ตอนที่ 88 ขึ้นมาบนภูเขาอีกครั้ง

ตลอดทั้งวันที่ผ่านมานี้ชิวเยวี่ยถงก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา แต่ก็มีข่าวดีอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือศัตรูยังไม่ปรากฏตัวเลยในตอนนี้

บางทีศัตรูอาจจะไม่มาแล้วก็เป็นได้!

นี่คือความคิดของเหล่าพี่น้องในหมู่บ้านแต่ชิวจูคิดว่ายังไงมู่อี้ก็ต้องมาที่นี่แน่นอน ในทางกลับกันยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายความว่าศัตรูได้เตรียมตัวมาดีมากเท่านั้น

หลีหู่หายตัวไปแล้วจริงๆและชิวจูก็ไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากได้ทราบเรื่องนี้ นางเริ่มออกคำสั่งต่อคนในหมู่บ้านโดยอ้างชื่อของชิวเยวี่ยถง เริ่มจากการวางกับดักเอาไว้ที่ทางขึ้นภูเขาลูกนี้และยังฝังดินระเบิดเอาไว้มากมายตามตำแหน่งที่สำคัญอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ชิวเยวี่ยถงเคยพูดออกมาให้นางได้ยินและนางก็จดจำมาโดยตลอด

ในตอนนี้ชิวเยวี่ยถงไม่สามารถสั่งการได้ นางจึงต้องรับหน้าที่นี้ด้วยตนเอง

ตามที่ชิวเยวี่ยถงได้บอกไว้ในตอนนั้นตราบใดที่ทำแบบนี้ทั้งหมดแล้ว แม้แต่ราชสำนักก็ยังไม่อาจบุกขึ้นมาโจมตีภูเขาแห่งนี้ได้ถ้าหากไม่ใช้ทหารจำนวนหลายพันคน

แต่ในตอนนี้ศัตรูมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ชิวจูเชื่อว่าตราบใดที่นางเตรียมตัวเป็นอย่างดีแล้วศัตรูจะต้องพ่ายแพ้แม้ว่านายหญิงของนางจะยังไม่ตื่นขึ้นมาก็ตาม

แต่ในตอนที่นางทำเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นทั้งหมดนั้นนางก็ได้หลงลืมคำพูดของซุนยี่ก่อนหน้านี้ไปแล้ว ไม่ว่านางจะวางกับดักมากมายแค่ไหนแต่มู่อี้ก็ไม่ใช่คนโง่หรือคนที่จะมาติดกับดักง่ายๆอย่างแน่นอน

แม้ว่าซุนยี่จะเห็นการกระทำที่สูญเปล่าของชิวจูแต่เขาก็ไม่ได้เตือนนางแต่อย่างใด บางครั้งให้นางเผชิญกับความผิดหวังด้วยตนเองคงจะเป็นบทเรียนที่ดีกว่า

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆและคบเพลิงจำนวนมากก็ถูกจุดเอาไว้ทั่วหมู่บ้านแห่งนี้ มองจากระยะไกลๆแล้วมันดูเหมือนกับมังกรไฟตัวใหญ่ที่กำลังขดตัวนอนอยู่บนภูเขา

คบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นนั้นส่องสว่างทั่วทั้งภูเขาแห่งนี้และมีคนจำนวนมากที่ยืนประจำตามจุดป้องกันต่างๆตามทางขึ้นภูเขา

อาวุธทั้งหมดที่อยู่ในคลังถูกนำออกมาใช้ นอกจากธนูและลูกธนู หอก ดาบ หรือมีดสั้นแล้ว ยังมีปืนคาบศิลาอีกหลายกระบอกด้วยเช่นกัน

เมื่อได้เห็นอาวุธที่ถูกนำออกมาสายตาของผู้คนในหมู่บ้านก็ดูมีความกล้าหาญมากยิ่งขึ้น

ตามที่ซุนยี่ได้กล่าวเอาไว้ คนในหมู่บ้านแห่งนี้ขาดแค่ความสามัคคีเท่านั้น ในตอนนี้เมื่อมีคนกล้าออกมาเป็นผู้นำเหล่าผู้คนในหมู่บ้านต่างก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไปและกล้าจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง เมื่อมีอาวุธที่ดีอยู่ในมือและยังมีการวางกับดักเอาไว้ทั่วภูเขาแห่งนี้ รวมไปถึงความเป็นผู้นำของชิวจู ทำให้ความกล้าหาญของผู้คนในหมู่บ้านค่อยๆเพิ่มขึ้นมาช้าๆ

ภูมิประเทศของภูเขาเสี่ยวหานทำให้พวกเขาถือว่าได้เปรียบมาก ในตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าแม้แต่แมลงวันสักตัวหนึ่งก็ไม่มีทางเล็ดลอดเข้ามาในหมู่บ้านได้อย่างแน่นอน

ในตอนนี้แม้ว่าศัตรูจะกล้ามาที่นี่จริงๆ แต่ตราบใดที่นักพรตเต๋าคนนั้นเดินไปเหยียบจุดที่ฝังดินระเบิดเอาไว้เขาจะต้องโดนระเบิดกลายเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน

ในตอนนี้ชิวจูถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและนางทำได้เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น

ที่บริเวณตีนเขานั้นมู่อี้กำลังฟังสถานการณ์ที่ผ่านมาของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาแห่งนี้ตลอด 3 วันที่ผ่านมาเขาจ้องมองไปยังคบเพลิงจำนวนมากที่ถูกจุดเอาไว้บนภูเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย

ตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้นสถานการณ์ต่างๆเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้และในตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้นเขาเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเหมือนกัน

นอกจากยันต์ปราบปีศาจที่เขาเขียนเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมากแล้ว เขายังสามารถเขียนยันต์สายฟ้าได้สำเร็จถึง 3 แผ่นอีกด้วย ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาเขียนยันต์สายฟ้าได้สำเร็จวันละ 1 แผ่นเลย

พูดได้เลยว่ายันต์สายฟ้าทั้ง 3 แผ่นนี้สามารถช่วยเหลือมู่อี้ได้มากในการขึ้นไปบนภูเขาครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาต้องใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญเท่านั้นเพราะแม้ว่ายันต์สายฟ้าจะทรงพลังมากเพียงใดแต่ก็มีข้อจำกัดในด้านจำนวนอยู่

การรับมือกับคนธรรมดานั้นเพียงแค่ยันต์ปราบปีศาจก็มากพอแล้ว

ยันต์สายฟ้าทั้ง 3 แผ่นนี้เขาเตรียมไว้ให้ชิวเยวี่ยถงโดยเฉพาะ

และในครั้งนี้เมื่อไม่ต้องคอยช่วยเหลือซูจินหลุน เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็สามารถมาช่วยเหลือเขาได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าภายในภูเขาเสี่ยวหานจะมีเสือซ่อนมังกรเร้นอยู่แต่เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด

“หลังจากนี้ข้าคงไม่ต้องรบกวนท่านแล้ว ข้าจะขึ้นไปบนภูเขาเพียงผู้เดียวท่านไปหาที่หลบซ่อนตัวก่อนเถอะขอรับ” มู่อี้พูดกับฉีต้า ก่อนหน้านี้เขากับซูจินหลุนได้กลับไปที่มณฑลหลินอานแต่ฉีต้ายังคงอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของภูเขาเสี่ยวหานตลอด 3 วันที่ผ่านมา

“ท่านนักพรตเต๋า ให้ผู้น้อยขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับท่านด้วยเถอะ พวกกับดักมากมายที่โจรภูเขาได้วางเอาไว้ข้าถือว่าชำนาญกว่าท่านในเรื่องนี้” ฉีต้าพูดด้วยความกังวล

เขาทราบดีว่าท่านผู้พิพากษาส่งเขามาที่นี่เพราะเหตุใดและในตอนนี้มู่อี้ก็เป็นเหมือนกับเทพเจ้าในสายตาของเขา ถ้าหากเขาไม่ประจบประแจงสักหน่อยเขาก็คงเป็นคนโง่แน่นอน

“ครั้งนี้ท่านไปด้วยจะไม่เหมาะสมขอรับ” มู่อี้ตอบกลับมาโดยไม่ให้โอกาสฉีต้าได้พูดอะไรอีก จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนภูเขาทันที หลังจากเดินขึ้นไปได้ไม่กี่ก้าวร่างกายของเขาก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยแสงสีดำและหายไปทันที

ฉีต้าเบิกตากว้างขึ้นมาในตอนนี้และจากนั้นเขาก็ขยี้ตาของตัวเองเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่ามู่อี้หายตัวไปแล้วจริงๆความรู้สึกที่เคารพในใจของเขาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น

เมื่อมีธงราชันย์แห่งวิญญาณคลุมร่างกายเอาไว้ในเวลากลางคืนมู่อี้ก็เสมือนว่าหายตัวในความมืดได้แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าเขาสามารถหายตัวได้และวิธีนี้สามารถใช้ได้แค่เวลากลางคืนเท่านั้นเวลากลางวันย่อมใช้ไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นการหายตัวของเขายังมีผลแค่กับคนธรรมดาเท่านั้น มันย่อมไม่มีทางปกปิดการรับรู้ทางจิตวิญญาณหรือการรับรู้ของผู้ที่ได้ทำการบ่มเพาะร่างกายได้เลย ผู้ที่บ่มเพาะร่างกายจนฝีมือการต่อสู้อยู่ในระดับสูงนั้นประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณของพวกเขาย่อมเฉียบคมตามไปด้วย

แต่สำหรับมู่อี้ในตอนนี้นั้นศัตรูของเขาส่วนใหญ่เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น

เพราะภูเขาเสี่ยวหานแห่งนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นแค่คนธรรมดาที่อาศัยอยู่และคนที่สามารถหาตัวเขาได้พบก็มีเพียงแค่ผู้อาวุโสภายในหมู่บ้านที่ตายกลายเป็นวิญญาณคอยปกป้องภูเขาแห่งนี้เท่านั้นและผู้ที่บ่มเพาะร่างกายในกลุ่มโจรภูเขาเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แม้ว่าดวงวิญญาณของหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนจะยังไม่สลายหายไปแต่ดวงวิญญาณของเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้ว่าเขาจะผูกดวงวิญญาณของตนเองเอาไว้กับภูเขาเสี่ยวหานแต่มู่อี้ก็เชื่อว่าดวงวิญญาณของเขายังไม่หายเป็นปกติแน่นอนและในความคิดของเขานั้นสิ่งเดียวที่เขาต้องระวังในตอนนี้ก็คือชิวเยวี่ยถง

ความเร็วและวิชาดาบของนางทำให้มู่อี้ต้องรู้สึกประหลาดใจ

ถ้าหากไม่ใช่เวลากลางคืนมู่อี้คิดว่าเขาคงไม่สามารถเอาชนะนางได้อย่างแน่นอน

ตลอดทางนั้นมู่อี้เดินทางไปอย่างเงียบๆ เขาพยายามทำให้ผู้คนที่เฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆไม่รู้ตัว ด้วยธงราชันย์แห่งวิญญาณและความมืดที่เข้าปกคลุมในตอนนี้คนธรรมดาไม่มีทางรับรู้ถึงเขาได้เลย

และด้วยพลังแห่งจิตใจของเขานั้นแม้ว่าจะมีกับดักที่วางซ่อนเอาไว้อยู่เขาก็สามารถรับรู้ได้และสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีการฝังดินระเบิดเอาไว้ เพียงแค่เข้าไปใกล้มู่อี้ก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นรัวและจิตใจของเขาก็ย้ำเตือนอยู่เสมอว่าพื้นที่บริเวณนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน

ความรุนแรงของระเบิดนั้นมู่อี้เข้าใจเป็นอย่างดี

ถ้าหากว่าเขาพลั้งเผลอไปเหยียบเข้าเขาก็คงถูกระเบิดตายในทันที และไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

โชคดีที่พลังแห่งจิตใจทำให้เขาสามารถหลบเลี่ยงจากภัยอันตรายได้และด้วยธงราชันย์แห่งวิญญาณที่ทำให้เขาเสมือนว่าหายตัวได้ ทำให้เขาสามารถผ่านกับดักทุกๆกันไปได้อย่างง่ายดายและในตอนนี้เขาได้มาถึงตำแหน่งที่เขาต่อสู้กับชิวเยวี่ยถงก่อนหน้านี้แล้ว

ต้องบอกเลยว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนนั้นเลือกจุดฝังศพของเขาเอาไว้ในตำแหน่งที่ดีมาก พื้นที่บริเวณนี้มีเพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปบนภูเขาได้ด้านข้างทั้งสองฝั่งเป็นหน้าผาสูงชันยากที่จะปีนขึ้นไปได้และทำได้เพียงต้องผ่านถนนเส้นนี้ขึ้นไปเท่านั้น

ในตอนที่มู่อี้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่นั้น หลุมศพที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวก็มีการเคลื่อนไหวทันทีและมีร่างของชายคนหนึ่งลอยออกมาจากภายในนั้น

ในตอนนี้มู่อี้ไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับวิญญาณของชายคนนี้อีกต่อไป เนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่อยู่ข้างกายของเขามาโดยตลอดก็พุ่งออกไปทันที

อีกฝ่ายเป็นวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งและนางก็อยู่ในระดับวิญญาณอาฆาตด้วยเช่นกัน แต่เมื่อดูจากปัจจัยอื่นๆแล้วเนี่ยนหนิวเอ้อร์เป็นวิญญาณที่มีสติปัญญาและในตอนนี้อีกฝ่ายยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ดังนั้นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ย่อมสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างสบายๆ

ในเวลาเดียวกันตะเกียงที่ตั้งอยู่ภายในศาลาบรรพบุรุษก็ส่องสว่างขึ้นมาทันทีและจากนั้นก็มีเสียงกลองรบที่ดังออกมาจากภายในหมู่บ้านทันที