทางสายหนึ่ง 

ชิ่งเฉินไม่มีทางเลือก   

ยางยางไม่เคยพบสถานการณ์ประเภทนี้ คนอย่างเธอและหูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจินมีชีวิตที่สดใสมาโดยตลอด ดังนั้นยากจะจินตนาการว่าชีวิตคนในความมืดสุดท้ายแล้วยากลำบากขนาดไหน 

และชิ่งเฉินก็ไม่เหมือนกับเพื่อนนักเรียนคนใดที่เธอเคยพบเห็นเลย 

จางเทียนเจินเอ่ยเสริมว่า “จริงสิ ครูก็รู้สถานการณ์ในบ้านของเขา ดังนั้นเขาโดดเรียนครูก็ไม่แคร์ ว่ากันว่าตอนอยู่ม.ปลายปีหนึ่งเขาสัญญากับครูว่าผลการเรียนจะอยู่ที่สามอันดับแรกตลอดไป ตกจากสามอันดับแรกจะเข้าเรียนดี ๆ”

“งี้นี้เอง” ยางยางกล่าว “พ่อแม่เขาไม่สนใจเขาเหรอ?”

“พ่อแม่หย่ากันนานแล้ว พ่อเป็นผีพนัน ช่วงก่อนก็เพราะการพนันนี่แหละเลยเอาบ้านไปขาย” หูเสี่ยวหนิวกล่าว “ตอนพ่อเขาขายบ้านฉันก็ฟังอยู่นอกประตู เดิมฉันนึกว่าเขาเจอกับเหตุการณ์ประเภทนี้จะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาซะอีก แต่ตอนที่ฉันเข้าห้องกลับค้นพบว่าเขายังคงสงบนิ่งมาก เหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย”

“พ่อเขาตอนนี้อยู่ไหน?” ยางยางถาม 

“โอ๊ย ถูกเขาแจ้งความว่าซ่องสุมเล่นพนันไปแล้วล่ะ” หูเสี่ยวหนิวพูดถึงตรงนี้ก็ปวดฟันนิดหน่อย “หลังจากที่เธอเตือนฉันว่าอย่าไปตอแยเขา ฉันก็ขอให้คนตรวจสอบความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขาสักหน่อย ผลคือค้นพบว่าพ่อเขากำลังอยู่ในสถานกักกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการได้ยื่นฟ้องพ่อของเขาแล้ว ทนายของบ้านเราบอกว่า โทษจำคุกขั้นต่ำสุดคือหนึ่งปี”

ยางยางตกตะลึง เธอก็คิดไม่ถึงว่าชิ่งเฉินจะโหดขนาดนี้……

เวลานี้ หูเสี่ยวหนิวมองมาทางยางยาง “จริงสิ เขาก็เป็นนักท่องเวลาใช่ไหม ทำไมเธอให้พวกเราอย่าไปตอแยเขา เขาที่โลกภายในมีสถานะอะไรเหรอ?”

“ฉันรู้สึกว่าเขามีสถานะอะไรก็ไม่สำคัญนัก” ยางยางส่ายหน้า “คนประเภทนี้ ไม่ว่าเธอจะเอาเขาไปวางในสถานที่อะไร เขาก็จะประสบความสำเร็จไม่ช้าก็เร็ว ฉันรู้สึกว่าพวกนายแทนที่จะมุ่งความสนใจไว้ที่ตัวหลิวเต๋อจู้ ไม่สู้ลงทุนกับเขา”

จางเทียนเจินกล่าวว่า “ยางยางเธอใบ้ให้พวกเราหน่อยน่านะ”

“ไม่ได้” ยางยางส่ายหน้า “ฉันจะไม่หักหลังคนอย่างเขาที่กัดฟันดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด ฉันแนะนำว่าวันหลังพวกนายก็อย่าทำอย่างนี้”

โดดเรียนคาบภาคค่ำกลับถึงบ้าน อันดับแรกยางยางขุดคุ้ยไปทั่วบ้านเลย อยากจะดูว่าชิ่งเฉินทิ้งอะไรเอาไว้ในบ้านหลังนี้บ้าง 

เธอพลิกตู้หนังสือก่อน และถึงขนาดพลิกหนังสือทุกเล่ม แต่ไม่พบอะไรสักอย่าง 

แล้วเธอก็ไปคุ้ยลิ้นชักทุกลิ้นชัก ข้างในแทบจะว่างเปล่า   

นี่ทำให้ยางยางผิดหวังมาก เธอนอนหงายบนเตียงครุ่นคิด แต่ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ 

แต่ทว่าในเวลานี้เอง ระหว่างที่เธอพลิกตัวจู่ ๆ ก็เห็นว่าบนผนังสีขาวข้างเตียงมีคนสลักตัวอักษรเล็ก ๆ ไว้หนึ่งแถว   

แพะวัวอยู่เป็นฝูง มีแค่เสือร้ายเดินทางลำพัง 

ยางยางใช้นิ้วถูรอยที่สลักลงไป ถึงขนาดสามารถจินตนาการได้ถึงสีหน้าอันดื้อรั้นของอีกฝ่ายในราตรีที่เปล่าเปลี่ยวที่สุด   

เธอกำลังคิดว่าการตามไปฟอร์มทีมกับคนประเภทนี้น่าจะน่าสนใจมากสินะ? 

เดี๋ยวนะ เด็กสาวรู้สึกอยู่เสมอว่าในบ้านยังขาดอะไรไปหน่อย……

เธอครุ่นคิดอีกสามตลบแล้วจู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นอย่างตะลึงงัน: ตั๋วอาหารล่ะ? 

ตามปกติแล้ว ข้างหมอนของเธอทุกวันจะมีตั๋วอาหารมารร้ายหนึ่งฉบับเพิ่มขึ้นมานะ วันนี้ทำไมไม่มีแล้ว?! 

นี่จะให้ตนเองไปกินข้าวอย่างมั่นอกมั่นใจได้ยังไงล่ะ!   

ยางยางวิ่งขึ้นชั้นบนไปเคาะประตู เธอมองหูเสี่ยวหนิวที่เปิดประตูถามว่า “ผู้ถือครองของแสตมป์มารร้ายเคยเขียนจดหมายให้นายรึเปล่า?”

หูเสี่ยวหนิวและจางเทียนเจินหลังจากเหตุการณ์เขาเหล่าจวินก็เป็นไพ่หงายสองใบแล้ว ตามนิสัยของผู้ถือครองคนนั้นก็น่าจะเคยส่งจดหมายให้พวกเขาถึงจะถูกต้อง         

“เคยได้รับ” หูเสี่ยวหนิวเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทำไมเหรอ? เธอก็ได้รับแล้วเหรอ?”

ยางยางไม่ได้ตอบคำถาม ทว่าถามต่อว่า “งั้นนายรู้รึเปล่าว่าควรจะตอบจดหมายเขายังไงน่ะ?”

“อืม ในจดหมายฉบับที่สองอีกฝ่ายเคยเอ่ยถึง แต่จนถึงวันนี้ฉันยังไม่เคยตอบ” หูเสี่ยวหนิวกล่าว

“งั้นดีเลย” ยางยางถอนหายใจกล่าวว่า “รบกวนนายตอบจดหมายให้ผู้ถือครองคนนั้นสักฉบับ บอกเขาเรื่องหนึ่ง”

หูเสี่ยวหนิวอึ้ง “เรื่องอะไร?”

ยางยางกล่าวว่า “นายตอบจดหมายให้เขาว่า ให้เขารีบเขียนจดหมายให้ชิ่งเฉิน! เร็ว ออนไลน์รอ ด่วนจี๋!”

หูเสี่ยวหนิว “???”

นี่มันทำอะไรเนี่ย? 

สิบนาทีให้หลัง ร่างผอมแห้งที่อยู่ข้างหน้าต่างเต็มผนังสักแห่งหนึ่งอ่านจดหมายตอบในมือ เขาบีบจดหมายในมือแน่นอย่างกะทันหันแล้วพึมพำว่า “รู้สึกตลอดเลยว่าตัวเองเหมือนจะถูกคนยึดถือเป็นเครื่องมือไปแล้ว บัดซบ……”

ผลคือ ยางยางรออยู่ในบ้านหนึ่งชั่วโมงกว่า ยังไม่สามารถรอจนได้จดหมายที่ผู้ถือครองให้ชิ่งเฉินเลย

จู่ ๆ เธอรู้สึกว่า หมอนี้อาจจะไม่เขียนจดหมายให้ชิ่งเฉินอีกแล้วหลังจากนี้……

“บ้าจัง” ยางยางถอนหายใจอยู่ในบ้าน “ไหงกลายเป็นจิตวิทยาย้อนกลับไปแล้วล่ะ”

ขณะนี้จู่ ๆ มีเสียงเคาะประตู เสียงของชิ่งเฉินดังมาจากข้างนอกว่า “ถึงเวลากินข้าวแล้ว”

ยางยางกระโดดลงจากเตียงยิ้มแก้มปริ 

……

……

วันเวลาผ่านไปทีละวัน เมืองลั่วก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบช่วงสั้น ๆ   

เงียบสงบราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น         

กลุ่มแชตของเหอเสี่ยวเสี่ยวก็เงียบไปชั่วคราว นักท่องเวลาทั้งหมดล้วนกำลังเตรียมตัวทะลุมิติครั้งต่อไป         

นับถอยหลัง 00:15:00

ชิ่งเฉินลุกขึ้นเหงื่อโชก แรงโน้มถ่วงอันไร้สภาพก็หายไปด้วย 

ในหลายวันมานี้ความร่วมมือของเขากับยางยางยิ่งรู้ใจกันขึ้น ไม่ว่าเขาจะก้าวหน้าเท่าไหร่ อีกฝ่ายล้วนสามารถเพิ่มแรงโน้มถ่วงที่สอดคล้องกันได้เสมอ 

เขาอาบน้ำเร็ว ๆ จากนั้นนอนลงบนเตียงอย่างสงบนิ่งรอคอยเงียบ ๆ 

ชิ่งเฉินรู้ว่า ณ ขณะนี้นักท่องเวลาที่รอนับถอยหลังเช่นเดียวกับเขาจะต้องยังมีอีกมากมาย 

10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2, 1 

ทะลุมิติ   

โลกภายในยังมีคนรอเขา 

……………………………………

ต่อไปนี้เป็นสปอยล์เล็กน้อยเกี่ยวกับชื่อเสียงในโรงเรียนของชิ่งเฉิน

.

.

.

อันที่จริงที่พี่เฉินดังไม่ใช่แค่เพราะได้ท็อปทรีและทำงานพิเศษตลอดค่ะ แต่เป็นวิธีการที่ได้สามอันดับแรก นั่นคือในการสอบทุกครั้งพี่ได้คะแนน 90 ตลอด ข้อสอบง่ายคนท็อปได้ 98 99 พี่ได้ 90 คะแนนเป็นที่สาม ข้อสอบยากคนที่สองได้ 70 80 คะแนน พี่ก็ได้ 90 คะแนนเป็นที่หนึ่ง 5555 

ทุกคนเลยดูออกว่าพี่จงใจแล้วก็แซะอีตาคนที่ได้ที่หนึ่งที่สองว่าที่แม่งได้ท็อปเป็นเพราะชิ่งเฉินเขาล็อกคะแนนตัวเองไว้ที่ 90 คะแนนอะดิ

อีกอย่าง จำไม่ได้ว่าเคยเอ่ยถึงยังนะ แต่ความจริงม.ปลายที่ชิ่งเฉินอยู่ไม่ใช่อันดับหนึ่งของเมืองลั่ว ม.ปลายอันดับหนึ่งคือโรงเรียนเมืองลั่ว ซึ่งพี่เฉินที่เรียนเก่งจนดังตั้งแต่ตอนม.ต้นก็เข้าได้สบายมาก ทางนั้นอ้าแขนรอเลย แต่พอดีว่ารร.นี้เขาให้ทุนเรียนฟรีอะนะ พี่เฉินก็เลือกไม่ต้องคิดเลย

 

 

ตอนที่ 179 – อาจารย์ช่วยเธอขอแต่งงานไหม?